รวมบทความทุกตอน..................
บทความตอนก่อนหน้า...................
ตอนที่ 7 หาดใหญ่สงขลากับหมุดการท่องเที่ยวระดับโลก - "ความจริง 2" เรื่องอาหาร 3 วัฒนธรรม
เมืองหาดใหญ่ หลังจากการเสื่อมของ ตลาดการค้าสินค้าหนีภาษี ก็แทบไม่มีอะไรจะขายเลยนอกจากเป็นการ "ทางผ่าน" ไปสู่เมืองอื่นๆ แต่ทว่าสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ และเป็น "ความจริง" ที่มีมูลค่าอย่างที่สุด ของเมืองหาดใหญ่สงขลา นั่นคือ "อาหาร" ...ว่ากันว่า ไม่ว่าเมืองไหนๆ ก็จะเครมว่าอาหารของเมืองตัวเองอร่อยที่สุด ดีที่สุด แต่จะอร่อยอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ได้ และคงไม่ใช่ว่า อาหารอร่อยเพราะ แม่ครัว หรือคนทำอาหาร มีฝีมือดี นั่นเพราะมันเป็นสเกลที่เล็กเกินไป แต่อาหารของหาดใหญ่ ที่อร่อย และมีความหลากหลาย นั่นเพราะ หาดใหญ่ เป็นจุดปะทะกันของ 3 วัฒนธรรม ไทย จีน อิสลาม "ที่ดีที่สุด" โดยที่ไม่มีพื้นที่ใดเหมือนที่นี้ ซึ่งมีทั้ง "ปริมาณ" และ "คุณภาพ" และความจริงข้อนี้ เป็นความจริงที่ถูกแอบซ่อนอยู่ และยังไม่ได้เอามาขยายต่อ เพื่อสร้างมูลค่า อย่างที่ควรจะเป็น จากรูปด้านบน เราจะเห็นว่า หาดใหญ่ คือจุดกึ่งกลาง ของ 3 วัฒนธรรมหลักของภาคใต้ นั้นคือ ...
1.วัฒนธรรมอิสลามมาลายู ตามรูปแรก คือในวงกลมสีแดง ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ยังไม่โดน "สปอย" หมายถึง ยังไม่ได้รับสิทธิ์ ในฐานะภูมิบุตรแบบของประเทศมาเลเซีย ทำให้อาหารมาลายูหลายๆอย่าง ได้รับการสืบทอด และพัฒนาต่อยอด นั่นเพราะ ผู้คนต่างต้องดิ้นรนทำมาหากิน อีกทั้งปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ทำให้ผู้คนจากชายแดน หลั่งไหลเข้าสู่ อ.หาดใหญ่ เพื่อทำมาหากิน โดยเฉพาะการขายอาหารชื่อแปลกๆ เมนูแปลกๆ เช่น ตูปะซูตง ลักซา กะโป๊ะ ฯลฯ ที่เราไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน และเราไม่สามารถเห็นเมนูอาหารพวกนี้ได้ ในประเทศมาเลเซีย เนื่องจากนโยบาย ภูมิบุตร ที่ผู้คนถูกสปอย จนอาจจะลืมรากทางด้านอาหารของตัวเองไป
2.วัฒนธรรมไทยภาคใต้ ตามรูปแรกคือ ในวงกลมสีเหลือง วัฒนธรรมของอาหารไทย เป็นกระแสหลักของโลกอยู่แล้ว ไม่มีใครสงสัย เพียงแต่เมื่อเป็นภาคใต้ ทั้งวัตถุดิบที่มี และลักษณะการกินของคนในพื้นที่ ทำให้เกิดเป็น เมนูอาหารภาคใต้ขึ้นมา ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
