เท้ง ปัดวิจารณ์โผ ครม.ใหม่ มั่นใจ ‘ปชน.’ ไม่มีงูเห่า จี้ ‘อิ๊งค์’ ยุบสภา คืนอำนาจให้ปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5241270
.
.
เท้ง ปัด ให้ความเห็น หลัง โผ ครม. มีชื่อ ‘บิ๊กเล็ก’ นั่งเก้าอี้รมว.กลาโหม มองยุบสภาครั้งนี้ไม่ซ้ำรอยอดีต ชี้สุญญากาศทางการเมืองคือปชช.ขาดความเชื่อมั่นผู้นำ-ครม. โต้กลับ ‘ไผ่ ลิกค์’ เปิดชื่องูเห่ามาเลย มั่นใจ ‘ปชน.’ ไม่มีงูเห่าแน่นอน
.
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวโผปรับครม.ใหม่ โดยมี พล.อ.
ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม จะมาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนนาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ตนไม่ อยากแสดงความคิดเห็นในคณะรัฐมนตรีเป็นตัวบุคคล
.
แต่สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคือหน้าตาของคณะรัฐมนตรีที่สามารถจะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้มากกว่า เพราะแต่ละคนที่มานั่งก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่ง แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองในตอนนี้สิ่งเห็นคือการพยายามต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี เพื่อแลกผลประโยชน์ทางการเมืองกันมากกว่า ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ตนกังวลที่สุด
.
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีคนจากฝั่งรัฐบาลบอกว่าการยุบสภาอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะก่อนหน้านี้จากบทเรียนการรัฐประหารทั้งสองครั้งเกิดขึ้นหลังการยุบสภานั้น นาย
ณัฐพงษ์ ระบุว่า การรัฐประหารสองครั้งที่ผ่านมาเนื่องจากพรรคฝ่ายค้านไม่ได้อยากเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เพราะมีการประเมินว่าถึงแม้การเลือกตั้งใหม่ ฝั่งพรรคเพื่อไทยก็อาจมีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้งกลับมา เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ในตอนนี้ต่างกับเหตุการณ์ในอดีต เพราะครั้งนี้พรรคประชาชนยืนยันอย่างเต็มที่ว่า ต้องการให้มีการคืนอำนาจสูงสุดให้กับประชาชนในการเลือกตั้งใหม่
.
นาย
ณัฐพงษ์ กล่าวว่า หากในสถานะที่มีการยุบสภาเกิดขึ้นคณะรัฐมนตรีรักษาการยังสามารถใช้อำนาจ หรือกลไกของรัฐ มาบริหารราชการแผ่นดินได้อยู่ เว้นแต่การตั้งโครงการงบประมาณที่มีภาระผูกพัน รวมถึงการแต่งตั้งข้าราชการในตำแหน่งสำคัญ จึงอาจไม่ทำให้เกิดสภาวะสุญญากาศทางการเมือง
.
“
มองว่าสิ่งนี้สิ่งที่ทำให้เกิดภาวะสูญญากาศมากกว่า คือการขาดความเชื่อมั่นต่อผู้นำประเทศและคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันสิ่งที่จะกู้ความเชื่อมั่นกลับมาได้คือการคืนอำนาจให้กับประชาชนพร้อมกับการสื่อสารที่ชัดเจนจากตัวผู้นำประเทศมากกว่า” นาย
ณัฐพงษ์ กล่าว
.
นาย
ณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรคกล้าธรรมออกมาเปิดเผยว่า อาจมีงูเห่าจากฝ่ายค้านมาเพิ่มเสียงให้รัฐบาลจาก 260 เสียงเป็น 280 เสียงนั้น ว่า ตนเชื่อมั่นในส่วนของพรรคประชาชนว่าไม่มีงูเห่าอย่างแน่นอน ส่วนจะมาจากพรรคฝ่ายค้านอื่น ๆ หรือไม่นั้นตนยังไม่สามารถตอบแทนได้ เพราะฉะนั้นคนที่จะให้ข่าวออกมาว่าหากมีรายชื่ออยู่นั้นก็อยากให้เปิดรายชื่อออกมาเลย หากมีการพาดพิงถึงตัวแทนของพรรคประชาชนนั้น เชื่อว่าสมาชิกพรรคประชาชนพร้อมจะชี้แจงเรื่องนี้
.
.
ไทยสร้างไทย ร่อนแถลง ยืนหยัดเป็นฝ่ายค้าน ไล่ งูเห่า อยากย้ายร่วมรัฐบาลให้ลาออก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5241075
.
