UPDATE: ลาก่อนรถเมล์แดง! ครม.ไฟเขียว ขสมก.เช่ารถเมล์ EV 1,520 คัน หวังพลิกล้างหนี้สะสม
.
ใครที่เคยนั่ง "รถเมล์แดง" คงคุ้นกับภาพควันดำ เสียงดัง และอากาศร้อนอบอ้าวแบบไม่มีแอร์ แต่อนาคตการเดินทางของคนกรุงเทพฯ กำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว
วันนี้ (17 มิ.ย.) คณะรัฐมนตรีไฟเขียวอนุมัติโครงการเช่ารถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV) ของ ขสมก. เป็นทางการ โดยจะเช่ารถเมล์แอร์พลังงานสะอาดทั้งหมด 1,520 คัน เป็นระยะเวลา 7 ปี วงเงินรวมกว่า 15,355 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มใช้งบตั้งแต่ปี 2568–2575
เดิมทีรัฐบาลเคยอนุมัติให้ ขสมก. เช่ารถ NGV จำนวน 3,183 คัน แต่มติใหม่ครั้งนี้หันมาเลือกใช้ EV แทน เพื่อลดมลพิษและต้นทุนระยะยาว
[เมื่อไหร่จะได้ใช้งานจริง?]
กิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. ระบุว่า รถเมล์ EV จะเริ่มให้บริการประชาชนได้ภายในปี 2568 โดยล็อตแรก 500 คันจะเริ่มวิ่งก่อนในเขตเมือง
เป้าหมายหลักคือทดแทน "รถเมล์ร้อน" ที่ใช้งานมานานกว่า 30 ปี สภาพทรุดโทรม ซ่อมบำรุงแพง และไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
[ลดต้นทุน-เพิ่มรายได้-ล้างหนี้สะสม]
โครงการนี้ตั้งเป้าจะสร้างรายได้ตลอด 7 ปี ราว 52,654 ล้านบาท คาดว่ามีกำไรสุทธิถึง 19,855 ล้านบาท โดย ขสมก. หวังว่าจะลดต้นทุนลงได้ถึง 70% และนำเงินไปชำระหนี้สะสมที่มีมากกว่า 1 แสนล้านบาทได้ภายในไม่เกิน 7 ปี
ที่ผ่านมา ขสมก. ขาดทุนต่อเนื่อง เช่นในปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 5,329 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสะสมทะลุ 147,000 ล้านบาท
.
ยังไม่นับรวมแรงกระแทกจากการเปิดเสรีเส้นทางรถเมล์ ที่เปิดทางให้เอกชนเข้ามาแข่งขัน ซึ่งแม้จะดีต่อผู้โดยสาร แต่ก็ท้าทายต่อการปรับตัวของ ขสมก. เช่นกัน
[ค่าโดยสารที่เพิ่มขึ้น…แลกกับความสะดวกสบาย?]
แม้จะได้นั่งรถเย็นสบาย แต่สิ่งที่เปลี่ยนแน่ๆ คือ ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 15 บาท ซึ่งสูงกว่ารถเมล์ร้อน หลายคนจึงจับตาว่าการปรับโครงสร้างค่าโดยสารครั้งนี้ จะ “เหมาะสมและเป็นธรรม” แค่ไหน
นอกจาก “ตั๋วเดือน” ที่มีอยู่แล้ว คนจำนวนไม่น้อยก็หวังว่า “ตั๋วร่วม” กับรถไฟฟ้าและขนส่งอื่นๆ จะกลายเป็นจริงเร็วๆ นี้ เพื่อให้การเดินทางของคนกรุง “เชื่อมต่อได้จริง” ทั้งระบบ
การมาถึงของรถเมล์ไฟฟ้า ไม่ใช่แค่เปลี่ยนยานพาหนะ แต่คือการเริ่มต้นใหม่ของระบบขนส่งสาธารณะไทย
คำถามคือ…เราจะใช้โอกาสนี้สร้างบริการที่สะดวก ปลอดภัย และยั่งยืนได้แค่ไหน?
