ผมเป็นคนหนึ่งที่พบกับปัญหา arrival fallacy มาตั้งแต่เด็กๆ จนตอนนี้เกือบจะสามสิบแล้วครับ 😂 ขอขยายความว่า arrival fallacy ที่ผมกล่าวถึงคือการที่เราหลอกตัวเองว่า ‘ทนเอาหน่อย พอได้ A แล้วถึงจะความสุข มันคุ้มค่าที่จะทน ฯลฯ‘ ผมว่าหลายคนก็คงเจอกับตัวเองนะครับ
ตั้งแต่เด็กละ ทนหน่อยเดี๋ยวได้คัดเลือกเป็นตัวแทนไปแข่งโอลิมปิกวิชาการแล้วถึงความสุข
ทนหน่อย พอได้เหรียญทอง บลาๆ แล้วถึงจะมีความสุข
ทนหน่อย พอได้เข้ามหาวิทยาลัยดังๆแล้วถึงจะมีความสุข
ทนหน่อยพอได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยดังๆแล้วจะมีความสุข
ทนหน่อย เรียนจบแล้วได้งานดีๆ แล้วถึงจะมีความสุข
เขียนพอเป็นตัวอย่าง มันไม่จบสิ้นเลยครับ
ตอนนี้ถ้าผมมองย้อนกลับไป ผมก็ควรจะมีความสุขและพอใจได้แล้ว อะไรที่เคยอยากได้ มันก็ได้หมดแล้ว
ได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่เคยได้แต่ฝันว่าจะได้มาเรียนสมัยเด็ก
ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยในฝันนี้
ได้งานทำ ได้ training post ที่ดี
ได้ permanent residency ในประเทศอังกฤษ
ได้ offer มาทำงานและ train ต่อในสหรัฐอเมริกา
พอร์ทลงทุนก็ทำ all-time high
มีคนคุยที่น่ารัก (ถ้าเขาขอผมเป็นแฟนเมื่อไหร่ผมก็คงตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดมากเลย)
ถึงอย่างนั้นก็ยังคิดว่ามันไม่เติมเต็ม มันมีความทุกข์เพราะกลัวว่าจะต้องพลัดพรากจากของที่ได้มาแล้ว
ก่อนมา train ต่อที่อเมริกาได้มีโอกาสไปกราบพระอาจารย์ชยสาโรที่ปากช่อง ท่านให้โอวาทเรื่องอริยทรัพย์ วันไหนได้สะสมอริยทรัพย์คือ ทาน ศีล ภาวนา วันนั้นไม่เป็นหมัน วันนั้นมีความหมาย อริยทรัพย์ไม่เสื่อม ไม่เหมือนโภคทรัพย์
พรุ่งนี่ผมเริ่มงานที่อเมริกาวันแรก ตื่นเต้นและประหม่า แต่ก็หวังว่าอริยทรัพย์ที่ได้สร้างไว้บ้างจะทำให้มีสติและผ่านมันไปได้ด้วยดี
Just a thought ครับ~
วีธีจัดการกับ Arrival Fallacy ในทางพุทธศาสนา
ตั้งแต่เด็กละ ทนหน่อยเดี๋ยวได้คัดเลือกเป็นตัวแทนไปแข่งโอลิมปิกวิชาการแล้วถึงความสุข
ทนหน่อย พอได้เหรียญทอง บลาๆ แล้วถึงจะมีความสุข
ทนหน่อย พอได้เข้ามหาวิทยาลัยดังๆแล้วถึงจะมีความสุข
ทนหน่อยพอได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยดังๆแล้วจะมีความสุข
ทนหน่อย เรียนจบแล้วได้งานดีๆ แล้วถึงจะมีความสุข
เขียนพอเป็นตัวอย่าง มันไม่จบสิ้นเลยครับ
ตอนนี้ถ้าผมมองย้อนกลับไป ผมก็ควรจะมีความสุขและพอใจได้แล้ว อะไรที่เคยอยากได้ มันก็ได้หมดแล้ว
ได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่เคยได้แต่ฝันว่าจะได้มาเรียนสมัยเด็ก
ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยในฝันนี้
ได้งานทำ ได้ training post ที่ดี
ได้ permanent residency ในประเทศอังกฤษ
ได้ offer มาทำงานและ train ต่อในสหรัฐอเมริกา
พอร์ทลงทุนก็ทำ all-time high
มีคนคุยที่น่ารัก (ถ้าเขาขอผมเป็นแฟนเมื่อไหร่ผมก็คงตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดมากเลย)
ถึงอย่างนั้นก็ยังคิดว่ามันไม่เติมเต็ม มันมีความทุกข์เพราะกลัวว่าจะต้องพลัดพรากจากของที่ได้มาแล้ว
ก่อนมา train ต่อที่อเมริกาได้มีโอกาสไปกราบพระอาจารย์ชยสาโรที่ปากช่อง ท่านให้โอวาทเรื่องอริยทรัพย์ วันไหนได้สะสมอริยทรัพย์คือ ทาน ศีล ภาวนา วันนั้นไม่เป็นหมัน วันนั้นมีความหมาย อริยทรัพย์ไม่เสื่อม ไม่เหมือนโภคทรัพย์
พรุ่งนี่ผมเริ่มงานที่อเมริกาวันแรก ตื่นเต้นและประหม่า แต่ก็หวังว่าอริยทรัพย์ที่ได้สร้างไว้บ้างจะทำให้มีสติและผ่านมันไปได้ด้วยดี
Just a thought ครับ~