3.วัฒนธรรมจีน ทั้งจากชาวจีนในพื้นที่หาดใหญ่ ที่กลายเป็นคนไทยไปแล้ว และจากชาวจีน มาเลซีย ตามรูปแรกคือในวงกลมสีฟ้า ที่ชาวจีนมาเลเซียมักจะอยู่ในพื้นที่ ที่เจริญที่สุดของมาเลเซีย นั่นคือ พื้นที่ฝั่งตะวันตกของมาเลเซีย ซึ่งก็อยู่ติดกับชายแดนจังหวัดสงขลา ....ทว่าในส่วนของ อาหารอิสลามมาลายู และ อาหารไทยภาคใต้ ไม่ค่อยน่าเป็นห่วง แต่ที่น่าห่วงคือ อาหารจีนในพื้นที่หาดใหญ่ เมนูอาหารรุ่นอากง อาม่า ได้หายไปจำนวนมาก สังเกตุได้จาก ร้านอาหารเก่าแก่ บริเวณใจกลางเมือง ได้ปิดตัวลง ไม่มีผู้สืบทอด น่าเสียดายมาก อาจจะเป็นเพราะลูกหลานชาวจีนมักเรียกเก่ง และได้ทำงานเงินเดือนสูงๆ หรือที่ผ่านมา ชาวจีนที่ขายสินค้าหนีภาษีในตลาดกิมหยง มักขายแต่พวกเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้า กลับเป็นสินค้ายุดเก่าไปแล้ว หรือบางท่านอาจจะเปิดร้านทอง ก็รวยกันไป .....ดังนั้นผู้เขียน อยากให้รีบสืบทอด ไปค้นหาเมนูอาหารที่หายไป ให้กลับมาเปิดขาย ยิ่งถ้าขายในร้านเดิมที่เก่าแก่ได้ จะดีมากๆ เพราะร้านพวกนี้มีประวัติอย่างยาวนาน และทรงคุณค่า
และสิ่งที่ต้องไม่ลืมคือ หาดใหญ่เป็นจุดหลอมรวมของทั้ง 3 วัฒนธรรมหลัก ทำให้ชาวจีนดั้งเดิมในหาดใหญ่ที่กลายเป็นชาวไทย และชาวมาลายู จาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นชาวมาลายูสยาม และชาวไทยภาคใต้ ซึ่งเหตุที่หาดใหญ่กลายเป็นจุดหลอมรวมที่ดีที่สุด นั้นเพราะเส้นทางการคมนาคม ทั้งถนน และเส้นทางรถไฟ ล้วนมุ่งตรงเข้าหาดใหญ่ทั้งสิ้น ดังนั้น นี้จึงเป็นจุดแข็ง และจุดขาย "ที่ดีที่สุด" ของหาดใหญ่ ณ เวลานี้ และไม่มีพื้นที่อื่นใดทำได้ ดังนั้น เรื่องของ "อาหาร 3 วัฒนธรรม" จึงเด่นชัดที่สุด ซึ่งเป็น "ความจริง" ที่มีอยูแล้ว แต่ขาดการส่งเสริม เพื่อให้เกิด "ความเชื่อ" และ สร้าง "มูลค่า" ต่อไป
"ไทจิลัง" คืออะไร ผู้เขียนกำลังสื่อถึงอะไรกันแน่นะ ....ความหมายก็คือ การรวมกันในด้านอาหารของ 3 วัฒนธรรมอย่างสงบ สะท้อนถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสงบของคน 3 วัฒนธรรม ภายในพื้นที่หาดใหญ่ และเป็นสังคมในอุดมคติ ที่แม้แต่ทางการ ประเทศมาเลเชียก็พยายามสร้าง และใฝ่ฝันมาตลอด ภายใต้ชื่อ "One Malaysia" แต่ที่ หาดใหญ่ เราทำได้ตั้งนานแล้ว เราไม่มีความขัดแย้ง ความขัดแย้งส่วนใหญ่มาจากที่อื่น นี้ก็เป็น "ความจริง" อีกข้อ ที่สามารถนำไปเสนอ ให้กับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียได้ว่า "หาดใหญ่ คือ สังคมในอุดมคติของคนมาเลเซีย"
