บทความทุกตอน................
บทความก่อนหน้า..............
ตอนที่ 8 หาดใหญ่สงขลากับหมุดการท่องเที่ยวระดับโลก - "ความจริง 3" ทะเลสาบสงขลา (ฮาร์ดแวร์)
บทความที่เกี่ยวกับ "ทะเลสาบสงขลา" เป็นบทความใหญ่ และสำคัญที่สุดแล้ว หากต้องการที่จะทำให้หาดใหญ่สงขลา กลายเป็นหมุดการท่องเที่ยวระดับโลก เพื่อเทียบชั้นกับ จังหวัดใหญ่ๆ ด้านการท่องเที่ยวระดับโลก อย่าง ภูเก็ต หรือเชียงใหม่ ซึ่งเนื้อหา มีรายละเอียดที่มาก และซับซ้อน ...และโดยความตั้งใจของผู้เขียน อยากจะเอาเนื้อหาเชิงลึก ที่เกี่ยวกับ ทะเลสาบสงขลา เอาไว้ตอนสุดท้ายของบทความ แต่ทว่าในชั้นนี้ จะขออธิบายเรื่องราว ที่มาที่ไป และแนวคิดต่างๆ ที่เกี่ยวข้างกับทะเลสาบสงขลา เพื่อให้ผู้อ่าน ได้เห็นเป็นภาพใหญ่พอเป็นสังเขปก่อน ก่อนจะลงในรายละเอียดเชิงลึก ในตอนสุดท้ายของเนื่อหาทั้งหมดของบทความนี้ ....ความในใจโดยผู้เขียน
บทความข้อนี้ จะเป็นบทความที่สำคัญที่สุดของบทความนี้ นั่นเพราะสิ่งที่เราจะสร้างคือ "หมุดการท่องเที่ยวระดับโลก" ของจังหวัดสงขลา เพื่อที่จะเอาไปเทียบเคียงกับ หมุดการท่องเที่ยวระดับโลกอย่าง "ทะเลอันดามัน" ที่ยิ่งใหญ่
1.ด้วยความรู้สึก อัดอั้นตันใจของผู้เขียน ที่เฝ้ามอง การเติบโตในด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดชายทะเล ฝั่งอันดามัน ...ด้วยการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศ เข้าสู่สนามบินภูเก็ต สนามบินกระบี่ หรือแม้แต่สนามบินตรัง ที่กำลังโตวันโตคืน เรียกได้ว่า ทะเลอันดามัน กลายเป็นแหล่งการท่องเที่ยวระดับโลกไปแล้ว แล้วจังหวัดสงขลา จะเอาหาดชลาทัศน์ไปสู้ทะเลอันดามัน หรือจะเอาเกาะหนูเกาะแมว ไปสู้เกาะสิมิลัน เกาะพีพี หรือจะอย่างไร อีกทั้ง จังหวัดสงขลา ก็ไม่ใช่จุดมุ่งหมายปลายทาง ของการท่องเที่ยวที่สำคัญ ผู้เขียนไม่รู้ว่า เราขาดอะไร จากนั้นจึงเริ่มนั่งคิดและวิเคราะห์ ว่าแต่ละจังหวัดการท่องเที่ยวที่สำคัญนั้น มีจุดเด่นอะไร จนกระทั่งได้ข้อสรุปบางอย่างที่น่าสนใจว่า "เราอาจจะยังไม่รู้จัก และเข้าใจจังหวัดสงขลาของเราดีพอ"
2.เริ่มจากการวิเคราะห์จังหวัดอื่น ผู้เขียนค้นพบว่า จังหวัดในประเทศไทยจำนวนมากเรียกได้ว่า 90 เปอร์เซ็นส์ของจังหวัดทั้งหมด ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวที่ขอเรียกว่า "หมุดการท่องเที่ยวระดับโลก" กล่าวคือ เมื่อเราไปจังหวัดนั้นๆ เรากลับไม่รู้เลยว่า จังหวัดนี้ จังหวัดนั้น มีที่เที่ยวที่ไหน หรือมีจุดเด่นอะไร ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ของแต่ละบุคคลด้วย ซึ่งก็คือ "ชื่อเสียง" ในด้านการท่องเที่ยว ของจังหวัดนั่นๆนั้นเอง หลายๆจังหวัดถือเป็นเมืองทางผ่าน หลายๆจังหวัดไม่มีแม้กระทั่งสนามบิน ....