จาก ChatGPT
กรณีหุ้นถูกจำนำแล้วโดนบังคับขายจำนวนมาก จนราคาหุ้น “ลงฟลอร์” และกระทบทั้งตลาดและผู้ถือหุ้นรายย่อย เป็น ปัญหาโครงสร้างสำคัญของตลาดหุ้นไทย ที่ควรได้รับการแก้ไขเชิงระบบ โดยแบ่งแนวทางออกเป็น เชิงนโยบาย / เชิงกติกา / เชิงเทคนิค ดังนี้:
✅ แนวทางการแก้ปัญหา
🛑 1.
จำกัดสัดส่วนการจำนำหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ควรให้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ (เช่น 5% ขึ้นไป) ที่จะจำนำหุ้น ต้องเปิดเผยต่อ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์
กำหนดเพดานจำนำ เช่น ไม่เกิน 50% ของหุ้นที่ถือ เพื่อลดความเสี่ยงโดนบังคับขายทีเดียว
📢 2.
บังคับเปิดเผยข้อมูลการจำนำหุ้น
ปัจจุบันการจำนำหุ้นไม่จำเป็นต้องรายงานแบบทันที → ทำให้รายย่อยไม่รู้ว่ามีความเสี่ยง “โดนบังคับขาย”
ควรบังคับรายงานการจำนำหุ้นในระบบ SET SMART หรือระบบ Disclosure เหมือนการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น
ควรมี การเตือนผู้ลงทุน เมื่อลงทุนในหุ้นที่มีสัดส่วนหุ้นจำนำสูง
📉 3.
ปรับระบบ Forced Sell ให้ “Soft Landing”
ปัจจุบันโบรกเกอร์จะขายหุ้นจำนำทันทีเมื่อต่ำกว่า margin call → ทำให้เกิด “โดมิโน” ราคาไหลลงรุนแรง
ควรใช้ระบบ “Block Trade” หรือ “Sell by Tranche” เช่น ขายแบ่งรอบ ขายช่วง Auction เพื่อให้ราคามีโอกาสรีบาวด์
หรือมี ระบบ “Cushion” ที่ให้เวลาผู้กู้หาหลักทรัพย์อื่นมาทดแทน
📊 4.
จัดตั้ง “Market Stabilization Fund” หรือผู้ดูแลสภาพคล่องเฉพาะกรณี
ในบางประเทศ มีกองทุนที่เข้าแทรกแซงหากราคาหุ้นร่วงแรงโดยไม่มีเหตุผลพื้นฐาน
กองทุนนี้สามารถเข้าซื้อหุ้นในช่วงวิกฤติชั่วคราว และขายคืนเมื่อฟื้นตัว เพื่อลดแรงกระแทกต่อตลาด
🔍 5.
คุมเข้มการใช้หุ้นจำนำใน IPO
บางกรณีผู้ถือหุ้น IPO นำหุ้นไปจำนำก่อนครบกำหนด lock-up แล้วโดนบังคับขาย
ควรห้ามใช้หุ้นที่อยู่ในช่วง lock-up ไปจำนำ หรือถ้าทำ ต้องได้รับอนุญาตพิเศษจาก ก.ล.ต.
⚖️ 6.
เพิ่มบทลงโทษ “การเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ”
เช่น ถ้าเจ้าของจำนำหุ้น แล้ว “บีบราคาลงเพื่อให้ซื้อคืนถูก” หรือ “แอบรู้ล่วงหน้าแล้ว short ตาม”→ ควรมีโทษทางแพ่งหรืออาญา เช่น insider trading / manipulation
📚 7.