ไทยสร้างไทย ร่อนแถลง ยืนหยัดเป็นฝ่ายค้าน ไล่ งูเห่า อยากย้ายร่วมรัฐบาลให้ลาออก
.
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนว่า จะมีสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยบางคนไปร่วมสนับสนุนการปรับคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ โดยบางคนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีนั้น พรรคไทยสร้างไทยขอเรียนต่อพี่น้องประชาชนว่า พรรคยังคงยืนหยัดในอุดมการณ์ทางการเมืองด้วยการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยไม่ตระบัดสัตย์ต่อคำมั่นสัญญาที่พรรคไทยสร้างไทยได้ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนในระหว่างการหาเสียง
.
หากมีสมาชิกพรรคคนใดไปร่วมรัฐบาลหรือร่วมกับพรรคการเมืองอื่นใด ไม่ว่าจะในตำแหน่งรัฐมนตรีหรือตำแหน่งอื่นใด ขอให้บุคคลดังกล่าวดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ข้อบังคับพรรค และมารยาททางการเมือง ด้วยการ “ลาออก” จากสมาชิกพรรค เนื่องจากพรรคไม่สนับสนุนและไม่เห็นด้วยกับการกระทำนั้น และควรมีความกล้าหาญอย่างลูกผู้ชาย กระทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรแต่งตั้งนอมินี
ให้ดำรงตำแหน่งแทนตนเอง
.
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีหรือพรรคการเมืองที่ต้องการสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยไปร่วมงานหรือร่วมรัฐบาล ต้องคำนึงถึงจริยธรรมและมารยาททางการเมือง ไม่ใช่ด้วยการให้ได้เสียงข้างมากในรัฐบาลโดยอาศัย “
งูเห่า” อันเป็นการแสดงถึงการเมืองที่ไม่ “สุจริต” ไม่เคารพต่อเจตจำนงของพี่น้องประชาชนผู้เลือกตั้ง อันอาจจะเป็นการกระทำที่ขัดต่อจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และที่สำคัญการพยายามรักษาอำนาจของนายกรัฐมนตรีโดยอาศัย “งูเห่า” เป็นการทำลายคุณค่าของจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตของสังคมไทยที่ผู้นำไม่ควรกระทำ
.
อนึ่ง พรรคไทยสร้างไทยจะดำเนินการตามกฎหมายและข้อบังคับพรรคกับผู้ที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองและข้อบังคับพรรค ในส่วนที่เกี่ยวกับมาตรฐานคุณธรรมและจริยธรรมทางการเมืองอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานใหม่ทางการเมืองที่พรรคมุ่งมั่นสร้าง คือ “
การเมืองสุจริต” และใคร่ขอให้พี่น้องประชาชนร่วมกันทำลาย “การเมืองทุจริต” ที่กำลังสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติและประชาชนอย่างใหญ่หลวงอยู่ในขณะนี้
.
พรรคไทยสร้างไทยขอเรียนพี่น้องประชาชนอีกประการหนึ่งว่า กรณีที่มีสมาชิกของพรรคไม่ปฏิบัติตามมติและอุดมการณ์ของพรรคโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนนั้น เป็นการทรยศต่อประชาชนและสร้างความเสียหายแก่พรรค ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่และพัฒนาไปสู่การเป็นสถาบันการเมืองที่มีคุณภาพและคุณธรรม เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติที่จะได้อยู่ในระบบการเมือง “
สุจริต”
.
พรรคขอเรียนว่าด้วยการเมือง “
สุจริต” และระบบราชการ “
สุจริต” เท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตของพี่น้องประชาชนมีความมั่นคงและความสุข ตั้งแต่เกิดจนแก่ พรรคได้เสนอสิ่งนี้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาและจะยีนหยัดในสิ่งนี้ตลอดไป ขอพี่น้องประชาชนมาร่วมกันสร้างการเมืองและระบบราชการ “
สุจริต” และช่วยกันทำลายการเมืองและระบราชการ “ทุจริต” ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
.
พรรคไทยสร้างไทย
21 มิถุนายน 2568
.
.
ชาวเน็ตฟาดเดือด! "อ๋อม สกาวใจ" แสดงจุดยืน "เจรจา" คือชัยชนะ
.
เรียกทัวร์ตามคาด หลัง "อ๋อม สกาวใจ" ออกมาแสดงความเห็นปมคลิปเสีย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุนเซน
.
