สารัชถ์ รัตนาวะดี ในวัยใกล้แซยิด (60 ปี ในวันที่ 12 กรกฎาคม 68) เจ้าพ่อ และเจ้าของอาณาจักรกัลฟ์ (กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ยังคงมี Passion ใหม่ ๆ ที่จะขยายกัลฟ์ให้ยิ่งใหญ่ต่อเนื่องในอีกหลาย ๆ อุตสาหกรรม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ยิ่งตอกย้ำว่าวันนี้ กัลฟ์ ไม่ได้คิดจะเป็นยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานอย่างเดียวเท่านั้น
ล่าสุด กัลฟ์ ได้เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 5 ในเคแบงก์ (K Bank) ด้วยจำนวน 77,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 3.25%
ย้อนกลับไปเมื่อ 30 กว่าปีก่อนในวัยประมาณ 29 ปี สารัชถ์ได้ตั้ง บริษัท กัลฟ์ อิเล็คตริก จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าขึ้นเป็นบริษัทแรก ที่อำเภอ บ่อนอก จ. ประจวบคีรีขันธ์ และมีบริษัทอื่น ๆ ตระกูลกัลฟ์ ตามมาอีกหลายบริษัท ก่อนที่จะมาตั้งกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ขึ้นมาเมื่อปี 2554 แล้วเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อปี 2560
เพียงแค่ 2 ปี (ปี 2562) หลังจากเข้าตลาดหุ้น สารัชถ์ เป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยคนใหม่ป้ายแดง ที่ร่ำรวยประมาณ 1.21 แสนล้านบาท จากหุ้นตัวเดียวเลย คือ GULF หุ้นธุรกิจโรงไฟฟ้า ที่เพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ และครองบัลลังก์แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 (ปี 2567) ด้วยความร่ำรวยกว่า 2.4 แสนล้านบาท
สารัชถ์เคยให้สัมภาษณ์ว่า ธุรกิจใหม่ ๆ ก็เป็นโอกาสแห่งอนาคต เป็นไปตามเทรนด์ของโลก

สารัชถ์ กับ กลยุทธ์กึ่งผูกขาด หรือที่เรียกว่า “Strategic Dominance” ผ่านการควบรวม การถือหุ้นไขว้ และการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติมากมาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สำหรับโครงสร้างธุรกิจของ Gulf นั้น ไม่ได้จำกัดแค่พลังงานไฟฟ้า แต่หากหมายรวมถึง โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การสื่อสาร โทรคมนาคม ไปจนถึงกองทุนและธนาคาร ซึ่งแสดงถึงแนวทาง “Strategic Dominance” อย่างชัดเจน
จนทำให้ยากที่จะผู้เล่นรายอื่นจะแข่งขัน หรือเข้ามาใหม่ได้ง่าย หรือแม้แต่อันดับ 2 ก็ยังยากที่จะขึ้นมาแซงเป็นอันดับ 1 แทนที โดยเราสามารถที่วิเคราะห์กลยุทธ์ของสารัชถ์ออกมาได้เป็น 5 กลยุทธ์หลัก ดังนี้
1. สารัชถ์ ดูเหมือนจะควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย เรียกได้ว่า “เกือบเบ็ดเสร็จ” เพราะเข้าถือครองโครงการต่างๆ ที่เป็นจุดยุทธศาตร์ของประเทศ ที่มีลักษณ์เป็นการผูกขาดโดยธรรมชาติ (Natural monopoly) ได้แก่
• โรงไฟฟ้า IPP/ SPP ที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับรัฐ (PPA) นาน 25–30 ปี → มีรายได้มั่นคง เพราะลงทุนโครงสร้างครั้งเดียวตั้งแต่แรก หลังมีเครือข่ายแล้ว การส่งไฟฟ้าให้ผู้ใช้เพิ่ม 1 ครัวเรือน แทบไม่การเพิ่มต้นทุน (ต้นทุนเชื้อเพลิง/บำรุงรักษาระบบต่อหน่วยต่ำกว่า Fixed Cost มาก) ยิ่งผลิต–ส่งกระแสไฟฟ้าในปริมาณมาก ๆ ต้นทุนเฉลี่ย/หน่วย (Average Cost) ยิ่งลดลง