ให้ความรู้ผู้ลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงจากหุ้นที่มีหุ้นจำนำ
ตลาดหลักทรัพย์ควรจัดทำ “รายชื่อหุ้นที่มีสัดส่วนจำนำสูง” รายสัปดาห์
เพิ่มเครื่องหมายพิเศษ (เช่น 🔒) แสดงบนกระดานซื้อขาย
AI เสนอแนวทางแก้ปัญหาหุ้นถูกจำนำ แล้วถูกบังคับขายจนฟลอร์
กรณีหุ้นถูกจำนำแล้วโดนบังคับขายจำนวนมาก จนราคาหุ้น “ลงฟลอร์” และกระทบทั้งตลาดและผู้ถือหุ้นรายย่อย เป็น ปัญหาโครงสร้างสำคัญของตลาดหุ้นไทย ที่ควรได้รับการแก้ไขเชิงระบบ โดยแบ่งแนวทางออกเป็น เชิงนโยบาย / เชิงกติกา / เชิงเทคนิค ดังนี้:
✅ แนวทางการแก้ปัญหา
🛑 1.
จำกัดสัดส่วนการจำนำหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ควรให้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ (เช่น 5% ขึ้นไป) ที่จะจำนำหุ้น ต้องเปิดเผยต่อ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์
กำหนดเพดานจำนำ เช่น ไม่เกิน 50% ของหุ้นที่ถือ เพื่อลดความเสี่ยงโดนบังคับขายทีเดียว
📢 2.
บังคับเปิดเผยข้อมูลการจำนำหุ้น
ปัจจุบันการจำนำหุ้นไม่จำเป็นต้องรายงานแบบทันที → ทำให้รายย่อยไม่รู้ว่ามีความเสี่ยง “โดนบังคับขาย”
ควรบังคับรายงานการจำนำหุ้นในระบบ SET SMART หรือระบบ Disclosure เหมือนการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น
ควรมี การเตือนผู้ลงทุน เมื่อลงทุนในหุ้นที่มีสัดส่วนหุ้นจำนำสูง
📉 3.
ปรับระบบ Forced Sell ให้ “Soft Landing”
ปัจจุบันโบรกเกอร์จะขายหุ้นจำนำทันทีเมื่อต่ำกว่า margin call → ทำให้เกิด “โดมิโน” ราคาไหลลงรุนแรง
ควรใช้ระบบ “Block Trade” หรือ “Sell by Tranche” เช่น ขายแบ่งรอบ ขายช่วง Auction เพื่อให้ราคามีโอกาสรีบาวด์
หรือมี ระบบ “Cushion” ที่ให้เวลาผู้กู้หาหลักทรัพย์อื่นมาทดแทน
📊 4.
จัดตั้ง “Market Stabilization Fund” หรือผู้ดูแลสภาพคล่องเฉพาะกรณี
ในบางประเทศ มีกองทุนที่เข้าแทรกแซงหากราคาหุ้นร่วงแรงโดยไม่มีเหตุผลพื้นฐาน
กองทุนนี้สามารถเข้าซื้อหุ้นในช่วงวิกฤติชั่วคราว และขายคืนเมื่อฟื้นตัว เพื่อลดแรงกระแทกต่อตลาด
🔍 5.
คุมเข้มการใช้หุ้นจำนำใน IPO
บางกรณีผู้ถือหุ้น IPO นำหุ้นไปจำนำก่อนครบกำหนด lock-up แล้วโดนบังคับขาย
ควรห้ามใช้หุ้นที่อยู่ในช่วง lock-up ไปจำนำ หรือถ้าทำ ต้องได้รับอนุญาตพิเศษจาก ก.ล.ต.
⚖️ 6.
เพิ่มบทลงโทษ “การเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ”
เช่น ถ้าเจ้าของจำนำหุ้น แล้ว “บีบราคาลงเพื่อให้ซื้อคืนถูก” หรือ “แอบรู้ล่วงหน้าแล้ว short ตาม”→ ควรมีโทษทางแพ่งหรืออาญา เช่น insider trading / manipulation
📚 7.
ให้ความรู้ผู้ลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงจากหุ้นที่มีหุ้นจำนำ
ตลาดหลักทรัพย์ควรจัดทำ “รายชื่อหุ้นที่มีสัดส่วนจำนำสูง” รายสัปดาห์
เพิ่มเครื่องหมายพิเศษ (เช่น 🔒) แสดงบนกระดานซื้อขาย