โดย อ๋อม ได้โพสต์ภาพข้อความว่า
.
"สุดท้ายแล้วสิ่งที่ยึดมั่นมาตลอดว่าทางออกที่ดีที่สุดคือการเจรจา วันนี้เราไม่ต้องมีสงคราม ไม่ต้องนำพาชีวิตทหารไปเสี่ยง เพราะ 1 ชีวิตที่ต้องไปเสี่ยงนั้น หากพลาดไปความสูญเสียนั้นมหาศาลมาก ทั้งกับครอบครัวผู้สูญเสียและประเทศ ความผิดพลาดในการเจรจานั้น ต้องยอมรับว่ามีจริงตามที่เห็นและเป็นข่าว
.
แต่ในท้ายที่สุด เราไม่ต้องมีสงคราม ชาวบ้านอยู่อย่างสงบสุข ไม่ได้เสียอธิปไตยแม้แต่น้อย .... ความผิดพลาดสอนให้เราเรียนรู้ การชนะศึกโดยไม่ต้องมีสงครามนั้น คือสิ่งที่เราได้ในวันนี้ และผู้ที่ต้องรับความเสี่ยงที่สุดนั้นคือ ผู้เจรจา"
.
พร้อมเขียนแคปชั่นว่า
.
"สิ่งที่อ๋อมโพสต์ในโพสต์นี้ แน่นอนว่าย่อมมีผู้ไม่เห็นด้วย ยอมรับคำวิจารณ์ แต่ขอวิจารณ์ด้วยเหตุผลนะคะ"
.
หลังโพสต์เผยแพร่มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาคอมเมนต์โต้ อาทิ
"เจรจาต่อรอง vs เจรจาให้เป็นรอง"
"คุณอย่าเข้าข้างคนเจรจาที่ไม่มีวุฒิภาวะเลยคะ หัดมองด้วยเหตุผลนะคะ ไม่ใช่เข้าข้างคนของเราจนลืมคำว่าถูกผิด เหมาะสมหรือไม่ นึกถึงคอนนายกประยุทธ สิคะ คุณด่าไม่มีดีเลย ทีแบบนี้คุณแบกจัง ถ้านักการเมืองไม่มีความคิดแต่เข้าข้างแต่พวกพ้องคุณจะเป็นคนที่น่าชื่นชม น่ายกย่องหรือคะ"
"การเจรจาเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเจรจาแล้วมันดูแย่ด้วยวาจามันเป็นการกระทำที่ไม่สมควรพูดและกระทำครับ"
"การเจราจาเป็นจริงที่ดีครับ แต่ควรเป็นทางการ ไม่ใช่ดีลลับ ควรใช้ใช้ท่าทาง คำพูดในฐานะผู้เจรจรา ไม่ใช่ พูดในฐานะ คนในเครือญาติครับ"
.
.
.
สมาคมโรงแรม ร้องนายกอิ๊งค์ เลิกขึ้นค่าแรง 400 บาท โอดกระทบต้นทุนซ้ำเติมธุรกิจ
https://www.khaosod.co.th/economics/news_9814791
.
สมาคมโรงแรม ร้องนายกอิ๊งค์ เลิกขึ้นค่าแรง 400 บาท โอดกระทบต้นทุนซ้ำเติมธุรกิจ
.
นาย
เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ทำหนังสือยื่นถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้พิจารณาทบทวนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเฉพาะกลุ่มอาชีพในภาคบริการและอุตสาหกรรมโรงแรม โดยตามที่กระทรวงแรงงานและคณะกรรมการไตรภาคี ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
.
โดยเฉพาะในกลุ่มอาชีพภาคบริการ และอุตสาหกรรมโรงแรม ได้แก่ โรงแรมตั้งแต่ระดับ 2 ดาวขึ้นไป หรือโรงแรมที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 50 ห้องขึ้นไป รวมถึงสถานบริการอื่นๆ สมาคมฯ ความกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมติดังกล่าว จึงขอความกรุณาจากท่านนายกรัฐมนตรี พิจารณาส่งเรื่องกลับไปยังคณะกรรมการไตรภาคี เพื่อทบทวนมติและพิจารณายกเลิกการกำหนดปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแฉพาะกลุ่มอาชีพ และขอให้พิจารณานโยบายในภาพรวมที่สะท้อนความเป็นธรรมและความสามารถในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในทุกระดับ
.