โครงการ วัฒนธรรมด้านอาหาร "หาดใหญ่-ไทจิลัง" จริงๆแล้ว มันย่อมาจาก ไทย จีน อิสลาม เพียงแต่เอามาเล่นคำ และสร้างเป็นคำศัพท์ใหม่ ให้มีความหมายเฉพาะเจาะจง เพื่อสะท้อนถึงการอยู่ร่วมกัน ของผู้คนอย่างสงบ เพราะหากใช้ความว่า อาหาร ไทย จีน อิสลาม ก็จะดูเหมือนเป็นการแบ่งแยก ที่ไม่ควรจะให้เกิดขึ้นในสังคม อีกทั้ง ยังไม่สามารถอ้างอิงถึงคำ ที่เฉพาะเจาะจง อย่าง "ไทจิลัง" ได้ และแม้ว่า "ความจริง" ในเรื่องอาหาร ในข้อนี้ จะมีมานานแล้ว แต่หากขาดการรับรู้ และการประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง ก็จะไม่สามารถสร้างมูลค่าที่แท้จริงได้ ...และแน่นอน "ความจริง" ที่ไม่มีใครรู้ หรือไม่สามารถสร้างการรับรู้ได้ในวงกว้างได้ ย่อมไม่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ แล้วจะทำอย่างไรให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง ให้ได้มากที่สุด ....สิ่งที่ง่ายที่สุด นั่นคือป้ายบอกทาง ที่ติดตามท้องถนน เราจะเปลี่ยนเป็นป้าย บอกเล่าเรื่องราวเมนูอาหารต่างๆ ของสิ่งที่เรียกว่า "หาดใหญ่ไทจิลัง" ดังนี้
จากรูป ป้ายบอกทางในรูปนี้คือ หน้า โรงเรียน ญ.ส. เราจะพบว่า รูปแบบป้าย จะยกสูงเกินระดับสายตา เพื่อความปลอดภัยในการจราจรของประชาชน และป้ายในลักษณะนี้ เราสามารถนำข้อมูลโครงการอาหารอร่อย " หาดใหญ่ไทจิลัง" มาเป็นป้ายเมนูแนะนำอาหาร ภายใต้โครงการ หาดใหญ่ไทจิลังได้ โดยเราจะทำให้หาดใหญ่ กลายเป็น สวนอาหารขนาดใหญ่ ที่มีเมนูอาหารอย่างมากมาย ภายใต้ธีม "หาดใหญ่ไทจิลัง" หรือแปลอย่างง่ายๆว่า อาหารหาดใหญ่ ไทย จีน อิสลาม "ที่ดีที่สุด"
ตัวอย่าง ข้อมูลในป้ายแนะนำเมนูอาหารจะมีข้อความดังนี้คือ 1.เทศกาลอาหารอร่อย "หาดใหญ่ไทจิลัง" ซึ่งเราควรจัดเทศกาลอาหารที่ว่านี้ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง 2.เมนูแนะนำ เช่น ตูปะซูตง ข้าวเหนี่ยวไก่ทอดหาดใหญ่ ติ่งซัม ซาบูซะ ฯลฯ 3.ประวัติของอาหาร และส่วนผสมโดยสังเขป 4.คิวอาร์โค๊ด พร้อมชื่อเว๊ปไซต์ของโครงการ หาดใหญ่ไทจิลัง ที่เว๊ปไซต์ของหาดใหญ่ www.hd.com เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าเว๊ปไซต์ หรือสแกนคิวอาร์โค๊ด ติดตั้งแอปพลิเคชันได้แล้ว ผู้เขียนขอตั้งชื่อแอปว่า "hatyaiTCL" และใน "แอปพลิเคชัน" ก็จะมีข้อมูลต่างๆดังนี้ เช่น 1.อธิบายว่าทำไมอาหารในหาดใหญ่จึงอร่อย และมีความหลากหลาย นั่นเพราะ หาดใหญ่คือจุดหลอมรวมของ 3 วัฒนธรรมที่ดีที่สุด 2.ร้านอาหารในหาดใหญ่ที่แนะนำ (โดยทำลิงค์เข้าเพจของร้านนั่นๆเลย) 3.เมนูอาหารที่แนะนำ 4.คาเฟ่ที่แนะนำ 5.สถานที่ขายอาหาร หรือตลาดขายอาหารที่แนะนำ เช่น ตลาดนัดหาดใหญ่ใน ตลาดเปิดท้าย ตลาดสายกลางเขต 8 ฯลฯ พร้อมเวลาเปิดปิดตลาด เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปได้ด้วยตัวเอง และป้ายแบบนี้ ควรจะมีตั้งแต่ด่านสะเดา และทุกพื้นที่ของหาดใหญ่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักของหาดใหญ่ อย่างนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์
