สวัสดีค่ะ เราขอเกริ่นก่อน เราเป็นพนักงานบริษัทปกติทั่วไปที่ต้องการหางานที่มั่นคงและก้าวหน้า และอยากอยู่กับงานไปนานๆไม่อยากเปลี่ยนงานใหม่ เดิมเราทำงานตั้งแต่ ปวช.1 ส่งตัวเองเรียนจนจบ ปริญญาตรี ประสบการณ์หการทำงานก็พอสมควร ประสบการณ์กับการทำงานร่วมกับคนอื่นก็พอสมควร เมือประมาณปี 2566 เราได้เข้าทำงานแถวย่านบางพลี หมู่บ้านข้างๆมูลนิธิร่วมกตัญญูบางพลี (เราไม่ขอเจาะลึกนะคะ) เราได้สมัครงานไปในตำแหน่ง แอดมินเซลล์ มีเจ้าหน้าที่โทรมาให้เราเข้าไปสัมภาษณ์งาน เราก็เข้าไปสัมภาษณ์งาน เกี่ยวกับหน้าที่การทำงานของเราที่ต้องรับผิดชอบ จะมี 2 คนที่สัมภาษณ์เรา จะเป็นหัวหน้าที่เราขึ้นตรงเลยกับเจ้าหน้าที่อวุโสท่านหนึ่ง เขาก็ถามไปตามประสบการณ์เรา แต่เขาบอกตำแหน่งที่เราสมัครมานั้นเต็มแล้ว แต่มีตำแหน่งที่ยังว่างอยู่นั่นคือ แผนก Operation การเปิด Invoice หรือการเตรียมเอกสารเพื่อการจัดส่งสินค้านั่นเอง ด้วยความที่เราอยากได้งานก็คุยกันเรื่องเนื้องาน ประโยคที่หัวหน้าและเจ้าหน้าที่อาวุโสถามเราย้ำๆคือ เข้ากับคนได้ รองรับอารมณ์ได้ อยู่ใต้แรงกดดันได้ใช่ไหม ด้วยความที่เราทำงานมาหลายที่เราเลยบอกได้ค่ะ สรุปก็เลยแจ้งวันพร้อมเข้าทำงาน วันแรกที่เราเข้ามาทำงานในห้องมีพนักงาน 7 คน แบ่งออกเป็น พนักงานรับออกเดอร์ พนักงานสรุปต้นทุน บุคคล หัวหน้า พนักงานจัดเรียงรถขนส่ง พนักงานเปิดบิล พนักงานอะไรอีกคนเนี่ยล่ะ เราก็ไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอน แต่ที่เราเห็นเขาทำบ่อยๆคือทำใบยืม (ส่งของชั่วคราว) คุยกับเซลล์เป็นหลัก ระยะเวลาที่เราทำงานก็พูดคุยกับพี่ที่ทำงานไปอย่างราบรื่น ไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน แต่ส่วนมาก ในห้องที่เราทำงานเขาจะนินทาแผนกอื่นสะส่วนมาก เช่นพนักงานบัญชีเสียบสายชาร์จโทรศัพท์ ก็จะเอามาพูดกันว่าที่บ้านไม่มีที่เสียบหรอ ทำไมต้องเอามาเสียบที่ทำงาน นินทาคนนั้นไปเรื่อย เดินบ่อยก็ไม่ได้ นินทาไปกระทั่งแม่บ้าน รปภ. อะเอาสิ นินทาไปเรื่อยเปื่อย เก็เออ ออไปกะเขาไง เพราะสภาพสังคมที่เราอยู่เราต้องเข้ากับเขาให้ได้ เวลากินอะไรกันก็จะชวนกันกิน เช่น กินชาบูก็จะกินเวลาพักกลางวันจะมีพี่คนนึงจะไปซื้อเย็นและอีกวันมาทำกินกัน ก็หารเงินกัน เป็นแบบนี้มาเป็นเวลา 2 ปี