นาย
เทียนประสิทธิ์ กล่าวว่า ผลกระทบและความกังวลที่เกิดขึ้นมีหลายเรื่อง แต่หลักๆ คือ ภาวะการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงต่อเนื่องจากตลาดหลักในภูมิภาคเอเชีย อาทิ จีน มาเลเซีย และรัสเซีย
.
ทั้งยังได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก รวมถึงประเด็นด้านความปลอดภัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางเข้าประเทศ ส่งผลให้รายได้ของผู้ประกอบการโรงแรมลดลง ขณะเดียวกันต้นทุนด้านวัตถุดิบ ค่าพลังงาน และแรงงานก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากอยู่แล้ว การขึ้นค่าแรงในช่วงเวลานี้จะซ้ำเติมภาระผู้ประกอบการและส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ
.
นาย
เทียนประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การกำหนดขึ้นค่าแรงเฉพาะกลุ่มอาชีพถือเป็นความไม่เป็นธรรม อาทิ โรงแรมตั้งแต่ 2 ดาวขึ้นไป หรือโรงแรมที่มีห้องพักเกิน 50 ห้อง ส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมระหว่างผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกัน ทั้งยังสร้างแรงจูงใจในทางลบที่อาจทำให้ผู้ประกอบการบางรายไม่ประสงค์ขอใบอนุญาตโรงแรงแรม หรือลดการพัฒนาและยกระดับมาตรฐาน
.
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพและศักยภาพของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรวม กระทบต่อการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดท่องเที่ยวโลก การเพิ่มภาระต้นทุนเฉพาะกลุ่มโดยไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและอุปสงค์ของตลาด อาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียความเสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านได้
JJNY : 5in1 “เท้ง” จี้ยุบสภา│ทสท.ไล่งูเห่า│ชาวเน็ตฟาดเดือด!"อ๋อม"│ส.โรงแรมร้องเลิกขึ้นค่าแรง│“ฮุนเซน” โพสต์อวดกรุงพนมเปญ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5241270
.
เท้ง ปัด ให้ความเห็น หลัง โผ ครม. มีชื่อ ‘บิ๊กเล็ก’ นั่งเก้าอี้รมว.กลาโหม มองยุบสภาครั้งนี้ไม่ซ้ำรอยอดีต ชี้สุญญากาศทางการเมืองคือปชช.ขาดความเชื่อมั่นผู้นำ-ครม. โต้กลับ ‘ไผ่ ลิกค์’ เปิดชื่องูเห่ามาเลย มั่นใจ ‘ปชน.’ ไม่มีงูเห่าแน่นอน
.
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวโผปรับครม.ใหม่ โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม จะมาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ตนไม่ อยากแสดงความคิดเห็นในคณะรัฐมนตรีเป็นตัวบุคคล
.
แต่สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคือหน้าตาของคณะรัฐมนตรีที่สามารถจะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้มากกว่า เพราะแต่ละคนที่มานั่งก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่ง แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองในตอนนี้สิ่งเห็นคือการพยายามต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี เพื่อแลกผลประโยชน์ทางการเมืองกันมากกว่า ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ตนกังวลที่สุด
.
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีคนจากฝั่งรัฐบาลบอกว่าการยุบสภาอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะก่อนหน้านี้จากบทเรียนการรัฐประหารทั้งสองครั้งเกิดขึ้นหลังการยุบสภานั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า การรัฐประหารสองครั้งที่ผ่านมาเนื่องจากพรรคฝ่ายค้านไม่ได้อยากเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เพราะมีการประเมินว่าถึงแม้การเลือกตั้งใหม่ ฝั่งพรรคเพื่อไทยก็อาจมีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้งกลับมา เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ในตอนนี้ต่างกับเหตุการณ์ในอดีต เพราะครั้งนี้พรรคประชาชนยืนยันอย่างเต็มที่ว่า ต้องการให้มีการคืนอำนาจสูงสุดให้กับประชาชนในการเลือกตั้งใหม่
.
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หากในสถานะที่มีการยุบสภาเกิดขึ้นคณะรัฐมนตรีรักษาการยังสามารถใช้อำนาจ หรือกลไกของรัฐ มาบริหารราชการแผ่นดินได้อยู่ เว้นแต่การตั้งโครงการงบประมาณที่มีภาระผูกพัน รวมถึงการแต่งตั้งข้าราชการในตำแหน่งสำคัญ จึงอาจไม่ทำให้เกิดสภาวะสุญญากาศทางการเมือง
.
