สารัชถ์ จากธุรกิจพลังงาน รุกคืบข้ามธุรกิจ คุมโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย แล้วไง ?

สารัชถ์ รัตนาวะดี ในวัยใกล้แซยิด (60 ปี ในวันที่ 12 กรกฎาคม 68) เจ้าพ่อ และเจ้าของอาณาจักรกัลฟ์ (กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ยังคงมี Passion ใหม่ ๆ ที่จะขยายกัลฟ์ให้ยิ่งใหญ่ต่อเนื่องในอีกหลาย ๆ อุตสาหกรรม 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สารัชถ์ กับ กลยุทธ์กึ่งผูกขาด หรือที่เรียกว่า “Strategic Dominance” ผ่านการควบรวม การถือหุ้นไขว้ และการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติมากมาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จนทำให้ยากที่จะผู้เล่นรายอื่นจะแข่งขัน หรือเข้ามาใหม่ได้ง่าย หรือแม้แต่อันดับ 2 ก็ยังยากที่จะขึ้นมาแซงเป็นอันดับ 1 แทนที โดยเราสามารถที่วิเคราะห์กลยุทธ์ของสารัชถ์ออกมาได้เป็น 5 กลยุทธ์หลัก ดังนี้

1. สารัชถ์ ดูเหมือนจะควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย เรียกได้ว่า “เกือบเบ็ดเสร็จ” เพราะเข้าถือครองโครงการต่างๆ ที่เป็นจุดยุทธศาตร์ของประเทศ ที่มีลักษณ์เป็นการผูกขาดโดยธรรมชาติ (Natural monopoly) ได้แก่
     • โรงไฟฟ้า IPP/ SPP ที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับรัฐ (PPA) นาน 25–30 ปี → มีรายได้มั่นคง เพราะลงทุนโครงสร้างครั้งเดียวตั้งแต่แรก หลังมีเครือข่ายแล้ว การส่งไฟฟ้าให้ผู้ใช้เพิ่ม 1 ครัวเรือน แทบไม่การเพิ่มต้นทุน (ต้นทุนเชื้อเพลิง/บำรุงรักษาระบบต่อหน่วยต่ำกว่า Fixed Cost มาก) ยิ่งผลิต–ส่งกระแสไฟฟ้าในปริมาณมาก ๆ ต้นทุนเฉลี่ย/หน่วย (Average Cost) ยิ่งลดลง
     แต่รัฐจงใจ “ผูกขาดการส่ง–จำหน่าย” ผ่านการไฟฟ้าฝ่ายผลิต/ส่วนภูมิภาค/นครหลวง แต่เปิดพื้นที่ให้ “การแข่งขันจำกัด” ในฝั่งผลิต (IPP, SPP, โซลาร์ประชาชน) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟ (PPA) และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าเหล่านี้ก็ไม่ยอมสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อผลิต และขายไฟเอง ดันไปรับซื้อจากเอกชนมาขายต่ออีกทอด
     • ท่าเรือ LNG (Map Ta Phut Terminal) / ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 → เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการนำเข้าพลังงานของประเทศ
     • โครงการมอเตอร์เวย์ M6, M81 ร่วมกับ BTS → โครงสร้างพื้นฐานการเดินทางที่มีคู่แข่งน้อยราย

2. สารัชถ์ใช้วิธี “ควบรวมขนาดใหญ่” + “ถือหุ้นไขว้” ยึดครองทรัพย์สินศูนย์กลางประเทศ (ไฟฟ้า-เครือข่ายสื่อสาร-ดาต้า-การเงิน) แล้วต่อยอดด้วย JV และ minority-stake เพื่อสร้างแพลตฟอร์มครบวงจรที่มีคู่แข่งทำตามยาก จนทำให้โมเดล Strategic Dominance ของสารัชถ์ เข้าใกล้ “Soft-Monopoly” — ครอบครองโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติหลายชั้น ในขณะที่ยังคงรักษาภาพบริษัทจดทะเบียนโปร่งใสผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทย
      • ซื้อ INTUCH → ถือหุ้นใหญ่ใน AIS → เข้าถึงโครงข่ายโทรคมนาคมและข้อมูล
      • ถือหุ้น SCB ผ่าน GULF1 และพัฒนา fintech กับ SCB
      • ร่วมทุนกับ Binance สร้างแพลตฟอร์ม Exchange (Gulf Binance)
     ทำให้สารัชถ์สามารถเชื่อมโยงกลุ่มทุนหลักของประเทศเข้าด้วยกัน และลดโอกาสที่ใครจะแข่งขันตรงๆ ได้
*** สรุปสั้นตามภาพ ***
ควบรวมขนาดใหญ่ + ถือหุ้นไขว้ + ร่วมทุนต่างชาติ → สร้างโครงสร้างพื้นฐานตั้งแต่ไฟฟ้าถึงการเงิน ยากที่คู่แข่งจะเจาะเข้ามาทำธุรกิจแข่งได้