แต่ในทางกลับกัน อีกหลายจังหวัดๆ กลับมีชื่อเสียง และกลายเป็น "หมุดการท่องเที่ยวระดับโลก" ที่ชัดเจนมาก ยกตัวอย่างเช่น จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันทั้งหมด จะมีจุดขายที่ "ทะเลอันดามัน" ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก เพราะ ทะเลอันดามันถือเป็น Branding ซึ่งก็คือ การสร้างภาพลักษณ์ ของแบรนด์ขึ้นมา เพื่อให้ผู้คนจดจำ ที่ภาครัฐโดยกระทรวงการท่องเที่ยว ต่างพยายามสร้าง Branding ให้กับทะเลอันดามันมาอย่างยาวนาน และต่อเนื่อง
...จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนี้เป็นป่าที่ลึกลับ และเป็นภูเขาสลับซับซ้อน แต่ทางจังหวัด ได้นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ และเป็นที่จดจำได้ในระดับโลก นั่นคือ เรื่องราวประวัติศาสตร์สงครามโลก ครั้งที่ 2 และทางรถไฟสายมรณะ หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ "The Death Railway" ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษคือ ทางรถไฟแห่งความตาย ...ซึ่งคนที่คิดตั้งชื่อนี้ คือเก่งมากๆ เพราะเป็นชื่อที่สร้างการรับรู้ และจดจำได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมี "แคมเปญ" ที่กล่าวว่า (1 ไม้หมอนรถไฟ เท่ากับ 1 ชีวิต) ...ซึ่งไม่ว่าจะเป็นจริง หรือไม่ก็ตาม แต่ประโยคนี้เพียงประโยคเดียว ก็สามารถสร้างแรงกระแทกการรับรู้ เพื่อให้ผู้คนได้จดจำ
...จังหวัดเชียงใหม่ มีเรื่องของวัฒนธรรมล้านนา เทศกาลสงกรานต์ อากาศหนาว ดอยอินทนนท์ โดยเฉพาอย่างยิ่ง วัฒนธรรมล้านนา ที่ในอดีตเชียงใหม่คือเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนา ที่ร่ำรวยด้วยวัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์ นี้จึงเป็นสิ่งที่สร้าง Branding หรือการจดจำให้กับ จ.เชียงใหม่เป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้จังหวัดนี้ กลายเป็นที่จดจำ และมีชื่อเสียง อุปมาอุปไมยเหมือนกับ ดารา หรือนักแสดงที่มีชื่อเสียง ที่ทุกๆก็อยากจะได้ลายเซ็นส์ และทำให้จังหวัดที่ยกตัวอย่างมา ทั้ง 3 จังหวัด มีชื่อเสียง และภาพลักษณ์ที่ดีอย่างมาก เรียกได้ว่า ในประเทศไทย มีไม่เกิน 10 จังหวัดที่มี หมุดระดับโลกแบบนี้
ในวงการการค้า และการทำธุรกิจ ทุกคนต่างรับรู้ว่า Branding เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ซึ่งนักกลยุทธทางการค้ารู้ดี แล้วหาดใหญ่สงขลามี Branding หรือไม่ ...ขอตอบเลยว่า "มี" แต่เป็น Branding แค่ในระดับประเทศเท่านั้น ยังไม่ใช่ระดับโลก อีกทั้งเป็น Branding ที่ตายไปแล้ว นั่นคือ ตลาดกิมหยง และของหนีภาษี ....ผู้เขียนขอตัวไปเศร้าแปบ...
