JJNY : 5in1 พิธาแนะเดินสายแจง│ปิยบุตรชง 3 หลักการ│ศิริกัญญายันเปิดสภารู้แน่│ศิริกัญญาแนะรับมือน้ำมันโลก│ป.ป.ช.รับสอบคลิป

พิธา แนะอิ๊งค์ เดินสายแจงนานาชาติ ปมไทย-กัมพูชา เชื่อ Blackmail ทำ รบ.ไม่กล้าแอ๊กชั่นแก้ปัญหา
https://www.matichon.co.th/politics/news_5243211
.

.
พิธา แนะอิ๊งค์ เดินสายแจงนานาชาติ ปมไทย-กัมพูชา เชื่อ Blackmail Diplomacy ทำ รบ.ไม่กล้าแอ๊กชั่นแก้ปัญหา ฝาก ฮุน มาเนต อยากเป็นนายกฯคนรุ่นใหม่อย่างพึ่งบารมีพ่อ
.
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ ถึงการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เมื่อวานนี้ที่นายกรัฐมนตรีประชุมหัวหน้าพรรคร่วมฯ เพื่อปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังมีคลิปเสียงพูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ปฏิญญาโรสวูดนี้ พอประชุมเสร็จแล้ว แกนนำพรรคการเมืองก็ทยอยขึ้นรถกลับบ้าน ทำให้ตนนึกถึงปฏิญญาคอนราด สมัยจัดตั้งรัฐบาล ตนมองว่าสถานการณ์ขณะนี้ นายกรัฐมนตรี “ยิ่งสู้ ยิ่งเล็ก” ยิ่งโดนเพื่อนขี่คอ
.
นายพิธา ระบุว่า เรื่องคลิปเสียง ปกติแล้วจะต้องมีล่ามแปลภาษาทั้งสองฝ่าย ต่อให้จะรู้จักภาษาที่สามดีก็ตาม เพื่อจะได้รู้ความหมายที่แท้จริง ในกรณีที่แปลไม่ครบ เพราะผู้นำจะต้องรับผิดชอบ อธิปไตยเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้ หากลุกลามไปแล้วเมื่อมีอุบัติเหตุจะรับผิดชอบไม่ไหว ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือต้องลดการยั่วยุ พอปะทะกันแล้วมีผู้สูญเสียชีวิตจะกลายเป็นเรื่องใหญ่มากขึ้น ซึ่งตอนนี้เป็นจังหวะที่ทั้งเขาและเราไม่สามารถมีสงครามได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนอกอาเซียน เกิดที่อิหร่าน จะทำให้ไทยและกัมพูชาไม่ไหว
.
เราเห็นกันอยู่ว่าน้ำมันไทยเป็นก้อนใหญ่ที่ส่งออกไปที่กัมพูชา 60-70% ประจวบกับอิหร่านปิดช่องแคบพอดี เงินเฟ้อในกัมพูชาก็พุ่งสูงมากขึ้นทำให้พี่น้องประชาชนกัมพูชาเดือดร้อน ขณะที่ไทยส่งออกน้ำมันไปแค่ 10% ไปที่กัมพูชาเท่านั้น มันเจ็บปวดไม่เท่ากัน แต่ก็เจ็บปวดเหมือนกัน จึงอยากช่วยเตือนสติว่าไม่มีใครได้ผลประโยชน์จากการมีสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสมรภูมิไหน สงครามทหาร หรือสงครามจิตวิทยา สงครามประสาท อย่างน้อยพูดคุยไม่ต้องให้ได้” นายพิธา กล่าว
.
นายพิธา ยกตัวอย่าวใน ปี ค.ศ. 2003 ในการประชุมอาเซียนประเทศกัมพูชา มีข้อสรุปว่าหากมีปัญหาเรื่องความมั่นคงให้เรามาหาข้อสรุปกันด้วยไมตรีจิต ถึงอยากช่วยเตือนสติทั้งรัฐบาลกัมพูชา พี่น้องกัมพูชา และประเทศไทย ว่าเราสามารถถอนฟืนออกจากกองไฟได้ ความกล้าหาญที่อยากจะสร้างตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีคนรุ่นใหม่ มันสร้างได้โดยสันติภาพไม่ใช่สงคราม
.