ต่อไปเป็นอาหารชื่อดัง ที่จะสร้างเสียงชื่อให้กับ หาดใหญ่ได้อย่างมากมาย และจริงจัง นั่นคือเมนู "ข้าวเหนียวไก่ทอดหาดใหญ่" ซึ่งเป็นเมนูอาหารที่แม้ว่า จะไม่ได้รับการส่งเสริมอย่างจริงจัง แต่ก็ยังสามารถมีชื่อเสียงได้ในระดับประเทศ ส่วนรูปแบบ และวิธีการกิน ก็มีเอกลักษณ์มาก ไม่เหมือนใคร นี้จึงเป็นเครื่องยืนยันว่า "เมนูไก่ทอดหาดใหญ่ได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว" ....เมนูนี้ คนคิด คิดได้ยังไงว่า จะต้องกินข้าวเหนียวไก่ทอดกับหอมเจียว ซึ่งคนที่คิดเมนูนี้ ต้องขอบอกเลยว่า เป็นอัจฉริยะ ด้านอาหารของแท้ และด้วยชื่อของเมนูอาหารนี้ ที่มีคำว่า "หาดใหญ่" ต่อท้าย จึงทำให้รู้ถึงแหล่งกำเนิด และหากส่งเสริมให้ ข้าวเหนียวไก่ทอดหาดใหญ่ มีชื่อเสียงได้ในระดับโลก เช่นเดียวกับ ไก่ทอด KFC หรือ ไก่ทอดเกาหลี ก็จะทำให้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก หลังไหลตามมากินไก่ทอดหาดใหญ่แบบ "ต้นฉบับ" ที่หาดใหญ่จำนวนมาก เพราะแม้แต่ในปัจจุบัน ก็มียูทูปเบอร์จำนวนมากที่ มากินไก่ทอดชนิดนี้ถึงหาดใหญ่ เพื่อสัมผัสบรรยากาศ ถึงแหล่งกำเนิดที่แท้จริง เรียกได้ว่ากำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้เลย แต่การจะทำให้ไก่ทอดหาดใหญ่ มีชื่อเสียงในระดับโลกได้นั้น จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุน ไม่ว่าจากทางภาครัฐ หรือเอกชนที่เก่งๆ นำพาแบรนด์ "ไก่ทอดหาดใหญ่" ให้เป็นที่รู้จักในระดับเดียวกับ ไก่ทอด KFC หรือจะเอาโมเดลการทำการตลาดแบบเดียวกับ กระทิงแดงก็ได้
แต่ปัญหาก็เกิดอีก เนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์ทางปัญญา ทำให้ไม่สามารถจดเครื่องหมายการค้า คำที่เป็นชื่อสถานที่ได้ เช่น สงขลา หาดใหญ่ กระบี่ ตรัง บางกล่ำ เพราะเป็นชื่อสถานที่ที่ทุกคนใช้ร่วมกัน ดังนั้น หากต้องการให้ไก่ทอดหาดใหญ่ ไปได้ไกลในระดับโลก ต้องมีชื่อ ไก่ทอดหาดใหญ่ และ มีคำเฉพาะห้อยท้าย เช่น ไก่ทอดเดชา-ไก่ทอดหาดใหญ่ ไก่ทอดฟาติมะ-ไก่ทอดหาดใหญ่ ไก่ทอดไอรดา-ไก่ทอดหาดใหญ่ ไก่ทอดมาลี-ไก่ทอดหาดใหญ่ ไก่ทอดสมชาย-ไก่ทอดหาดใหญ่ ไก่ทอดโซระย่า-ไก่ทอดหาดใหญ่ เป็นต้น หรืออาจจะร่วมมือกับ KFC เจ้าตลาดไก่ทอด นำเมนูไก่ทอดหาดใหญ่เข้าไปขายในร้าน ก็น่าจะเป็นผลดี กลายเป็นเมนู ไก่ทอดKFC-ไก่ทอดหาดใหญ่
ขอต่อบทความที่ความเห็นด้านล่าง............