พอเราทำงานเข้า 2 ปีกว่า เรามีอาการป่วย ไม่สบาย แต่เราไม่ใช่ว่าจะหยุดงานบ่อยอะไรขนาดนั้น ถ้าเราไม่ไหวจริงๆ แล้วงานตรงเราเปิดบิล จะต้องปริ้น PO อย่างละ 3 ชุด แยก ส่งให้หัวหน้าเซ็น ดึงใบเช็คของลงให้สโตรเพื่อจัดของ เอาเอกสารที่หัวหน้าเซ็นแล้วขึ้นไปส่งบัญชี บัญชีก็จะเอามาให้เราแยกชุดเพื่อส่งของให้ลูกค้า บางวันมีส่งของที่ต้องผ่านกรมศุลกากร เราก็จะเลิกงานดึกหน่อย งานตรงเราจะเดินตลอดเวลาเพราะมันเกี่ยวกับเอกสาร และเรื่องมันก็เกิดขึ้นเมื่อ มกราคม 2568 เราไม่สบาย ช่วงแรกมีอาการเจ็บคอ แบบกลืนน้ำลายลำบาก เราเลยไปหาหมอ หมอบอกว่าคออักเสบรุนแรง เลยให้หยุดงาน 2 วัน ช่วงประมาณ 8-9 และ 10-11 มันติดเสาร์อาทิตย์เราเลยหยุดยาว และมาช่วงประมาณ 23-24 มกราคมเรามีอาการไอหนักมาก ไอจนเจ็บหลัง เจ็บหน้าอก ไอทั้งคืน เราเลยไปหาหมอ หมอบอกว่าเราติดเชื้อทางเดินหายใจ หมอให้ใบแพทย์หยุดงาน 2 วันและประจวบเหมาะวันที่ 25-26 ติดกับเสาร์อาทิตย์ เรายื่นเอกสารให้หัวหน้าดูตลอดว่าเรามาหาหมอจริงมีเอกสารรับรองจริงว่าเราป่วย หลังจากนี้แหล่ะ เรื่องแปลกก็เกิดขึ้น เรากลับมาทำงาน เพื่อนร่วมงานที่รวมเราด้วยเป็น 7 คน ตัดเราและหัวหน้าออกเหลือ 5 มี 4 คนที่อยู่ดีๆก็ไม่คุยกับเรา นั่นคือ ฝ่ายทำใบส่งของชั่วคราว คนจัดรถ คนทำสรุปต้นทุน และบุคคล เราเลย งง ว่าทำไมอยู่ดีๆไม่คุยกับเรา เมื่อพูดคุยกัน พอเราเข้าเสริมพวกนาก็จะเงียบไม่พูดต่อ จากที่เคยชวนกินชาบูนางก็จะชวนกันแค่ 4 คน (บอกก่อนว่าหัวหน้าย้ายไปนั่งอีกห้องแล้ว ในห้องก็จะเหลือ 5 คน)ส่วนพี่ที่รับออเดอร์ก็ยังคุยกับเราปกติ ไปกินข้าวด้วยกันปกติ เราเลยถามพี่รับออเดอร์ว่าพี่ ทำไมตั้งแต่หนูกลับมาจากอาการป่วย พวก 4 คนนั้นไม่คุยกับหนูเลย เขาเลยบอกไม่รู้สิ มันคงไม่พอใจที่ทำงานแทนแกที่แกลาป่วยล่ะมั้ง เราเลยว่าเอ้าคนที่ทำงานแทนหนูมี 2 คน คนนึงคือคนจัดรถ และอีกคนคือคนเปิดใบส่งของชั่วคราวนิ แล้วอีกสองคน คนทำต้นทุนกับบุคคลทำไมไม่คุยกับหนู พี่เขาเลยบอกก็เขาพวกเดียวกัน เขาคงคุยกัน (เรามารู้ที่หลังนาง 4 คนไปตั้งกลุ่มใหม่กันในไลน์และเอาฉันไปนินทา) แกฉันป่วย ฉันไม่ได้อยากป่วยนะ พอเราเริ่มรู้ว่าเขาไม่โอเคกับเรา เราก็ไม่อะไรก็พูดคุยปกติ แต่นาง 4 คนเหมือนไม่ค่อยอยากคุยกับเรา