แต่รัฐจงใจ “ผูกขาดการส่ง–จำหน่าย” ผ่านการไฟฟ้าฝ่ายผลิต/ส่วนภูมิภาค/นครหลวง แต่เปิดพื้นที่ให้ “การแข่งขันจำกัด” ในฝั่งผลิต (IPP, SPP, โซลาร์ประชาชน) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟ (PPA) และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าเหล่านี้ก็ไม่ยอมสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อผลิต และขายไฟเอง ดันไปรับซื้อจากเอกชนมาขายต่ออีกทอด
• ท่าเรือ LNG (Map Ta Phut Terminal) / ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 → เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการนำเข้าพลังงานของประเทศ
• โครงการมอเตอร์เวย์ M6, M81 ร่วมกับ BTS → โครงสร้างพื้นฐานการเดินทางที่มีคู่แข่งน้อยราย
2. สารัชถ์ใช้วิธี “ควบรวมขนาดใหญ่” + “ถือหุ้นไขว้” ยึดครองทรัพย์สินศูนย์กลางประเทศ (ไฟฟ้า-เครือข่ายสื่อสาร-ดาต้า-การเงิน) แล้วต่อยอดด้วย JV และ minority-stake เพื่อสร้างแพลตฟอร์มครบวงจรที่มีคู่แข่งทำตามยาก จนทำให้โมเดล Strategic Dominance ของสารัชถ์ เข้าใกล้ “Soft-Monopoly” — ครอบครองโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติหลายชั้น ในขณะที่ยังคงรักษาภาพบริษัทจดทะเบียนโปร่งใสผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทย
• ซื้อ INTUCH → ถือหุ้นใหญ่ใน AIS → เข้าถึงโครงข่ายโทรคมนาคมและข้อมูล
• ถือหุ้น SCB ผ่าน GULF1 และพัฒนา fintech กับ SCB
• ร่วมทุนกับ Binance สร้างแพลตฟอร์ม Exchange (Gulf Binance)
ทำให้สารัชถ์สามารถเชื่อมโยงกลุ่มทุนหลักของประเทศเข้าด้วยกัน และลดโอกาสที่ใครจะแข่งขันตรงๆ ได้
*** สรุปสั้นตามภาพ ***
ควบรวมขนาดใหญ่ + ถือหุ้นไขว้ + ร่วมทุนต่างชาติ → สร้างโครงสร้างพื้นฐานตั้งแต่ไฟฟ้าถึงการเงิน ยากที่คู่แข่งจะเจาะเข้ามาทำธุรกิจแข่งได้
3. สารัชถ์สร้าง Ecosystem ผูกเงื่อนไขข้ามธุรกิจ
ไฟฟ้า (ต้นทุนต่ำ) ──► ดาต้าเซ็นเตอร์
▲ │
│ไฟเลี้ยง │ ค่าโฮสต์/เชื่อม 5G
│ ▼
เสา-5G / Fiber ◄── โทรคมนาคม (AIS)
▲ │
│โปรโมต │ โมบายแบงก์
│ บริการ ▼
การเงิน (KBank) ◄── ลดต้นทุน–ปล่อยกู้
• ไฟฟ้า Gulf → ลดต้นทุน Data Center
• เสา-5G AIS → ดึงลูกค้าสู่ Data Center / Crypto / Binance
• KBank → ปล่อยกู้ให้โครงการของ GULF + ระบบชำระเงินให้ AIS/Binance
ผลลัพธ์ คือ
GULF สร้าง “ท่อหลายเส้น” เชื่อมกันเป็นวงจรเดียว ใครจะมาแข่ง ต้องเอาชนะทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเท่านั้น !!!
4. บริษัทของสารัขถ์ ทำไมเข้าถึงเงินทุนและเครดิตในระดับสูง
สรุปสั้นๆ ก็คือ
กระแสเงินสดยาว + เครดิตดี (A+) + มีพันธมิตรระดับโลก + โครงสร้างรายได้หลากหลาย ทำให้ธนาคาร–นักลงทุนสถาบัน “มองเห็นกระแสเงินในอนาคตชัด” จึงยอมให้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ ส่งผลให้ GULF มี Cost of Capital ต่ำและสามารถ “ชิงโครงสร้างพื้นฐาน” ใหม่ ๆ ได้ก่อนใครในไทย.
*** โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สารัชถ์เข้าลงทุน รายเล็กๆ หมดสิทธิ์เข้าร่วม บริษัทอื่นๆ ไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันในโครงการใหญ่แบบเดียวกันได้ง่าย จึงสร้าง “Barrier to entry” หรือ สิ่งกีดขวางในการเข้าร่วมของธุรกิจอื่นๆ เช่น การเข้าร่วมประมูลวงโคจรดาวเทียม เป็นต้น ที่มีเงื่อนไขระบุไว้ชัดเจนว่า ต้องเคยให้บริการวงโคจรดาวเทียมมาก่อน (แล้วใครในประเทศไทยจะมีบริษัทไหนที่เคยให้บริการวงโคจรดาวเทียมได้ นอกจาก ThaiCom เจ้าเดียว)
5. สารัชถ์มีความสัมพันธ์เชิงอำนาจกับกลุ่มทุน-การเมือง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
• สารัชถ์มีเครือข่ายเชิงการเมือง เข้าถึงนโยบายโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง มีพันธมิตรกับบริษัทใหญ่ระดับชาติมากมาย เช่น PTT, BTS, SCB, AIS ยิ่งแสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ในเชิงโครงสร้างเอกชนซ้อนรัฐ-เอกชนซ้อนเอกชน กันหลายชั้น หลายระดับ
• สิ่งนี้อาจไม่ผิดกฎหมาย แต่อาจจะกลายเป็นการ “กีดกันทางโครงสร้าง” (Structural Exclusion) ที่ทำให้บริษัทอื่นแทรกแซงเข้าไปในธุรกิจได้ยาก
• การเป็นทุนการเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกเชิงนโยบาย หรือไม่ ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ข้อมูลจาก ChatGPT ยังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับอำนาจเหนือรัฐของบริษัทที่สารัขถ์ถือหุ้น
หมายเหตุความเสี่ยง
• ยังไม่มีหลักฐานทางกฎหมายว่ามีการเอื้อผลประโยชน์มิชอบโดยตรง แต่ สายสัมพันธ์+โครงสร้างถือหุ้น ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามเรื่อง Conflict of Interest และ Soft-Monopoly
• หน่วยงานกำกับ (กกพ., กสทช., ก.ล.ต.) จึงถูกจับตาว่าจะถือมาตรฐานสูงพอหรือไม่ในการอนุมัติดีลขนาดใหญ่และกำกับราคา
ภาพรวม “พลังอำนาจ” ที่เอื้อต่อ GULF
• ฐานเงินสดยักษ์ จากไฟฟ้า + หุ้น AIS → ใช้เป็น “กระสุน” ซื้อสินทรัพย์ใหม่
• Political Capital ผ่านสายสัมพันธ์กับกลุ่มคุณทักษิณ → ช่วยเร่งกระบวนการอนุมัติรัฐ
• Regulatory Advantage เมื่อไฟฟ้า-สื่อสารต้องพึ่งกำกับดูแลสูง หากผู้ถือหุ้นใหญ่มีอิทธิพลทางการเมือง ย่อมต่อรองเงื่อนไขได้ดีกว่า
• Network Effect โครงสร้างพื้นฐาน (ไฟ + เสา + ดาวเทียม + ดาต้า) ของ GULF เชื่อมโยงกันเอง ทำให้คู่แข่งต้องเช่าใช้ มากกว่าสร้างใหม่
ดังนั้น “อำนาจเครือข่าย” ระหว่าง GULF × กลุ่มคุณทักษิณ × ภาครัฐ คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้บริษัทเข้าถึงเงินทุน ใบอนุญาต และดีลควบรวมระดับแสนล้านได้รวดเร็ว—แต่ก็เป็นจุดที่สังคมและหน่วยงานกำกับต้องจับตาอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาสมดุลผลประโยชน์สาธารณะ
ข้อสรุป
คุณสารัชถ์ กำลังผูกขาดแบบ “Soft Monopoly” อยู่หรือเปล่า ?
