"อย่าคิดแทนคนอื่น" ภาษาอังกฤษพูดว่า...

เวลาจะบอกใครว่าเฮ้ยยย คุณอย่าไปคิดแทนคนอื่นเขา! ฝรั่งเขาพูดง่าย ๆ เลยครับว่า 📌 “Don’t assume.” (อาจจะต่อท้ายไปด้วยว่า Don’t assume what they want/think ก็ได้) โดยคำว่า assume แปลว่าอนุมานหรือทึกทักเอาเอง

ประโยคอื่น ๆ ที่ใช้ได้ในความหมาย “อย่าคิดแทนคนอื่น” ก็เช่น...
✅ “It’s not your place to say.” (ไม่ใช่เรื่องที่คุณมีสิทธิพูด)
✅ “You can’t speak for everyone.” (คุณพูดแทนทุกคนไม่ได้)
✅ “Let them decide.” (ปล่อยให้เขาคิดเอง)

ถ้าเราพยายามแปลประโยคนี้แบบคำต่อคำเลย อาจจะออกมาประมาณ 👉🏻 “Don’t think on their behalf.” โดยวลี on someone’s behalf มันหมายถึงการทำแทนคนอื่นแบบตรงตัวเลยครับ จะพูดแบบนี้ฝรั่งเขาก็เข้าใจได้นะ

หรือบางทีเราอาจจะพูดในมุมกลับก็ได้ เวลาเราเห็นใครสักคนกำลังพยายามคิดแทนคนอื่น พยายามสรุปเอาเองว่าคนอื่นเขาต้องการหรือไม่ต้องการอะไร ก็จะพูดประมาณ ✅ “You don’t know what they’re thinking.” (คุณไม่รู้หรอกคนอื่นเขาคิดอะไร) หรือสั้น ๆ ว่า ✅ “You’re not them.” (คุณไม่ใช่เขาสักหน่อย) ก็เข้าใจเลย

มีหนึ่งสำนวนเท่ ๆ คือ 🔥 “Don’t put words in their mouth.” (อย่าเอาคำพูดไปใส่ปากคนอื่น) หมายความว่าอย่าไปพูดแทนเขา อย่าไปคิดแทนเขา ความหมายคล้าย ๆ เราบอกว่า 👉🏻 “It’s their call to make, not yours.” (มันเป็นเรื่องที่เขาต้องตัดสินใจเอง ไม่ใช่หน้าที่คุณ)

ส่วนประโยคที่ชอบ (เจอในนิยาย / งานเขียน / ซีรีส์ มากกว่า) ก็เช่น 💯 “Don’t steal their mic.” (อย่าไปแย่งไมค์เขา = อันนี้ออกแนว “อย่าไปออกความคิดเห็นแทนคนอื่น”) และอีกประโยคคือ 💯 “Quit playing mind reader.” (เลิกทำตัวเป็นนักอ่านใจคนอื่นได้แล้ว)

สรุปง่าย ๆ ถ้าจะเอาประโยคไหนไปใช้ ก็ประโยคแรกเลยตรงความหมายที่สุดแล้วคือ “Don’t assume what they think.“ (หรือ “Don’t assume their thoughts.” ความหมายเดียวกันครับ)
_______________

มาดูบทสนทนาว่าด้วยเรื่องการ “อย่าไปคิดแทนคนอื่น” กันสักหน่อย

บริบทที่ 1: เราไม่รู้หรอกว่าใครรู้สึกอย่างไร
A: “He’s fine. He probably doesn’t even care about the whole situation.” 😀
(เขาไม่เป็นไรหรอกน่า เขาคงไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเรื่องมันไปถึงไหน)
B: “It’s not your place to say how he feels.” 🤔
(คุณไม่มีสิทธิไปพูดหรอกว่าคนอื่นเขาจะรู้สึกยังไง)
A: “I’ve known him for years. I can tell.” 😉
(ผมรู้จักเขามาเป็นปี ๆ ผมเดาได้ไม่ยาก)
B: “Still — you don’t know what he’s thinking. Let him speak for himself.” 🙂
(ถึงอย่างงั้นก็เถอะ คุณก็ไม่มีทางรู้ว่าเขาคิดอะไร ให้เขาเป็นคนพูดเองดีกว่านะ)

บริบทที่ 2: มีคนไม่ชอบ แต่ก็อาจจะมีคนชอบก็ได้
A: “Trust me, nobody wants her on the team anymore.” 🤓
(เชื่อฉันสิ ไม่มีใครอยากได้เธอเข้ามาร่วมทึมเราแล้ว)
B: “Don’t assume what they think.” 😐
(อย่าไปคิดแทนคนอื่นเขา)
A: “Come on, I’ve heard people complain.” 😦
(โหวก็ดูดิ คนในทีมเขาบ่นไม่ชอบเธอกันทั้งนั้น)
B: “A few people venting doesn’t mean you speak for the whole group. You can’t speak for everyone.” 🤫
(มีคนบ่นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนในทีมจะคิดแบบนั้นซะหน่อย คุณพูดแทนทุกคนไม่ได้)

บริบทที่ 3: อย่าไปเดาความรู้สึกจากคำพูด
A: “Jennie said she’s tired, but I know she really just didn’t want to come.” 😏
(เจนนี่บอกว่าเธอรู้สึกล้า แต่ฉันรู้ว่าความจริงเธอแค่ไม่อยากมาด้วย)
B: “Don’t put words in her mouth.” 😒
(อย่าเอาความคิดตัวเองไปใส่คนอื่น)
A: “I’m just being honest.” 🤷🏻‍♀️
(ฉันก็แค่พูดตามที่มันเป็น)
B: “No, you’re projecting. You’re not herso stop acting like you know exactly what’s going on in her head.” 🙅🏼‍♀️
(ไม่นะ คุณน่ะพูดตามใจตัวเอง คุณไม่ใช่เธอสักหน่อย ดังนั้นอย่าทำเหมือนคุณรู้ดีเลยว่าในหัวเธอคิดอะไรอยู่)

ประมาณนี้ครับ อยากรู้ก็ถามกันตรง ๆ แต่อย่าคิดแทน (แถมยังคิดให้แง่ลบอีก!)

รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน
JGC. ✌🏻🇬🇧
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ภาษาอังกฤษ นักแปล Google Translate
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่