วันนึงพี่รับออเดอร์ชวนเราไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่ เราก็ไปกับพี่เขา ส่วนนาง 4 คนนั้นเขาชวนกันทำชาบูกินกันในห้อง แต่เขาไม่ชวนเราไม่ชวนหัวหน้าไม่ชวนพี่รับออเดอร์นะ เราก็ไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่กับพี่รับออเดอร์ แต่เราเอะใจว่าเขาต้องพูดถึงเราแน่เลย เราเลยเอา Tablet เราอัดเสียงไว้ (เพื่อความชัวร์ว่าเราไม่ได้คิดไปเองแน่นอนว่าเขาไม่โอเคกะเรา) เมื่อเราเลิกงาน เรากลับบ้านมาเราก็เปิดฟังเสียงที่เราบันทึก ในนั้นมีใจความว่า หัวหน้าเราเดินเข้ามาในห้องขณะที่นาง 4 คนนั่งกินชาบูอยู่นั้น หัวหน้าเราเอ่ยว่า สองคนนั้นล่ะเขาไม่กินด้วยหรอ นาง 4 คนเลยบอกว่า เขาไปปาร์ตี้กันข้างนอกคือเห็นว่าจะไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่นั่งกินที่ร้านกัน หัวหน้าเราเลยบอกอ่อ และในบทสนทนานั้นก็เอ่ยออกจากปากคนจัดรถว่า เมื่อวานมันเพิ่งไปกินกะผัวมันนิ (คือวันเกิดแฟนเรา เราเลยพาแฟนไปกินตี๋น้อย คือนางพูดถึงเราอยู่) แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรตอบนะ และนางฝ่ายบุคคลก็พูดขึ้นมาว่า ถึงกินก็ไม่ให้กิน คือหหมายถึงเรากะพี่รับออเดอร์ว่าถ้าชวนแล้วกินก็จะไม่ให้กิน เราบอกกอนนะ เราไม่เคยมีปัญหาอะไรกับต้นทุน หรือฝ่ายบุคคลเลย เราไม่เคยอะไรเลย เราเลยเอาเรื่องนี้ไปบอกแฟน แฟนเราบอกเราว่าปล่อยไปไม่ต้องสนใจ แต่อยู่ในการทำงานมันอึดอัดมากเลยนะ เพราะเราต้องทำงานร่วมกัน มันมีอยู่วันนึงเอกสารที่ติดอยู่กับลูกค้าหรืออยู่กับเซลล์จะมี 2 คนที่คุยและรู้คือ คนจัดรถและคนเปิดใบส่งของชั่วคราว วันนั้นเราเช็คเอกสารและมเอกสารชุดนึงเราไม่เห็นว่าคนรถเอาเอกสารมาคืนเราเลยถามคนออกใบส่งของช่วคราวว่า พี่เอกสารชื่อบริษัทนี้อยู่กับใครหรอ (ในนี้คือไม่อยู่กับเซลล์ ลูกค้า ก็คืออยู่กับช่างที่เข้าไปติดตั้งงาน) นางหันกลับมาและพูดจาตะคอกเสียงดังใส่เรา เราเลยตอบกลับไปว่าพูดดีๆก็ได้ นางย้อนกลับมาว่า ถ้าพูดไม่ดีจะยิ่งกว่านี้อีก เราก็ไม่ต่อความยาวสาวความยืด เราก็ไม่พูดอะไรเลย นอกจากเรื่องงาน หลังจากนั้นก็มีพนักงานคนนึงในบริษัท ต่างแผนกกับเราถามเราว่าเป็นอะไรหรือเปล่าช่วงนี้ดูหน้าเหนื่อยๆ เราเลยบอกว่า เบื่อ เขารู้เลย เพราะเขาเห็นเราทำงานคนเดียว ขึ้นไปส่งเอกสารบัญชี