ทำงานสบายแต่อยากลาออก

ผมจะเล่าประวัติของตัวเองให้ฟังก่อนนะครับ
วัยเรียน
          เมื่อก่อนเคยเกเรมาก ๆ หลังจากเรียนจบ ม.3 ก็ต้องหาที่เรียนใหม่ซึ่งผมไม่อยากไปเรียนต่อในสายสามัญ อยากไปเรียนในสายวิชาชีพมากกว่า จึงตัดสินใจเข้าเรียนที่ โรงเรียนช่างแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด สาขาที่เลือกเรียนก็คือ สถาปัต ก็ตามประสาวัยรุ่นที่ไม่รู้จักคิด เข้าเรียนบ้างไม่เรียนบ้างจนมีความคิดโง่ ๆ ขึ้นมาว่า อยากทำงานจบ ม.3 ก็พอเพื่อนที่ไม่เรียนหนังสือมีตังแต่งรถสวย ๆ ทั้งนั้นเลย (ตอนนั้นชอบแต่งรถมาก) ในขณะนั้นเพิ่งเข้าเรียนได้เพียง 3 เดือน  จึงตัดสินใจบอกพ่อแม่ว่าไม่เรียนแล้ว ไม่อยากเรียนไม่ชอบสายนี้ ด้วยความคิดง่าย ๆ ที่จะหาเงินมาแต่งรถมอเตอร์ไซ สุดท้ายก็ลาออกสมใจ แต่พ่อแม่กลับบอกว่าถ้าไม่อยากเรียนที่นี่ก็ไม่ต้องเรียน งั้นย้ายที่เรียนก็พอ เดี๋ยวเปิดภาคเรียนที่ 2 จะพาไปสมัครที่เรียนใหม่ ให้อยู่เฉย ๆ รอเวลาไป จบกันความฝันที่จะหาเงินแต่งรถ
          เมื่อถึงเวลาในภาคเรียนที่ 2 ที่ตกลงกับพ่อและแม่ไว้ว่าจะเข้าเรียนที่ใหม่ ก็ได้ไปเข้าศึกษาโรงเรียน พานิช แห่งหนึ่งในจังหวัด แต่เมื่อเข้าเรียนไปเพียงแค่ 2 สัปดาห์ ก็ต้องเป็นเห็นให้ขอลาออกอีกครั้ง เพียงเพราะว่าผมไม่มีเพื่อนเลยอาจจะเป็นเพราะเข้าศึกษากลางคัน เพื่อน ๆ ต่างมีกลุ่มของตัวเองและไม่มีใครสนใจเราเลยจึงมีความรู้สึกไม่อยากเรียนที่นี่อีก จึงทำการลาออก โดยให้เหตุผลอ้างในการลาออกกับพ่อและแม่ในครั้งนี้ว่า มีแต่คนติดยาทั้งนั้น เรียนไม่ได้หรอก เลยขอที่จะหยุดเรียนไปอีก สักระยะหนึ่งโดยสัญญากับพ่อและแม่ว่าปีหน้าจะเข้าเรียนอีกครั้งแต่ตอนนี้ขอพักก่อน สรุปในช่วงนี้เสียเวลาไป 1 ปีเต็ม
          ถึงเวลาที่สัญญาไว้อีกแล้วครับท่าน คราวนี้พ่อและแม่ได้ตัดสินใจส่งผมไปเรียนในที่ไกล ๆ เพื่อที่จะให้อยู่ห่าง ๆ เพื่อน ๆ เพราะกลัวว่าผมจะติดเพื่อนที่ไม่เรียนหนังสือของผมและคิดลาออกอีกจึงส่งผมมาเรียน ที่จังหวัดหนึ่งแถว ๆ ปริมณฑน เพราะซื้อบ้านที่นี่ไว้หนึ่งหลัง สุดท้ายก็ได้เข้าเรียนที่นี่แต่ ผมได้เพื่อนใหม่ ๆ บ้านที่พ่อและแม่ซื้อไว้กลายไปเป็นแหล่งมั่วสุมแบบสุดขั้ว ก็เหมือนเดือนครับ ไปเรียนบ้างไม่เรียนบ้าง สุดท้ายพ่อและแม่จึงตัดสินใจให้พี่สาวที่ทำงานในต่างจังหวัด ขึ้นมาหางานทำที่กรุงเทพเพื่อดูแลผม ก็หยุดมั่วสุมไปสักพักหนึ่ง แต่ด้วยความดื้อของผมทำให้ทะเลาะกับพี่สาวอยู่บ่อยครั้ง จนสุดท้ายตัดสินใจลาออกอีกเพราะไปอยากอยู่กับพี่สาวอยากกลับไปอยู่บ้าน เป็นการเปลี่ยนโรงเรียน 3 ที่ในระยะเวลา ปีครึ่ง แต่ยังไม่จบครับ