3. สารัชถ์สร้าง Ecosystem ผูกเงื่อนไขข้ามธุรกิจ


ไฟฟ้า (ต้นทุนต่ำ)   ──► ดาต้าเซ็นเตอร์
       ▲                     │
                                      │ไฟเลี้ยง          │   ค่าโฮสต์/เชื่อม 5G
         │                     ▼
  เสา-5G / Fiber      ◄──     โทรคมนาคม (AIS)
        ▲                      │
                              │โปรโมต           │   โมบายแบงก์
         │ บริการ            ▼
การเงิน (KBank)         ◄──       ลดต้นทุน–ปล่อยกู้


     • ไฟฟ้า Gulf → ลดต้นทุน Data Center
     • เสา-5G AIS → ดึงลูกค้าสู่ Data Center / Crypto / Binance
     • KBank → ปล่อยกู้ให้โครงการของ GULF + ระบบชำระเงินให้ AIS/Binance
ผลลัพธ์ คือ GULF สร้าง “ท่อหลายเส้น” เชื่อมกันเป็นวงจรเดียว ใครจะมาแข่ง ต้องเอาชนะทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเท่านั้น !!!

4. บริษัทของสารัขถ์ ทำไมเข้าถึงเงินทุนและเครดิตในระดับสูง
สรุปสั้นๆ ก็คือ
กระแสเงินสดยาว + เครดิตดี (A+) + มีพันธมิตรระดับโลก + โครงสร้างรายได้หลากหลาย ทำให้ธนาคาร–นักลงทุนสถาบัน “มองเห็นกระแสเงินในอนาคตชัด” จึงยอมให้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ ส่งผลให้ GULF มี Cost of Capital ต่ำและสามารถ “ชิงโครงสร้างพื้นฐาน” ใหม่ ๆ ได้ก่อนใครในไทย.

*** โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สารัชถ์เข้าลงทุน รายเล็กๆ หมดสิทธิ์เข้าร่วม บริษัทอื่นๆ ไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันในโครงการใหญ่แบบเดียวกันได้ง่าย จึงสร้าง “Barrier to entry” หรือ สิ่งกีดขวางในการเข้าร่วมของธุรกิจอื่นๆ เช่น การเข้าร่วมประมูลวงโคจรดาวเทียม เป็นต้น ที่มีเงื่อนไขระบุไว้ชัดเจนว่า  ต้องเคยให้บริการวงโคจรดาวเทียมมาก่อน (แล้วใครในประเทศไทยจะมีบริษัทไหนที่เคยให้บริการวงโคจรดาวเทียมได้ นอกจาก ThaiCom เจ้าเดียว)

5. สารัชถ์มีความสัมพันธ์เชิงอำนาจกับกลุ่มทุน-การเมือง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
     • สารัชถ์มีเครือข่ายเชิงการเมือง เข้าถึงนโยบายโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง มีพันธมิตรกับบริษัทใหญ่ระดับชาติมากมาย เช่น PTT, BTS, SCB, AIS ยิ่งแสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ในเชิงโครงสร้างเอกชนซ้อนรัฐ-เอกชนซ้อนเอกชน กันหลายชั้น หลายระดับ
     • สิ่งนี้อาจไม่ผิดกฎหมาย แต่อาจจะกลายเป็นการ “กีดกันทางโครงสร้าง” (Structural Exclusion) ที่ทำให้บริษัทอื่นแทรกแซงเข้าไปในธุรกิจได้ยาก
     • การเป็นทุนการเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกเชิงนโยบาย หรือไม่ ?

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้อสรุป
คุณสารัชถ์ กำลังผูกขาดแบบ “Soft Monopoly” อยู่หรือเปล่า ?
บริษัทที่คุณสารัชถ์ถือหุ้นอยู่ ไม่ได้ผูกขาดแบบใช้กฎหมายกีดกันคู่แข่ง แต่ใช้กลยุทธ์ 5 ด้าน คือ
1. ครอบครองโครงสร้างพื้นฐาน
2. ถือหุ้นยุทธศาสตร์
3. สร้าง ecosystem ข้ามธุรกิจ
4. เข้าถึงแหล่งทุนระดับสูง
5. เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนใหญ่และรัฐ
ผลคือ คุณสารัชถ์ อยู่ในสถานะ Dominant Player ที่ยากจะแข่งขันด้วยโดยตรง — เป็นผู้นำที่ไม่มีคู่แข่งตรงๆ (yet unbeatable, not illegal)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่