ลงมาส่งเอกสารสโตร์โดยคนที่ทำงานร่วมกันไม่ช่วยนะ เพราะช่วงแรกเขาช่วยผลัดเอาเอกสารขึ้นลงกะเรา พอหลังๆมามีปัญหา เขาก็ไม่ช่วยเราเลย เราจะบอกก่อนรถจ้างที่หามานั้นมาจากคนจัดรถ เราไม่รู้หรอกเขาได้ส่วนต่างอะไรไหม เพราะคนในบริษัทเขาก็สงสัย ล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา คนทำใบส่งของชั่วคราวแฟนนางไปออกรถมาเพื่อมาวิ่งงานที่บริษัท และคนจ่ายงานก็ไม่ใช่ใครก็คือคนจัดรถนั่นเอง แกว่ามีอะไรในก่อไผ่ปะ ถ้าไม่มีผลประโยชน์อะเนอะ และคนนี้นะคะ เขาจะเป็นขี้ข้าของคนจัดรถคือ ออกไปเอาของ ไปเอาอาหารให้ตอนช่วงกลางวัน อยากกินอะไรแค่โทรบอก ของมาถึงเลย และวันที่บริษัทจัดงานปีใหม่ เราได้นอนกับหัวหน้า นาง 4 คนก็แยกกันไปนอน ถึงเวลาแต่งตัวเราแต่งตัวเสร็จเราก็เลยไปเคาะประตู อีกห้องสรุปนาง 4 คนอยู่ด้วยกันจ้า คนทำต้นทุนทำผมให้คนจัดรถ แบบผมลอน เราเลยเอ่ยบอกว่าพี่ทำให้ด้วยสิ ประโยคที่พูดตอบมาคือ ทำเอาเองเลย ใครอยากทำก็ทำ เราสงสัยตั้งแต่เราไปเคาะประตูละ เรารอประมาณเกือบ 2 นาที ถึงจะมาเปิดประตูให้เรา พอเราเข้าไปสถานการณ์ก็ดูเงียบ พอแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาหน้าโรงแรมเพื่อเตรียมตัวไปหอประชุมเพื่อกินอาหาร เรายืนอยู่ก้มลงไปทำรองเท้า เงยหน้ามา นาง 4 คนเดินหนีเราไปอีกที่นึง ในใจเราคือแบบโหขนาดนี้เลยหรอ หลังจากนั้นหัวหน้าก็ถามเราว่าช่วงนี้เป็นอะไรหรือเปล่ามีปัญหาอะไรกันไหม เราก็ตอบบ่ายเบี่ยงว่าไม่มีพี่ จนกระทั่งเดือน มีนาคมเราหางานใหม่เลย เพราะเรารู้เลยว่าอยู่ต่อก็ไม่มีความสุข เราก็ได้งานใหม่จริงๆ สรุปเราเขียนใบลาออกและบอกทุกอย่างกับหัวหน้า คำนึงที่หัวหน้าตอบมาว่า พี่รู้อยู่แล้ว แต่พี่แค่อยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้เท่านั้นเอง พอเรื่องนี้กะจายไปคนในบริษัทรู้ เขาเอ่ยมาแบบ ใครก็อยู่ไม่ได้หรอกกับคนพวกนั้น ออกไปตั้งหลายคนแล้ว ถึงจะอายุเยอะกว่าเราก็ทนไม่ได้เพราะโดนแบบนี้ ไม่น่าล่ะตอนที่เขาสัมภาษณ์งานเราเขาถึงย้ำแต่เรื่องนี้ สุดท้ายแล้วเราก็ไม่ทน ขอไปอยู่ที่ใหม่เริ่มใหม่แบบมีความสุขดีกว่า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ อาจจะยาวไปนิด
อยู่ตรงไหนแล้วลำบากใจให้ให้เดินออกมา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ อาจจะยาวไปนิด