“มองว่าสิ่งนี้สิ่งที่ทำให้เกิดภาวะสูญญากาศมากกว่า คือการขาดความเชื่อมั่นต่อผู้นำประเทศและคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันสิ่งที่จะกู้ความเชื่อมั่นกลับมาได้คือการคืนอำนาจให้กับประชาชนพร้อมกับการสื่อสารที่ชัดเจนจากตัวผู้นำประเทศมากกว่า” นายณัฐพงษ์ กล่าว
.
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรคกล้าธรรมออกมาเปิดเผยว่า อาจมีงูเห่าจากฝ่ายค้านมาเพิ่มเสียงให้รัฐบาลจาก 260 เสียงเป็น 280 เสียงนั้น ว่า ตนเชื่อมั่นในส่วนของพรรคประชาชนว่าไม่มีงูเห่าอย่างแน่นอน ส่วนจะมาจากพรรคฝ่ายค้านอื่น ๆ หรือไม่นั้นตนยังไม่สามารถตอบแทนได้ เพราะฉะนั้นคนที่จะให้ข่าวออกมาว่าหากมีรายชื่ออยู่นั้นก็อยากให้เปิดรายชื่อออกมาเลย หากมีการพาดพิงถึงตัวแทนของพรรคประชาชนนั้น เชื่อว่าสมาชิกพรรคประชาชนพร้อมจะชี้แจงเรื่องนี้
.
.
ไทยสร้างไทย ร่อนแถลง ยืนหยัดเป็นฝ่ายค้าน ไล่ งูเห่า อยากย้ายร่วมรัฐบาลให้ลาออก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5241075
.
ไทยสร้างไทย ร่อนแถลง ยืนหยัดเป็นฝ่ายค้าน ไล่ งูเห่า อยากย้ายร่วมรัฐบาลให้ลาออก
.
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนว่า จะมีสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยบางคนไปร่วมสนับสนุนการปรับคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ โดยบางคนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีนั้น พรรคไทยสร้างไทยขอเรียนต่อพี่น้องประชาชนว่า พรรคยังคงยืนหยัดในอุดมการณ์ทางการเมืองด้วยการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยไม่ตระบัดสัตย์ต่อคำมั่นสัญญาที่พรรคไทยสร้างไทยได้ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนในระหว่างการหาเสียง
.
หากมีสมาชิกพรรคคนใดไปร่วมรัฐบาลหรือร่วมกับพรรคการเมืองอื่นใด ไม่ว่าจะในตำแหน่งรัฐมนตรีหรือตำแหน่งอื่นใด ขอให้บุคคลดังกล่าวดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ข้อบังคับพรรค และมารยาททางการเมือง ด้วยการ “ลาออก” จากสมาชิกพรรค เนื่องจากพรรคไม่สนับสนุนและไม่เห็นด้วยกับการกระทำนั้น และควรมีความกล้าหาญอย่างลูกผู้ชาย กระทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรแต่งตั้งนอมินี
ให้ดำรงตำแหน่งแทนตนเอง
.
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีหรือพรรคการเมืองที่ต้องการสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยไปร่วมงานหรือร่วมรัฐบาล ต้องคำนึงถึงจริยธรรมและมารยาททางการเมือง ไม่ใช่ด้วยการให้ได้เสียงข้างมากในรัฐบาลโดยอาศัย “งูเห่า” อันเป็นการแสดงถึงการเมืองที่ไม่ “สุจริต” ไม่เคารพต่อเจตจำนงของพี่น้องประชาชนผู้เลือกตั้ง อันอาจจะเป็นการกระทำที่ขัดต่อจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และที่สำคัญการพยายามรักษาอำนาจของนายกรัฐมนตรีโดยอาศัย “งูเห่า” เป็นการทำลายคุณค่าของจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตของสังคมไทยที่ผู้นำไม่ควรกระทำ
.
อนึ่ง พรรคไทยสร้างไทยจะดำเนินการตามกฎหมายและข้อบังคับพรรคกับผู้ที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองและข้อบังคับพรรค ในส่วนที่เกี่ยวกับมาตรฐานคุณธรรมและจริยธรรมทางการเมืองอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานใหม่ทางการเมืองที่พรรคมุ่งมั่นสร้าง คือ “การเมืองสุจริต” และใคร่ขอให้พี่น้องประชาชนร่วมกันทำลาย “การเมืองทุจริต” ที่กำลังสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติและประชาชนอย่างใหญ่หลวงอยู่ในขณะนี้
.