3.แล้วจังหวัดสงขลาละ จะเอาอะไรไปสู้ เมื่อเป็นเช่นนั่น จึงต้องเริ่มมอง และสำรวจตัวเองก่อน ...และแม้ว่าหาดใหญ่จะมี อัตลักษณ์ 3 วัฒนธรรม ที่พอจะใช้งานได้ในด้านอาหารการกิน แต่ทว่า หากต้องการจะสร้าง "หมุดระดับโลก" ผู้เขียนคิดว่ายังไม่เพียงพอ ...เพราะโดยส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า "หมุดระดับโลก" มันต้องมีมากกว่านั้น มันต้องยิ่งใหญ่พอ อาจจะยิ่งใหญ่ ในแง่ของสถานที่ หรือ เรื่องราวที่น่าสนใจก็ได้ จากนั้นผู้เขียนก็เริ่ม เปิดแผนที่จังหวัดสงขลา เพื่อดูรายละเอียดในเชิงพื้นที่ก่อน
4.โจทย์ใหญ่คือ หากเราต้องการที่จะสร้าง "หมุดระดับโลก" เพื่อให้เทียบเท่า ทะเลอันดามัน หรือ ประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายมรณะ หรือ วัฒนธรรมล้านนา จ.สงขลาจะเอาอะไรไปสู้ได้บ้าง ...จากนั่น ผู้เขียนเริ่มเปิดแผนที่ของจังหวัดสงขลา ผู้เขียนต้องการสิ่งที่ใหญ่เพียงพอ เพื่อที่จะสร้างหมุดระดับโลก ของจังหวัดสงขลา ...เริ่มสำรวจจากทางทิศใต้ พื้นที่ ที่ติดกับประเทศมาเลเซีย ที่มีเทือกเขาสันกาลาคีรี มีเรื่องราวเกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่เขาน้ำค้าง แต่ในความคิดของผู้เขียนคือ เป็นประวิติศาสตร์ที่ไม่ใหญ่เพียงพอ หากต้องการจะเป็น หมุดระดับโลก เพราะเทียบไม่ได้กับ ทางรถไฟสายมรณะ และเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับคนทั้งโลก
...มองไปทางด้านทิศตะวันตก ก็จะมีอุทยานแห่งชาติ มีน้ำตกโตนงานช้าง โตนปลิว และอีกหลาย น้ำตกโตน แต่ก็คิดว่า น้ำตกแบบนี้ ก็มีทุกที่ในประเทศไทย คล้ายๆกันหมด ...ลองมองไปทางด้านทิศตะวันออก ก็เจอเขาคอหงส์ ที่นักการเมืองบ้านเราชอบไปพัฒนา แต่นั่นก็เป็นข้อดีคือ เป็นป่าที่ใกล้เมือง พัฒนาง่าย พัฒนาแล้วคนเห็น และใช้ประโยนช์ได้จริง ...แต่ก็ไม่ใหญ่เพียงพอที่จะเป็น "หมุดระดับโลก" ได้ แล้วชายหาดกับทะเล ก็มีชายหาดชลาทัศน์ ชายหาดจะนะ ชายหาดสกอม เอาจริงๆชายหาดแบบนี้ที่ไหนๆก็มี ยังขาดเอกลักษณ์อยู่มาก ...ส่วนเกาะ ก็มี เกาะหนู เกาะแมว แถมเกาะขามอีกเกาะ มันเป็นแค่เกาะชายฝั่งขนาดเล็ก ที่ไหนๆก็มี ผู้เขียนเริ่มหมดความหวังแล้วครับ
....จนแล้วจนรอดก็พบเข้า "อย่างจัง" สิ่งที่แรงพอ และใหญ่พอที่จะเป็น "หมุดการท่องเที่ยวระดับโลก" ได้ สิ่งที่คนหาดใหญ่สงขลามองข้ามมันมาตลอด มัวแต่หลับหูหลับตา แล้วมานั่งสะกดจิตตัวเองว่า จังหวัดสงขลาไม่มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอะไรเลย สิ่งนั่นคือ "ทะเลสาบสงขลา" นั้นเอง ...ผู้เขียนพบหมุดระดับโลกของจังหวัดสงขลาแล้วครับ ขออนุญาตไปดีใจแบป เย้ๆๆๆ
5.มาดู "ความจริง" ของทะเลสาบสงขลา กันก่อน เพื่อที่จะสร้างสิ่งที่เรียกว่า "ความจริงสร้างความเชื่อ และความเชื่อสร้างมูลค่า" ต่อไปดังนี้