บริษัทที่คุณสารัชถ์ถือหุ้นอยู่ ไม่ได้ผูกขาดแบบใช้กฎหมายกีดกันคู่แข่ง แต่ใช้กลยุทธ์ 5 ด้าน คือ
1. ครอบครองโครงสร้างพื้นฐาน
2. ถือหุ้นยุทธศาสตร์
3. สร้าง ecosystem ข้ามธุรกิจ
4. เข้าถึงแหล่งทุนระดับสูง
5. เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนใหญ่และรัฐ
ผลคือ คุณสารัชถ์ อยู่ในสถานะ Dominant Player ที่ยากจะแข่งขันด้วยโดยตรง — เป็นผู้นำที่ไม่มีคู่แข่งตรงๆ (yet unbeatable, not illegal)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้“Yet unbeatable, not illegal” หมายความว่าอย่างไร?
Yet unbeatable
• “ยากจะมีใครต่อกรได้” เพราะโมเดลธุรกิจสร้าง “คูเมือง (moat)” รอบตัวเองไว้หลายชั้น
ปัจจัยที่ทำให้ยากถูกโค่น:
• ต้นทุนมหาศาล (ลงทุนไฟฟ้า + สายส่ง + คลื่น + ดาต้าเซ็นเตอร์แล้ว แบ่งใช้ข้ามธุรกิจได้)
• เครือข่ายผู้ใช้จำนวนมาก (ลูกค้าไฟฟ้า → โทรคมนาคม → ดิจิทัล/การเงิน วนอยู่ใน ecosystem เดียว)
• ใบอนุญาตและข้อกำกับซึ่งไม่ใช่ใครจะได้ง่าย ๆ
ผลคือ คู่แข่งหน้าใหม่ต้องใช้เงิน–เวลา–ความเสี่ยงทางนโยบายสูงกว่ามาก จึงแทบ “สู้ไม่ไหว”
Not illegal
• โครงสร้างทั้งหมดถูกสร้างขึ้น ภายใต้กฎหมายและใบอนุญาตที่ถูกต้อง
• หน่วยงานรัฐอนุมัติ M&A, ออกใบอนุญาตคลื่น, PPA โรงไฟฟ้า, ฯลฯ ตามขั้นตอนปกติ
• กฎหมายการแข่งขันไทยยัง “อนุญาตให้มีอำนาจตลาดสูง” ตราบใดที่
- ไม่กำหนดราคากดคู่แข่ง (predatory pricing)
- ไม่ฮั้วราคาหรือกีดกันคู่แข่งโดยตรง
ดังนั้น แม้โครงสร้างจะ “ใหญ่จนแทบไร้คู่แข่ง” ก็ยังไม่เข้าข่ายผูกขาดผิดกฎหมาย (ตามมาตรฐานปัจจุบัน)
สรุปสั้น:
Unbeatable = แข็งแกร่งจากต้นทุน เครือข่าย และใบอนุญาต ทำให้คู่แข่งสู้ยาก
Not illegal = ยังอยู่ในกรอบกฎหมาย / ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานรัฐครบถ้วน
ภาครัฐจึงต้องใช้ “กติกากำกับ” (regulation) เพื่อรักษาสมดุลประโยชน์สาธารณะ แทนที่จะปล่อยให้ตลาดแข่งขันตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียว.