ท่านฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เท่าที่ผมศึกษาดูท่านก็เป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่สามารถจะมีบารมีได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งจากคุณพ่อ สามารถทำในสิ่งที่คุณพ่อทำไม่ได้คือทำให้เกิดสันติภาพ ก็อยากจะชวนกันส่งสารไปถึง อย่าลืมนะ คุณก็มีความสามารถพอที่จะมีบารมีของตัวเองโดยไม่ต้องสร้างชาตินิยมจากทั้งสองฝ่าย” นายพิธา กล่าว
.
นายพิธา กล่าวว่า ในสถานการณ์ตอนนี้มีเครื่องมือให้ใช้ได้อยู่ 3-4 อย่าง เครื่องมือทางการทูต เครื่องมือทางทหาร เครื่องมือทางเศรษฐกิจ และเครื่องมือทางข้อมูลข่าวสาร เครื่องมือที่ใครใช้ก่อนแพ้เลยคือทหาร ถ้าเราเริ่ม กัมพูชาฟ้องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เลย นายฮุน มาเนต บอกว่ามีแต่โจรที่กลัวศาล แล้วเรายังมาใช้สงครามทำร้ายกัมพูชาอีก ไทยจะแพ้เลย และถ้าเราย้อนกลับไป กัมพูชาไม่ได้มีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านแค่ประเทศไทย มีปัญหากับลาวและเวียดนามด้วย เพราะฉะนั้น ตนอยากแสดงให้เห็นว่าใครใช้กำลังทางทหารก่อนแพ้
.
นายพิธา แนะนำว่า ต้องใช้การทูตเชิงรุก ไม่ใช่ยิ่งลดระดับทางการทูต ต้องออกสื่อต่างประเทศเยอะๆ ว่าไทยไม่ไปศาลโลกเพราะอะไร นายกรัฐมนตรีจะต้องออกเดินสายไปออกข่าว เหมือนที่สมเด็จฮุน เซน ไปจับมือกับรัฐมนตรีมาเลเซียแล้ว
.
“ต้องไปล็อบบี้เลย ขอให้มาเลเซียช่วยจบที่วงประชุม JBC เถอะ กัมพูชามี International Narrative มีเรื่องเล่าให้ต่างประเทศ ถ้าเราถามสื่อกัมพูชาว่ากัมพูชาต้องการอะไร จะตอบได้ว่าจบภายในศาลโลก แต่ไทยยังตอบไม่ได้ว่าจะจบที่อะไร ต้องบอกว่าเรามีวิธีการทางสากล เพื่อบ่งบอกว่าเราไม่ได้พ่ายแพ้ทางสมรภูมิทหารหรือเศรษฐกิจ ตอนนี้เราแพ้ที่สมรภูมิข่าวสารและเรื่องเล่า เพราะฉะนั้น การทูตเชิงรุกยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้ ไม่ใช่ลดระดับ” นายพิธา กล่าว
.
นายพิธา ย้ำว่า ที่ผ่านมาเราช้ากว่าสถานการณ์ไปเยอะ มันไม่มีคำว่าสายเกินไป สำหรับการรักษาสันติภาพ ควรจะเริ่มใช้ตั้งแต่ตอนนี้ เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีบริหารการเมืองภายในประเทศเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาต่างประเทศ ต้องหาสมดุลให้เจอระหว่างชาตินิยมกับความเป็นพลเมืองโลก ตนรู้สึกว่านายกรัฐมนตรีกับรัฐบาลมี Blackmail Diplomacy (การทูตโดยใช้การขู่เ็ญ) ปักหลังอยู่ ทำให้ดำเนินการได้ไม่เต็มที่ เช่น เรื่องการปิดด่าน ต้องเป็นคนที่มีอำนาจตัดสินใจสูงกว่าเรื่องความมั่นคง พร้อมทั้งข้อสงสัยว่าเป็นเพราะ Blackmail Diplomacy ใช่หรือไม่ ถึงไม่ออกแอ๊กชันอะไรเลย
.