ตอนที่ 7 หาดใหญ่สงขลากับหมุดการท่องเที่ยวระดับโลก - "ความจริง 2" เรื่องอาหาร 3 วัฒนธรรม
บทความตอนก่อนหน้า...................
ตอนที่ 7 หาดใหญ่สงขลากับหมุดการท่องเที่ยวระดับโลก - "ความจริง 2" เรื่องอาหาร 3 วัฒนธรรม
เมืองหาดใหญ่ หลังจากการเสื่อมของ ตลาดการค้าสินค้าหนีภาษี ก็แทบไม่มีอะไรจะขายเลยนอกจากเป็นการ "ทางผ่าน" ไปสู่เมืองอื่นๆ แต่ทว่าสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ และเป็น "ความจริง" ที่มีมูลค่าอย่างที่สุด ของเมืองหาดใหญ่สงขลา นั่นคือ "อาหาร" ...ว่ากันว่า ไม่ว่าเมืองไหนๆ ก็จะเครมว่าอาหารของเมืองตัวเองอร่อยที่สุด ดีที่สุด แต่จะอร่อยอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ได้ และคงไม่ใช่ว่า อาหารอร่อยเพราะ แม่ครัว หรือคนทำอาหาร มีฝีมือดี นั่นเพราะมันเป็นสเกลที่เล็กเกินไป แต่อาหารของหาดใหญ่ ที่อร่อย และมีความหลากหลาย นั่นเพราะ หาดใหญ่ เป็นจุดปะทะกันของ 3 วัฒนธรรม ไทย จีน อิสลาม "ที่ดีที่สุด" โดยที่ไม่มีพื้นที่ใดเหมือนที่นี้ ซึ่งมีทั้ง "ปริมาณ" และ "คุณภาพ" และความจริงข้อนี้ เป็นความจริงที่ถูกแอบซ่อนอยู่ และยังไม่ได้เอามาขยายต่อ เพื่อสร้างมูลค่า อย่างที่ควรจะเป็น จากรูปด้านบน เราจะเห็นว่า หาดใหญ่ คือจุดกึ่งกลาง ของ 3 วัฒนธรรมหลักของภาคใต้ นั้นคือ ...
1.วัฒนธรรมอิสลามมาลายู ตามรูปแรก คือในวงกลมสีแดง ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ยังไม่โดน "สปอย" หมายถึง ยังไม่ได้รับสิทธิ์ ในฐานะภูมิบุตรแบบของประเทศมาเลเซีย ทำให้อาหารมาลายูหลายๆอย่าง ได้รับการสืบทอด และพัฒนาต่อยอด นั่นเพราะ ผู้คนต่างต้องดิ้นรนทำมาหากิน อีกทั้งปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ทำให้ผู้คนจากชายแดน หลั่งไหลเข้าสู่ อ.หาดใหญ่ เพื่อทำมาหากิน โดยเฉพาะการขายอาหารชื่อแปลกๆ เมนูแปลกๆ เช่น ตูปะซูตง ลักซา กะโป๊ะ ฯลฯ ที่เราไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน และเราไม่สามารถเห็นเมนูอาหารพวกนี้ได้ ในประเทศมาเลเซีย เนื่องจากนโยบาย ภูมิบุตร ที่ผู้คนถูกสปอย จนอาจจะลืมรากทางด้านอาหารของตัวเองไป
2.วัฒนธรรมไทยภาคใต้ ตามรูปแรกคือ ในวงกลมสีเหลือง วัฒนธรรมของอาหารไทย เป็นกระแสหลักของโลกอยู่แล้ว ไม่มีใครสงสัย เพียงแต่เมื่อเป็นภาคใต้ ทั้งวัตถุดิบที่มี และลักษณะการกินของคนในพื้นที่ ทำให้เกิดเป็น เมนูอาหารภาคใต้ขึ้นมา ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