5.1 ทะเลสาบสงขลามีพื้นที่ถึง 1,040 ตารางกิโลเมตร เรียกได้ว่า ใหญ่กว่าประเทศสิงคโปร์ทั้งประเทศซะอีก ซึ่งสิงคโปร์พื้นที่เพียง 735 ตารางกิโลเมตร อีกทั้งทะเลสาบสงขลายังมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลสาบยาวถึง 350 กม. เรียกได้ว่า มีขนาดใหญ่เท่ากับจังหวัดใหญ่ๆของไทย จังหวัดหนึ่งเลยที่เดียว ดังนั้นมันจึงมีความสำคัญมาก ความสำคัญสามารถเทียบได้กับ "อินเล" ของพม่า และ "โตนเลสาบ" ของกัมพูชา
5.2 ทะเลสาบสงขลาตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ จัดได้ว่า เป็น ลากูน (Lagoon) ซึ่งเป็น "ลากูนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ซึ่งจุดเด่นก็คือ จะเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ทะเลอย่างมาก ด้วยข้อมูล "ความจริง" ทางวิทยาศาสตร์ ที่ไม่มีใครโต้แย้งได้ กล่าวคือ เมื่อน้ำจืดจากแม่น้ำ หรือลำคลอง ไหลลงสู่ทะเล จะนำเอาสารอาหารมาด้วย เมื่อมีการปะทะกับน้ำเค็มที่หนักกว่าน้ำจืด ก็จะเกิดการม้วนตัวของกระแสน้ำทั้ง 2 ทำให้เกิดแพลงค์ตอนพืชเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นอาหารของแพลงค์ตอนสัตว์ และแพลงค์ตอนสัตว์ก็จะเป็นอาหารของปลาเล็ก และปลาเล็กก็จะเป็นอาหารของปลาใหญ่ สิ่งเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นที่ปากแม่น้ำต่างๆ
แต่ ภูมิศาสตร์ที่เป็น "ลากูน" แบบทะเลสาบสงขลาจะมีความพิเศษกว่าพื้นที่อื่น กล่าวคือ เพราะเมื่อสารอาหารที่แม่น้ำ หรือลำคลอง นำพามาจะไม่ไหลลงไปสู่ทะเลใหญ่ แต่จะวนเวียนอยู่ภายใน ลากูน อย่างทะเลสาบสงลา ซึ่งจะทำให้สัตว์น้ำมีความพิเศษ และอาหารทะเลจะอร่อยอย่างมาก เนื่องจากสัตว์น้ำมีความสมบูรณ์ ซึ่ง "ความจริง" ข้อนี้ เราสามารถสร้างสิ่งที่เรียกว่า "ความเชื่อ" ได้ ผ่านการรับรู้ และการประชาสัมพันธ์ ซึ่งสร้าง "มูลค่า" ได้อย่างมหาศาล
ขอต่อบทความในกระทู้ข้างล่าง...............
ตอนที่ 8 หาดใหญ่สงขลากับหมุดการท่องเที่ยวระดับโลก - "ความจริง 3" ทะเลสาบสงขลา (ฮาร์ดแวร์)
บทความก่อนหน้า..............
ตอนที่ 8 หาดใหญ่สงขลากับหมุดการท่องเที่ยวระดับโลก - "ความจริง 3" ทะเลสาบสงขลา (ฮาร์ดแวร์)
บทความที่เกี่ยวกับ "ทะเลสาบสงขลา" เป็นบทความใหญ่ และสำคัญที่สุดแล้ว หากต้องการที่จะทำให้หาดใหญ่สงขลา กลายเป็นหมุดการท่องเที่ยวระดับโลก เพื่อเทียบชั้นกับ จังหวัดใหญ่ๆ ด้านการท่องเที่ยวระดับโลก อย่าง ภูเก็ต หรือเชียงใหม่ ซึ่งเนื้อหา มีรายละเอียดที่มาก และซับซ้อน ...และโดยความตั้งใจของผู้เขียน อยากจะเอาเนื้อหาเชิงลึก ที่เกี่ยวกับ ทะเลสาบสงขลา เอาไว้ตอนสุดท้ายของบทความ แต่ทว่าในชั้นนี้ จะขออธิบายเรื่องราว ที่มาที่ไป และแนวคิดต่างๆ ที่เกี่ยวข้างกับทะเลสาบสงขลา เพื่อให้ผู้อ่าน ได้เห็นเป็นภาพใหญ่พอเป็นสังเขปก่อน ก่อนจะลงในรายละเอียดเชิงลึก ในตอนสุดท้ายของเนื่อหาทั้งหมดของบทความนี้ ....ความในใจโดยผู้เขียน
บทความข้อนี้ จะเป็นบทความที่สำคัญที่สุดของบทความนี้ นั่นเพราะสิ่งที่เราจะสร้างคือ "หมุดการท่องเที่ยวระดับโลก" ของจังหวัดสงขลา เพื่อที่จะเอาไปเทียบเคียงกับ หมุดการท่องเที่ยวระดับโลกอย่าง "ทะเลอันดามัน" ที่ยิ่งใหญ่