พรรคไทยสร้างไทยขอเรียนพี่น้องประชาชนอีกประการหนึ่งว่า กรณีที่มีสมาชิกของพรรคไม่ปฏิบัติตามมติและอุดมการณ์ของพรรคโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนนั้น เป็นการทรยศต่อประชาชนและสร้างความเสียหายแก่พรรค ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่และพัฒนาไปสู่การเป็นสถาบันการเมืองที่มีคุณภาพและคุณธรรม เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติที่จะได้อยู่ในระบบการเมือง “สุจริต”
.
พรรคขอเรียนว่าด้วยการเมือง “สุจริต” และระบบราชการ “สุจริต” เท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตของพี่น้องประชาชนมีความมั่นคงและความสุข ตั้งแต่เกิดจนแก่ พรรคได้เสนอสิ่งนี้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาและจะยีนหยัดในสิ่งนี้ตลอดไป ขอพี่น้องประชาชนมาร่วมกันสร้างการเมืองและระบบราชการ “สุจริต” และช่วยกันทำลายการเมืองและระบราชการ “ทุจริต” ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
.
พรรคไทยสร้างไทย
21 มิถุนายน 2568
.
.
.
พร้อมเขียนแคปชั่นว่า
.
สมาคมโรงแรม ร้องนายกอิ๊งค์ เลิกขึ้นค่าแรง 400 บาท โอดกระทบต้นทุนซ้ำเติมธุรกิจ
https://www.khaosod.co.th/economics/news_9814791
.
สมาคมโรงแรม ร้องนายกอิ๊งค์ เลิกขึ้นค่าแรง 400 บาท โอดกระทบต้นทุนซ้ำเติมธุรกิจ
.
นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ทำหนังสือยื่นถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้พิจารณาทบทวนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเฉพาะกลุ่มอาชีพในภาคบริการและอุตสาหกรรมโรงแรม โดยตามที่กระทรวงแรงงานและคณะกรรมการไตรภาคี ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
.
โดยเฉพาะในกลุ่มอาชีพภาคบริการ และอุตสาหกรรมโรงแรม ได้แก่ โรงแรมตั้งแต่ระดับ 2 ดาวขึ้นไป หรือโรงแรมที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 50 ห้องขึ้นไป รวมถึงสถานบริการอื่นๆ สมาคมฯ ความกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมติดังกล่าว จึงขอความกรุณาจากท่านนายกรัฐมนตรี พิจารณาส่งเรื่องกลับไปยังคณะกรรมการไตรภาคี เพื่อทบทวนมติและพิจารณายกเลิกการกำหนดปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแฉพาะกลุ่มอาชีพ และขอให้พิจารณานโยบายในภาพรวมที่สะท้อนความเป็นธรรมและความสามารถในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในทุกระดับ
.
นายเทียนประสิทธิ์ กล่าวว่า ผลกระทบและความกังวลที่เกิดขึ้นมีหลายเรื่อง แต่หลักๆ คือ ภาวะการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงต่อเนื่องจากตลาดหลักในภูมิภาคเอเชีย อาทิ จีน มาเลเซีย และรัสเซีย
.
ทั้งยังได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก รวมถึงประเด็นด้านความปลอดภัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางเข้าประเทศ ส่งผลให้รายได้ของผู้ประกอบการโรงแรมลดลง ขณะเดียวกันต้นทุนด้านวัตถุดิบ ค่าพลังงาน และแรงงานก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากอยู่แล้ว การขึ้นค่าแรงในช่วงเวลานี้จะซ้ำเติมภาระผู้ประกอบการและส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ
.
นายเทียนประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การกำหนดขึ้นค่าแรงเฉพาะกลุ่มอาชีพถือเป็นความไม่เป็นธรรม อาทิ โรงแรมตั้งแต่ 2 ดาวขึ้นไป หรือโรงแรมที่มีห้องพักเกิน 50 ห้อง ส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมระหว่างผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกัน ทั้งยังสร้างแรงจูงใจในทางลบที่อาจทำให้ผู้ประกอบการบางรายไม่ประสงค์ขอใบอนุญาตโรงแรงแรม หรือลดการพัฒนาและยกระดับมาตรฐาน
.
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพและศักยภาพของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรวม กระทบต่อการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดท่องเที่ยวโลก การเพิ่มภาระต้นทุนเฉพาะกลุ่มโดยไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและอุปสงค์ของตลาด อาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียความเสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านได้