3.วัฒนธรรมจีน ทั้งจากชาวจีนในพื้นที่หาดใหญ่ ที่กลายเป็นคนไทยไปแล้ว และจากชาวจีน มาเลซีย ตามรูปแรกคือในวงกลมสีฟ้า ที่ชาวจีนมาเลเซียมักจะอยู่ในพื้นที่ ที่เจริญที่สุดของมาเลเซีย นั่นคือ พื้นที่ฝั่งตะวันตกของมาเลเซีย ซึ่งก็อยู่ติดกับชายแดนจังหวัดสงขลา ....ทว่าในส่วนของ อาหารอิสลามมาลายู และ อาหารไทยภาคใต้ ไม่ค่อยน่าเป็นห่วง แต่ที่น่าห่วงคือ อาหารจีนในพื้นที่หาดใหญ่ เมนูอาหารรุ่นอากง อาม่า ได้หายไปจำนวนมาก สังเกตุได้จาก ร้านอาหารเก่าแก่ บริเวณใจกลางเมือง ได้ปิดตัวลง ไม่มีผู้สืบทอด น่าเสียดายมาก อาจจะเป็นเพราะลูกหลานชาวจีนมักเรียกเก่ง และได้ทำงานเงินเดือนสูงๆ หรือที่ผ่านมา ชาวจีนที่ขายสินค้าหนีภาษีในตลาดกิมหยง มักขายแต่พวกเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้า กลับเป็นสินค้ายุดเก่าไปแล้ว หรือบางท่านอาจจะเปิดร้านทอง ก็รวยกันไป .....ดังนั้นผู้เขียน อยากให้รีบสืบทอด ไปค้นหาเมนูอาหารที่หายไป ให้กลับมาเปิดขาย ยิ่งถ้าขายในร้านเดิมที่เก่าแก่ได้ จะดีมากๆ เพราะร้านพวกนี้มีประวัติอย่างยาวนาน และทรงคุณค่า
และสิ่งที่ต้องไม่ลืมคือ หาดใหญ่เป็นจุดหลอมรวมของทั้ง 3 วัฒนธรรมหลัก ทำให้ชาวจีนดั้งเดิมในหาดใหญ่ที่กลายเป็นชาวไทย และชาวมาลายู จาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นชาวมาลายูสยาม และชาวไทยภาคใต้ ซึ่งเหตุที่หาดใหญ่กลายเป็นจุดหลอมรวมที่ดีที่สุด นั้นเพราะเส้นทางการคมนาคม ทั้งถนน และเส้นทางรถไฟ ล้วนมุ่งตรงเข้าหาดใหญ่ทั้งสิ้น ดังนั้น นี้จึงเป็นจุดแข็ง และจุดขาย "ที่ดีที่สุด" ของหาดใหญ่ ณ เวลานี้ และไม่มีพื้นที่อื่นใดทำได้ ดังนั้น เรื่องของ "อาหาร 3 วัฒนธรรม" จึงเด่นชัดที่สุด ซึ่งเป็น "ความจริง" ที่มีอยูแล้ว แต่ขาดการส่งเสริม เพื่อให้เกิด "ความเชื่อ" และ สร้าง "มูลค่า" ต่อไป
"ไทจิลัง" คืออะไร ผู้เขียนกำลังสื่อถึงอะไรกันแน่นะ ....ความหมายก็คือ การรวมกันในด้านอาหารของ 3 วัฒนธรรมอย่างสงบ สะท้อนถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสงบของคน 3 วัฒนธรรม ภายในพื้นที่หาดใหญ่ และเป็นสังคมในอุดมคติ ที่แม้แต่ทางการ ประเทศมาเลเชียก็พยายามสร้าง และใฝ่ฝันมาตลอด ภายใต้ชื่อ "One Malaysia" แต่ที่ หาดใหญ่ เราทำได้ตั้งนานแล้ว เราไม่มีความขัดแย้ง ความขัดแย้งส่วนใหญ่มาจากที่อื่น นี้ก็เป็น "ความจริง" อีกข้อ ที่สามารถนำไปเสนอ ให้กับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียได้ว่า "หาดใหญ่ คือ สังคมในอุดมคติของคนมาเลเซีย"