1.ด้วยความรู้สึก อัดอั้นตันใจของผู้เขียน ที่เฝ้ามอง การเติบโตในด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดชายทะเล ฝั่งอันดามัน ...ด้วยการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศ เข้าสู่สนามบินภูเก็ต สนามบินกระบี่ หรือแม้แต่สนามบินตรัง ที่กำลังโตวันโตคืน เรียกได้ว่า ทะเลอันดามัน กลายเป็นแหล่งการท่องเที่ยวระดับโลกไปแล้ว แล้วจังหวัดสงขลา จะเอาหาดชลาทัศน์ไปสู้ทะเลอันดามัน หรือจะเอาเกาะหนูเกาะแมว ไปสู้เกาะสิมิลัน เกาะพีพี หรือจะอย่างไร อีกทั้ง จังหวัดสงขลา ก็ไม่ใช่จุดมุ่งหมายปลายทาง ของการท่องเที่ยวที่สำคัญ ผู้เขียนไม่รู้ว่า เราขาดอะไร จากนั้นจึงเริ่มนั่งคิดและวิเคราะห์ ว่าแต่ละจังหวัดการท่องเที่ยวที่สำคัญนั้น มีจุดเด่นอะไร จนกระทั่งได้ข้อสรุปบางอย่างที่น่าสนใจว่า "เราอาจจะยังไม่รู้จัก และเข้าใจจังหวัดสงขลาของเราดีพอ"
2.เริ่มจากการวิเคราะห์จังหวัดอื่น ผู้เขียนค้นพบว่า จังหวัดในประเทศไทยจำนวนมากเรียกได้ว่า 90 เปอร์เซ็นส์ของจังหวัดทั้งหมด ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวที่ขอเรียกว่า "หมุดการท่องเที่ยวระดับโลก" กล่าวคือ เมื่อเราไปจังหวัดนั้นๆ เรากลับไม่รู้เลยว่า จังหวัดนี้ จังหวัดนั้น มีที่เที่ยวที่ไหน หรือมีจุดเด่นอะไร ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ของแต่ละบุคคลด้วย ซึ่งก็คือ "ชื่อเสียง" ในด้านการท่องเที่ยว ของจังหวัดนั่นๆนั้นเอง หลายๆจังหวัดถือเป็นเมืองทางผ่าน หลายๆจังหวัดไม่มีแม้กระทั่งสนามบิน ....แต่ในทางกลับกัน อีกหลายจังหวัดๆ กลับมีชื่อเสียง และกลายเป็น "หมุดการท่องเที่ยวระดับโลก" ที่ชัดเจนมาก ยกตัวอย่างเช่น จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันทั้งหมด จะมีจุดขายที่ "ทะเลอันดามัน" ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก เพราะ ทะเลอันดามันถือเป็น Branding ซึ่งก็คือ การสร้างภาพลักษณ์ ของแบรนด์ขึ้นมา เพื่อให้ผู้คนจดจำ ที่ภาครัฐโดยกระทรวงการท่องเที่ยว ต่างพยายามสร้าง Branding ให้กับทะเลอันดามันมาอย่างยาวนาน และต่อเนื่อง
...จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนี้เป็นป่าที่ลึกลับ และเป็นภูเขาสลับซับซ้อน แต่ทางจังหวัด ได้นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ และเป็นที่จดจำได้ในระดับโลก นั่นคือ เรื่องราวประวัติศาสตร์สงครามโลก ครั้งที่ 2 และทางรถไฟสายมรณะ หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ "The Death Railway" ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษคือ ทางรถไฟแห่งความตาย ...ซึ่งคนที่คิดตั้งชื่อนี้ คือเก่งมากๆ เพราะเป็นชื่อที่สร้างการรับรู้ และจดจำได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมี "แคมเปญ" ที่กล่าวว่า (1 ไม้หมอนรถไฟ เท่ากับ 1 ชีวิต) ...ซึ่งไม่ว่าจะเป็นจริง หรือไม่ก็ตาม แต่ประโยคนี้เพียงประโยคเดียว ก็สามารถสร้างแรงกระแทกการรับรู้ เพื่อให้ผู้คนได้จดจำ