นายพิธา กล่าวว่า มีวิธีการคือ ต้องอธิบายนานาชาติว่าเรื่องคอลเซ็นเตอร์กระทบกับประเทศไทย ไม่ได้เจาะจงประเทศใดประเทศหนึ่ง มีทั้งเพื่อนบ้านเราหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบ ต้องแก้กันทีเดียว ไม่ใช่ต้องการจะตอบโต้ประเทศใดประเทศหนึ่ง พร้อมแนะนำให้คุยกับนายฮุน มาเนต โดยตรง เพราะเป็นผู้มีอำนาจ
.
Blackmail Diplomacy เกิดขึ้นได้หลายครั้ง จึงต้องมีพิธีกาาทางการทูตกัน เมื่อขู่ได้ครั้งที่ 1 ก็มีครั้งที่ 2-4 เราต้องอธิบายว่าการทำแบบ Blackmail ผลเสียไม่ได้มีแค่แพทองธาร ใครที่จะเจรจากับกัมพูชาต่อไป มันทำให้เครดิตของเขาสูญเสียไปด้วยเช่นเดียวกัน การทำแบบนี้ไม่ควรที่จะทำกับใครในความเป็นจริง แต่พอทำแบบนี้มีต้นทุนที่ต้องจ่ายทั้งคู่ คนเป็นผู้นำประเทศต้องคิดไว้เลยว่ามีสิทธิ์ที่จะโดนอัด ผ่านกล้องเล็กๆ ที่สำคัญ จะต้องตั้งไข่ให้ชัดว่าต้องตัดความสัมพันธ์ส่วนตัว มีความเป็นมืออาชีพตั้งแต่แรก เหมือนที่ผู้นำจีนพูดว่าอย่าเอาบุญคุณส่วนตัวมาตอบแทนด้วยประเทศ เลยเจอคุณฮุน เซนพูดประโยคเด็ดขึ้นมาว่าสงสารหลานนะ แต่ไม่สามารถเอามาแลกกับประเทศได้ พอเขาพูดแบบนี้เราก็จุก” นายพิธา กล่าว
.
นายพิธา กล่าวว่า เรื่องพวกนี้จะทำให้ความน่าเชื่อถือ ความชอบธรรม และทำให้ภาวะผู้นำของเราลดลง ซึ่งติดลบมาแล้วจากรัฐบาลข้ามขั้ว ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ยิ่งสู้ ยิ่งอ่อนแรง จะกลายเป็นซื้องูเห่ากันเข้มข้น พร้อมแนะนำรัฐบาลว่าน่าจะเดินเรื่องที่คนไทยได้ประโยชน์ 4 เรื่อง คือเรื่อง สแกมเมอร์ , PM 2.5 , เหมืองเถื่อน และการฆ่าผู่เห็นต่างข้ามประเทศ ซึ่งสหประชาชาติก็กำลังเดินเรื่องนี้ จะทำให้กัมพูชากลับมาสู่โต๊ะเจรจามากขึ้น
.

.
ปิยบุตร ชง 3 หลักการ 7 ข้อเสนอ หลังอิ๊งค์ไม่ยุบสภา-ลาออก ต้องมีภาวะผู้นำ รัฐบาลอยู่เหนือกองทัพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5242945
.
ปิยบุตร ชง 3 หลักการ 7 ข้อเสนอ หลังอิ๊งค์ไม่ยุบสภา-ลาออก ต้องมีภาวะผู้นำ รัฐบาลอยู่เหนือกองทัพ
.
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการคณะก้าวหน้า แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กถึงสถานการณ์ทางการเมืองล่าสุด ว่า
.
3 หลักการ 7 ข้อเสนอ เมื่อนายกรัฐมนตรีไม่ยุบสภา ไม่ลาออก
.