โครงการ วัฒนธรรมด้านอาหาร "หาดใหญ่-ไทจิลัง" จริงๆแล้ว มันย่อมาจาก ไทย จีน อิสลาม เพียงแต่เอามาเล่นคำ และสร้างเป็นคำศัพท์ใหม่ ให้มีความหมายเฉพาะเจาะจง เพื่อสะท้อนถึงการอยู่ร่วมกัน ของผู้คนอย่างสงบ เพราะหากใช้ความว่า อาหาร ไทย จีน อิสลาม ก็จะดูเหมือนเป็นการแบ่งแยก ที่ไม่ควรจะให้เกิดขึ้นในสังคม อีกทั้ง ยังไม่สามารถอ้างอิงถึงคำ ที่เฉพาะเจาะจง อย่าง "ไทจิลัง" ได้ และแม้ว่า "ความจริง" ในเรื่องอาหาร ในข้อนี้ จะมีมานานแล้ว แต่หากขาดการรับรู้ และการประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง ก็จะไม่สามารถสร้างมูลค่าที่แท้จริงได้ ...และแน่นอน "ความจริง" ที่ไม่มีใครรู้ หรือไม่สามารถสร้างการรับรู้ได้ในวงกว้างได้ ย่อมไม่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ แล้วจะทำอย่างไรให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง ให้ได้มากที่สุด ....สิ่งที่ง่ายที่สุด นั่นคือป้ายบอกทาง ที่ติดตามท้องถนน เราจะเปลี่ยนเป็นป้าย บอกเล่าเรื่องราวเมนูอาหารต่างๆ ของสิ่งที่เรียกว่า "หาดใหญ่ไทจิลัง" ดังนี้
จากรูป ป้ายบอกทางในรูปนี้คือ หน้า โรงเรียน ญ.ส. เราจะพบว่า รูปแบบป้าย จะยกสูงเกินระดับสายตา เพื่อความปลอดภัยในการจราจรของประชาชน และป้ายในลักษณะนี้ เราสามารถนำข้อมูลโครงการอาหารอร่อย " หาดใหญ่ไทจิลัง" มาเป็นป้ายเมนูแนะนำอาหาร ภายใต้โครงการ หาดใหญ่ไทจิลังได้ โดยเราจะทำให้หาดใหญ่ กลายเป็น สวนอาหารขนาดใหญ่ ที่มีเมนูอาหารอย่างมากมาย ภายใต้ธีม "หาดใหญ่ไทจิลัง" หรือแปลอย่างง่ายๆว่า อาหารหาดใหญ่ ไทย จีน อิสลาม "ที่ดีที่สุด"
ตัวอย่าง ข้อมูลในป้ายแนะนำเมนูอาหารจะมีข้อความดังนี้คือ 1.เทศกาลอาหารอร่อย "หาดใหญ่ไทจิลัง" ซึ่งเราควรจัดเทศกาลอาหารที่ว่านี้ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง 2.เมนูแนะนำ เช่น ตูปะซูตง ข้าวเหนี่ยวไก่ทอดหาดใหญ่ ติ่งซัม ซาบูซะ ฯลฯ 3.ประวัติของอาหาร และส่วนผสมโดยสังเขป 4.คิวอาร์โค๊ด พร้อมชื่อเว๊ปไซต์ของโครงการ หาดใหญ่ไทจิลัง ที่เว๊ปไซต์ของหาดใหญ่ www.hd.com เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าเว๊ปไซต์ หรือสแกนคิวอาร์โค๊ด ติดตั้งแอปพลิเคชันได้แล้ว ผู้เขียนขอตั้งชื่อแอปว่า "hatyaiTCL" และใน "แอปพลิเคชัน" ก็จะมีข้อมูลต่างๆดังนี้ เช่น 1.อธิบายว่าทำไมอาหารในหาดใหญ่จึงอร่อย และมีความหลากหลาย นั่นเพราะ หาดใหญ่คือจุดหลอมรวมของ 3 วัฒนธรรมที่ดีที่สุด 2.ร้านอาหารในหาดใหญ่ที่แนะนำ (โดยทำลิงค์เข้าเพจของร้านนั่นๆเลย) 3.เมนูอาหารที่แนะนำ 4.คาเฟ่ที่แนะนำ 5.สถานที่ขายอาหาร หรือตลาดขายอาหารที่แนะนำ เช่น ตลาดนัดหาดใหญ่ใน ตลาดเปิดท้าย ตลาดสายกลางเขต 8 ฯลฯ พร้อมเวลาเปิดปิดตลาด เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปได้ด้วยตัวเอง และป้ายแบบนี้ ควรจะมีตั้งแต่ด่านสะเดา และทุกพื้นที่ของหาดใหญ่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักของหาดใหญ่ อย่างนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์