...จังหวัดเชียงใหม่ มีเรื่องของวัฒนธรรมล้านนา เทศกาลสงกรานต์ อากาศหนาว ดอยอินทนนท์ โดยเฉพาอย่างยิ่ง วัฒนธรรมล้านนา ที่ในอดีตเชียงใหม่คือเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนา ที่ร่ำรวยด้วยวัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์ นี้จึงเป็นสิ่งที่สร้าง Branding หรือการจดจำให้กับ จ.เชียงใหม่เป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้จังหวัดนี้ กลายเป็นที่จดจำ และมีชื่อเสียง อุปมาอุปไมยเหมือนกับ ดารา หรือนักแสดงที่มีชื่อเสียง ที่ทุกๆก็อยากจะได้ลายเซ็นส์ และทำให้จังหวัดที่ยกตัวอย่างมา ทั้ง 3 จังหวัด มีชื่อเสียง และภาพลักษณ์ที่ดีอย่างมาก เรียกได้ว่า ในประเทศไทย มีไม่เกิน 10 จังหวัดที่มี หมุดระดับโลกแบบนี้
ในวงการการค้า และการทำธุรกิจ ทุกคนต่างรับรู้ว่า Branding เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ซึ่งนักกลยุทธทางการค้ารู้ดี แล้วหาดใหญ่สงขลามี Branding หรือไม่ ...ขอตอบเลยว่า "มี" แต่เป็น Branding แค่ในระดับประเทศเท่านั้น ยังไม่ใช่ระดับโลก อีกทั้งเป็น Branding ที่ตายไปแล้ว นั่นคือ ตลาดกิมหยง และของหนีภาษี ....ผู้เขียนขอตัวไปเศร้าแปบ...
3.แล้วจังหวัดสงขลาละ จะเอาอะไรไปสู้ เมื่อเป็นเช่นนั่น จึงต้องเริ่มมอง และสำรวจตัวเองก่อน ...และแม้ว่าหาดใหญ่จะมี อัตลักษณ์ 3 วัฒนธรรม ที่พอจะใช้งานได้ในด้านอาหารการกิน แต่ทว่า หากต้องการจะสร้าง "หมุดระดับโลก" ผู้เขียนคิดว่ายังไม่เพียงพอ ...เพราะโดยส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า "หมุดระดับโลก" มันต้องมีมากกว่านั้น มันต้องยิ่งใหญ่พอ อาจจะยิ่งใหญ่ ในแง่ของสถานที่ หรือ เรื่องราวที่น่าสนใจก็ได้ จากนั้นผู้เขียนก็เริ่ม เปิดแผนที่จังหวัดสงขลา เพื่อดูรายละเอียดในเชิงพื้นที่ก่อน
4.โจทย์ใหญ่คือ หากเราต้องการที่จะสร้าง "หมุดระดับโลก" เพื่อให้เทียบเท่า ทะเลอันดามัน หรือ ประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายมรณะ หรือ วัฒนธรรมล้านนา จ.สงขลาจะเอาอะไรไปสู้ได้บ้าง ...จากนั่น ผู้เขียนเริ่มเปิดแผนที่ของจังหวัดสงขลา ผู้เขียนต้องการสิ่งที่ใหญ่เพียงพอ เพื่อที่จะสร้างหมุดระดับโลก ของจังหวัดสงขลา ...เริ่มสำรวจจากทางทิศใต้ พื้นที่ ที่ติดกับประเทศมาเลเซีย ที่มีเทือกเขาสันกาลาคีรี มีเรื่องราวเกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่เขาน้ำค้าง แต่ในความคิดของผู้เขียนคือ เป็นประวิติศาสตร์ที่ไม่ใหญ่เพียงพอ หากต้องการจะเป็น หมุดระดับโลก เพราะเทียบไม่ได้กับ ทางรถไฟสายมรณะ และเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับคนทั้งโลก