ปิดตำนานรถเมล์ครีมแดง ที่พึ่งสุดท้ายของคนจน เป็นรถเมล์ EV 1,520 คัน
UPDATE: ลาก่อนรถเมล์แดง! ครม.ไฟเขียว ขสมก.เช่ารถเมล์ EV 1,520 คัน หวังพลิกล้างหนี้สะสม
.
ใครที่เคยนั่ง "รถเมล์แดง" คงคุ้นกับภาพควันดำ เสียงดัง และอากาศร้อนอบอ้าวแบบไม่มีแอร์ แต่อนาคตการเดินทางของคนกรุงเทพฯ กำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว
วันนี้ (17 มิ.ย.) คณะรัฐมนตรีไฟเขียวอนุมัติโครงการเช่ารถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV) ของ ขสมก. เป็นทางการ โดยจะเช่ารถเมล์แอร์พลังงานสะอาดทั้งหมด 1,520 คัน เป็นระยะเวลา 7 ปี วงเงินรวมกว่า 15,355 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มใช้งบตั้งแต่ปี 2568–2575
เดิมทีรัฐบาลเคยอนุมัติให้ ขสมก. เช่ารถ NGV จำนวน 3,183 คัน แต่มติใหม่ครั้งนี้หันมาเลือกใช้ EV แทน เพื่อลดมลพิษและต้นทุนระยะยาว
[เมื่อไหร่จะได้ใช้งานจริง?]
กิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. ระบุว่า รถเมล์ EV จะเริ่มให้บริการประชาชนได้ภายในปี 2568 โดยล็อตแรก 500 คันจะเริ่มวิ่งก่อนในเขตเมือง
เป้าหมายหลักคือทดแทน "รถเมล์ร้อน" ที่ใช้งานมานานกว่า 30 ปี สภาพทรุดโทรม ซ่อมบำรุงแพง และไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
[ลดต้นทุน-เพิ่มรายได้-ล้างหนี้สะสม]
โครงการนี้ตั้งเป้าจะสร้างรายได้ตลอด 7 ปี ราว 52,654 ล้านบาท คาดว่ามีกำไรสุทธิถึง 19,855 ล้านบาท โดย ขสมก. หวังว่าจะลดต้นทุนลงได้ถึง 70% และนำเงินไปชำระหนี้สะสมที่มีมากกว่า 1 แสนล้านบาทได้ภายในไม่เกิน 7 ปี
ที่ผ่านมา ขสมก. ขาดทุนต่อเนื่อง เช่นในปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 5,329 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสะสมทะลุ 147,000 ล้านบาท
.
ยังไม่นับรวมแรงกระแทกจากการเปิดเสรีเส้นทางรถเมล์ ที่เปิดทางให้เอกชนเข้ามาแข่งขัน ซึ่งแม้จะดีต่อผู้โดยสาร แต่ก็ท้าทายต่อการปรับตัวของ ขสมก. เช่นกัน
[ค่าโดยสารที่เพิ่มขึ้น…แลกกับความสะดวกสบาย?]
แม้จะได้นั่งรถเย็นสบาย แต่สิ่งที่เปลี่ยนแน่ๆ คือ ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 15 บาท ซึ่งสูงกว่ารถเมล์ร้อน หลายคนจึงจับตาว่าการปรับโครงสร้างค่าโดยสารครั้งนี้ จะ “เหมาะสมและเป็นธรรม” แค่ไหน
นอกจาก “ตั๋วเดือน” ที่มีอยู่แล้ว คนจำนวนไม่น้อยก็หวังว่า “ตั๋วร่วม” กับรถไฟฟ้าและขนส่งอื่นๆ จะกลายเป็นจริงเร็วๆ นี้ เพื่อให้การเดินทางของคนกรุง “เชื่อมต่อได้จริง” ทั้งระบบ
การมาถึงของรถเมล์ไฟฟ้า ไม่ใช่แค่เปลี่ยนยานพาหนะ แต่คือการเริ่มต้นใหม่ของระบบขนส่งสาธารณะไทย
คำถามคือ…เราจะใช้โอกาสนี้สร้างบริการที่สะดวก ปลอดภัย และยั่งยืนได้แค่ไหน?