ต่อไปเป็นอาหารชื่อดัง ที่จะสร้างเสียงชื่อให้กับ หาดใหญ่ได้อย่างมากมาย และจริงจัง นั่นคือเมนู "ข้าวเหนียวไก่ทอดหาดใหญ่" ซึ่งเป็นเมนูอาหารที่แม้ว่า จะไม่ได้รับการส่งเสริมอย่างจริงจัง แต่ก็ยังสามารถมีชื่อเสียงได้ในระดับประเทศ ส่วนรูปแบบ และวิธีการกิน ก็มีเอกลักษณ์มาก ไม่เหมือนใคร นี้จึงเป็นเครื่องยืนยันว่า "เมนูไก่ทอดหาดใหญ่ได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว" ....เมนูนี้ คนคิด คิดได้ยังไงว่า จะต้องกินข้าวเหนียวไก่ทอดกับหอมเจียว ซึ่งคนที่คิดเมนูนี้ ต้องขอบอกเลยว่า เป็นอัจฉริยะ ด้านอาหารของแท้ และด้วยชื่อของเมนูอาหารนี้ ที่มีคำว่า "หาดใหญ่" ต่อท้าย จึงทำให้รู้ถึงแหล่งกำเนิด และหากส่งเสริมให้ ข้าวเหนียวไก่ทอดหาดใหญ่ มีชื่อเสียงได้ในระดับโลก เช่นเดียวกับ ไก่ทอด KFC หรือ ไก่ทอดเกาหลี ก็จะทำให้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก หลังไหลตามมากินไก่ทอดหาดใหญ่แบบ "ต้นฉบับ" ที่หาดใหญ่จำนวนมาก เพราะแม้แต่ในปัจจุบัน ก็มียูทูปเบอร์จำนวนมากที่ มากินไก่ทอดชนิดนี้ถึงหาดใหญ่ เพื่อสัมผัสบรรยากาศ ถึงแหล่งกำเนิดที่แท้จริง เรียกได้ว่ากำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้เลย แต่การจะทำให้ไก่ทอดหาดใหญ่ มีชื่อเสียงในระดับโลกได้นั้น จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุน ไม่ว่าจากทางภาครัฐ หรือเอกชนที่เก่งๆ นำพาแบรนด์ "ไก่ทอดหาดใหญ่" ให้เป็นที่รู้จักในระดับเดียวกับ ไก่ทอด KFC หรือจะเอาโมเดลการทำการตลาดแบบเดียวกับ กระทิงแดงก็ได้
แต่ปัญหาก็เกิดอีก เนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์ทางปัญญา ทำให้ไม่สามารถจดเครื่องหมายการค้า คำที่เป็นชื่อสถานที่ได้ เช่น สงขลา หาดใหญ่ กระบี่ ตรัง บางกล่ำ เพราะเป็นชื่อสถานที่ที่ทุกคนใช้ร่วมกัน ดังนั้น หากต้องการให้ไก่ทอดหาดใหญ่ ไปได้ไกลในระดับโลก ต้องมีชื่อ ไก่ทอดหาดใหญ่ และ มีคำเฉพาะห้อยท้าย เช่น ไก่ทอดเดชา-ไก่ทอดหาดใหญ่ ไก่ทอดฟาติมะ-ไก่ทอดหาดใหญ่ ไก่ทอดไอรดา-ไก่ทอดหาดใหญ่ ไก่ทอดมาลี-ไก่ทอดหาดใหญ่ ไก่ทอดสมชาย-ไก่ทอดหาดใหญ่ ไก่ทอดโซระย่า-ไก่ทอดหาดใหญ่ เป็นต้น หรืออาจจะร่วมมือกับ KFC เจ้าตลาดไก่ทอด นำเมนูไก่ทอดหาดใหญ่เข้าไปขายในร้าน ก็น่าจะเป็นผลดี กลายเป็นเมนู ไก่ทอดKFC-ไก่ทอดหาดใหญ่
ขอต่อบทความที่ความเห็นด้านล่าง............