ณ เวลานี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า นายกรัฐมนตรีตัดสินใจไม่ยุบสภา ไม่ลาออก แต่ปรับคณะรัฐมนตรี ให้นักการเมือง “รักชาติจนน้ำลายไหล” ได้มีโอกาสแย่งและต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี และอาจมีการ “ขโมย” ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ เข้ามา (ไม่ว่า “ถาวร” แบบทำให้พรรคอื่นต้องแตกแยก หรือไม่ว่า “ชั่วคราว” แบบยั่วยวนแลกเปลี่ยนกับคะแนนเป็นรายคนและเป็นครั้งคราว)
.
อำนาจยุบสภาผู้แทนราษฎร หรือการลาออก เป็นอำนาจการตัดสินใจโดยแท้ของนายกรัฐมนตรี ในเมื่อนายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่ยุบสภา ไม่ลาออก เราควรทำอย่างไร ภายใต้สถานการณ์การเมืองเช่นนี้? ผมเสนอว่า ต้องยึดหลักการพื้นฐาน เป็นเบื้องต้นไว้ก่อน ดังต่อไปนี้
.
1. รักษากติกาประชาธิปไตย
2. ต่อต้านรัฐประหารทุกรูปแบบ ทั้งแบบดั้งเดิมที่ใช้กองทัพยึดอำนาจ ทั้งแบบร่วมสมัยที่ใช้ศาลหรือองค์กรอิสระเข้าจัดการผ่านกลไกทางรัฐธรรมนูญ
3. รักษาสันติภาพ ใช้มาตรการเจรจา ไม่ตกอยู่ภายใต้ความคิดแบบคลั่งชาติสุดโต่ง
.
หากยึดหลักการพื้นฐานดังกล่าวไว้ ก็สรุปเป็นข้อเสนอได้ ดังนี้
.
1. ยึดหลักการรัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้งต้องอยู่เหนือกองทัพ การแก้ไขปัญหาชายแดนและปัญหาความมั่นคงของประเทศ ต้องให้รัฐบาลพลเรือนรับผิดชอบ มีอำนาจตัดสินใจ มีอำนาจสั่งการกองทัพ ห้ามมิให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพหรือผู้บัญชาการภาค ริเริ่มตัดสินใจใช้อำนาจใดๆ ได้เอง ตามลำพัง โดยที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไม่รับรู้รับทราบ
.
2. นายกรัฐมนตรีต้องแสดงภาวะผู้นำและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนคนไทยว่า สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชาได้ โดยไม่ต้องโอนอำนาจเบ็ดเสร็จให้กองทัพ พร้อมกับทำให้ประชาชนมั่นใจว่า การดำเนินการต่างๆ เป็นไปโดยยึดประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน มิใช่เรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคล และยึดมั่นแนวทางสันติภาพ ผ่านการเจรจาระดับทวิภาคี
.
3. ใช้กลไกตามระบบรัฐสภาในการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี ได้แก่ การตั้งกระทู้ถาม การตรวจสอบผ่านคณะกรรมาธิการ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ โดยนายกรัฐมนตรีต้องให้ความร่วมมือกับกลไกดังกล่าว
.
4. คัดค้านการใช้กระบวนการนิติสงครามที่มีเป้าประสงค์ให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง หรือสร้างสุญญากาศทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น การตีความขยายความคำว่า “ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” ออกไปอย่างกว้างขวาง เพื่อสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง หรือไม่ว่าจะเป็น การใช้ช่องทางตามมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อหวังให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งไปพร้อมกันหลายคน
.
5. คัดค้านความพยายามสร้างสุญญากาศทางการเมืองของคนบางกลุ่มบางพวก ที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง หรือให้คณะรัฐมนตรีสิ้นสภาพ เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือเพื่อเปิดทางพิสดาร บิดผันรัฐธรรมนูญ นำ “นายกรัฐมนตรี” แบบพิเศษ มาตามมาตรา 5 วรรคสอง
.
6. คุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุม เสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพสื่อมวลชน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่