สารัชถ์ จากธุรกิจพลังงาน รุกคืบข้ามธุรกิจ คุมโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย แล้วไง ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จนทำให้ยากที่จะผู้เล่นรายอื่นจะแข่งขัน หรือเข้ามาใหม่ได้ง่าย หรือแม้แต่อันดับ 2 ก็ยังยากที่จะขึ้นมาแซงเป็นอันดับ 1 แทนที โดยเราสามารถที่วิเคราะห์กลยุทธ์ของสารัชถ์ออกมาได้เป็น 5 กลยุทธ์หลัก ดังนี้
• โรงไฟฟ้า IPP/ SPP ที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับรัฐ (PPA) นาน 25–30 ปี → มีรายได้มั่นคง เพราะลงทุนโครงสร้างครั้งเดียวตั้งแต่แรก หลังมีเครือข่ายแล้ว การส่งไฟฟ้าให้ผู้ใช้เพิ่ม 1 ครัวเรือน แทบไม่การเพิ่มต้นทุน (ต้นทุนเชื้อเพลิง/บำรุงรักษาระบบต่อหน่วยต่ำกว่า Fixed Cost มาก) ยิ่งผลิต–ส่งกระแสไฟฟ้าในปริมาณมาก ๆ ต้นทุนเฉลี่ย/หน่วย (Average Cost) ยิ่งลดลง
ควบรวมขนาดใหญ่ + ถือหุ้นไขว้ + ร่วมทุนต่างชาติ → สร้างโครงสร้างพื้นฐานตั้งแต่ไฟฟ้าถึงการเงิน ยากที่คู่แข่งจะเจาะเข้ามาทำธุรกิจแข่งได้
• ไฟฟ้า Gulf → ลดต้นทุน Data Center
• เสา-5G AIS → ดึงลูกค้าสู่ Data Center / Crypto / Binance
• KBank → ปล่อยกู้ให้โครงการของ GULF + ระบบชำระเงินให้ AIS/Binance
ผลลัพธ์ คือ GULF สร้าง “ท่อหลายเส้น” เชื่อมกันเป็นวงจรเดียว ใครจะมาแข่ง ต้องเอาชนะทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเท่านั้น !!!
4. บริษัทของสารัขถ์ ทำไมเข้าถึงเงินทุนและเครดิตในระดับสูง
กระแสเงินสดยาว + เครดิตดี (A+) + มีพันธมิตรระดับโลก + โครงสร้างรายได้หลากหลาย ทำให้ธนาคาร–นักลงทุนสถาบัน “มองเห็นกระแสเงินในอนาคตชัด” จึงยอมให้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ ส่งผลให้ GULF มี Cost of Capital ต่ำและสามารถ “ชิงโครงสร้างพื้นฐาน” ใหม่ ๆ ได้ก่อนใครในไทย.
*** โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สารัชถ์เข้าลงทุน รายเล็กๆ หมดสิทธิ์เข้าร่วม บริษัทอื่นๆ ไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันในโครงการใหญ่แบบเดียวกันได้ง่าย จึงสร้าง “Barrier to entry” หรือ สิ่งกีดขวางในการเข้าร่วมของธุรกิจอื่นๆ เช่น การเข้าร่วมประมูลวงโคจรดาวเทียม เป็นต้น ที่มีเงื่อนไขระบุไว้ชัดเจนว่า ต้องเคยให้บริการวงโคจรดาวเทียมมาก่อน (แล้วใครในประเทศไทยจะมีบริษัทไหนที่เคยให้บริการวงโคจรดาวเทียมได้ นอกจาก ThaiCom เจ้าเดียว)
5. สารัชถ์มีความสัมพันธ์เชิงอำนาจกับกลุ่มทุน-การเมือง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
• สิ่งนี้อาจไม่ผิดกฎหมาย แต่อาจจะกลายเป็นการ “กีดกันทางโครงสร้าง” (Structural Exclusion) ที่ทำให้บริษัทอื่นแทรกแซงเข้าไปในธุรกิจได้ยาก
• การเป็นทุนการเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกเชิงนโยบาย หรือไม่ ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้อสรุป
คุณสารัชถ์ กำลังผูกขาดแบบ “Soft Monopoly” อยู่หรือเปล่า ?
บริษัทที่คุณสารัชถ์ถือหุ้นอยู่ ไม่ได้ผูกขาดแบบใช้กฎหมายกีดกันคู่แข่ง แต่ใช้กลยุทธ์ 5 ด้าน คือ
1. ครอบครองโครงสร้างพื้นฐาน
2. ถือหุ้นยุทธศาสตร์
3. สร้าง ecosystem ข้ามธุรกิจ
4. เข้าถึงแหล่งทุนระดับสูง
5. เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนใหญ่และรัฐ
ผลคือ คุณสารัชถ์ อยู่ในสถานะ Dominant Player ที่ยากจะแข่งขันด้วยโดยตรง — เป็นผู้นำที่ไม่มีคู่แข่งตรงๆ (yet unbeatable, not illegal)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้