...มองไปทางด้านทิศตะวันตก ก็จะมีอุทยานแห่งชาติ มีน้ำตกโตนงานช้าง โตนปลิว และอีกหลาย น้ำตกโตน แต่ก็คิดว่า น้ำตกแบบนี้ ก็มีทุกที่ในประเทศไทย คล้ายๆกันหมด ...ลองมองไปทางด้านทิศตะวันออก ก็เจอเขาคอหงส์ ที่นักการเมืองบ้านเราชอบไปพัฒนา แต่นั่นก็เป็นข้อดีคือ เป็นป่าที่ใกล้เมือง พัฒนาง่าย พัฒนาแล้วคนเห็น และใช้ประโยนช์ได้จริง ...แต่ก็ไม่ใหญ่เพียงพอที่จะเป็น "หมุดระดับโลก" ได้ แล้วชายหาดกับทะเล ก็มีชายหาดชลาทัศน์ ชายหาดจะนะ ชายหาดสกอม เอาจริงๆชายหาดแบบนี้ที่ไหนๆก็มี ยังขาดเอกลักษณ์อยู่มาก ...ส่วนเกาะ ก็มี เกาะหนู เกาะแมว แถมเกาะขามอีกเกาะ มันเป็นแค่เกาะชายฝั่งขนาดเล็ก ที่ไหนๆก็มี ผู้เขียนเริ่มหมดความหวังแล้วครับ
....จนแล้วจนรอดก็พบเข้า "อย่างจัง" สิ่งที่แรงพอ และใหญ่พอที่จะเป็น "หมุดการท่องเที่ยวระดับโลก" ได้ สิ่งที่คนหาดใหญ่สงขลามองข้ามมันมาตลอด มัวแต่หลับหูหลับตา แล้วมานั่งสะกดจิตตัวเองว่า จังหวัดสงขลาไม่มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอะไรเลย สิ่งนั่นคือ "ทะเลสาบสงขลา" นั้นเอง ...ผู้เขียนพบหมุดระดับโลกของจังหวัดสงขลาแล้วครับ ขออนุญาตไปดีใจแบป เย้ๆๆๆ
5.มาดู "ความจริง" ของทะเลสาบสงขลา กันก่อน เพื่อที่จะสร้างสิ่งที่เรียกว่า "ความจริงสร้างความเชื่อ และความเชื่อสร้างมูลค่า" ต่อไปดังนี้
5.1 ทะเลสาบสงขลามีพื้นที่ถึง 1,040 ตารางกิโลเมตร เรียกได้ว่า ใหญ่กว่าประเทศสิงคโปร์ทั้งประเทศซะอีก ซึ่งสิงคโปร์พื้นที่เพียง 735 ตารางกิโลเมตร อีกทั้งทะเลสาบสงขลายังมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลสาบยาวถึง 350 กม. เรียกได้ว่า มีขนาดใหญ่เท่ากับจังหวัดใหญ่ๆของไทย จังหวัดหนึ่งเลยที่เดียว ดังนั้นมันจึงมีความสำคัญมาก ความสำคัญสามารถเทียบได้กับ "อินเล" ของพม่า และ "โตนเลสาบ" ของกัมพูชา
5.2 ทะเลสาบสงขลาตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ จัดได้ว่า เป็น ลากูน (Lagoon) ซึ่งเป็น "ลากูนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ซึ่งจุดเด่นก็คือ จะเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ทะเลอย่างมาก ด้วยข้อมูล "ความจริง" ทางวิทยาศาสตร์ ที่ไม่มีใครโต้แย้งได้ กล่าวคือ เมื่อน้ำจืดจากแม่น้ำ หรือลำคลอง ไหลลงสู่ทะเล จะนำเอาสารอาหารมาด้วย เมื่อมีการปะทะกับน้ำเค็มที่หนักกว่าน้ำจืด ก็จะเกิดการม้วนตัวของกระแสน้ำทั้ง 2 ทำให้เกิดแพลงค์ตอนพืชเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นอาหารของแพลงค์ตอนสัตว์ และแพลงค์ตอนสัตว์ก็จะเป็นอาหารของปลาเล็ก และปลาเล็กก็จะเป็นอาหารของปลาใหญ่ สิ่งเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นที่ปากแม่น้ำต่างๆ
แต่ ภูมิศาสตร์ที่เป็น "ลากูน" แบบทะเลสาบสงขลาจะมีความพิเศษกว่าพื้นที่อื่น กล่าวคือ เพราะเมื่อสารอาหารที่แม่น้ำ หรือลำคลอง นำพามาจะไม่ไหลลงไปสู่ทะเลใหญ่ แต่จะวนเวียนอยู่ภายใน ลากูน อย่างทะเลสาบสงลา ซึ่งจะทำให้สัตว์น้ำมีความพิเศษ และอาหารทะเลจะอร่อยอย่างมาก เนื่องจากสัตว์น้ำมีความสมบูรณ์ ซึ่ง "ความจริง" ข้อนี้ เราสามารถสร้างสิ่งที่เรียกว่า "ความเชื่อ" ได้ ผ่านการรับรู้ และการประชาสัมพันธ์ ซึ่งสร้าง "มูลค่า" ได้อย่างมหาศาล
ขอต่อบทความในกระทู้ข้างล่าง...............