พ่อตัดสินใจส่งผมมาเรียนที่ บ้านเกิดของพ่อโดยให้ป้าเป็นคนดูแล ก็เหมือนเดิมครับเข้าเรียนระหว่างภาคเรียนที่ 2 อีกแล้วแต่บทสรุปเหมือนเดิมครับ ไม่มีเพื่อนทำให้ตัดสินใจลาออกอีกครั้ง ครั้งนี้ผมให้เหตุผลกับพ่อและแม่ว่าจะไปเรียนกศน จบแล้วจะได้เข้ามหาลัยพ่อและแม่ก็โอเค ผมจึงได้ไปสมัครและเข้าเรียน เรียนกศน เรียนแค่วันอาทิตย์ วันเดียวต่อสัปดาห์ เอาอีกแล้วครับ ความขี้เกียจกลับมาอีกแล้ว ทำให้ไปบ้างไม่ไปเรียนบ้าง แต่สุดท้ายที่ลาออกมาก็เพราะว่า อาจารย์ผู้สอนพูดจาดูถูก ผมว่า : คนอย่างคุณเรียนที่ไหนก็ไม่จบหรอกขนาดแค่ กศน คุณยังไม่รอดเลย ด้วยคำดูถูกของอาจารย์ในวันนั้นทำให้ผมเกิดความอยากเอาชนะ ผมจึงไปสมัครเรียน พานิช แห่งหนึ่งแต่ขอศึกษาเป็นภาคพิเศษ คือเรียนภาคค่ำ 17.00 น - 20.00 น. เป็นการเรียนที่มีกฎระเบียนน้อย อยากแต่งตัวยังไงก็ได้ อยากไว้ทรงผมแบบไหนก็ได้ (ตอนนี้ทรงผมเกาหลีกำลังมาแรง) แต่การเรียนครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ มากครับ เพราะผมขยันมากและตั้งใจไว้ว่าจะเรียนจบให้ได้ สุดท้ายผมเรียนจบด้วยเวลา ปกติคือ 3 ปีจบ ปวช.3 จบมาอย่างภาคภูมิใจด้วยเกรดเฉลี่ย 3.77 อาจจะเป็นเพราะเรียนไม่ยากก็ได้ สรุปกว่าจะจบปวช. 3 ผมใช้เวลาในการเรียนถึง 5 ปี ลืมบอกไปผมจบ ปวช. คอมพิวเตอร์ธุรกิจ ครับ
          เมื่อจบปวช. แล้วความฝันของผมคือการเป็น Programmer แต่ผมดันไปลงเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชน ในจังหวัดคือคณะบริหารธุรกิจ สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ด้วยความเข้าใจผิดที่ว่าจบออกมาเป็น programmer ได้แน่ ๆ แต่สุดท้ายอย่างที่รู้กันว่าคอมพิวเตอร์ธุรกิจไม่ได้เจาะลึกด้านเขียนโปรแกรมกว่าผมจะรู้ตัวก็กำลังขึ้นปี 2 แล้ว อยากจะย้ายคณะก็รู้สึกว่าตัวเองแก่เกินไปที่จะเปลี่ยนคณะแล้ว ลืมบอกไปผมเข้าปี 1 ตอนอายุ 20 กว่า ๆ ซึ้งเพื่อนรุ่นเดียวกับผมขึ้นปี 3 กันหมดแล้ว ผมก็ทนเรียนมาเรื่อย ๆ จนจบด้วยความคิดที่ว่าเดียวค่อยไปฝึกเขียนโปรแกรมที่ทำงานก็ได้ คิดแบบเด็ก ๆ ว่าจะมีคนสอนเขียนโปรแกรมที่ทำงาน สุดท้ายเรียนจบปี 4 ตอนอายุ 24 กว่าๆ ก็เกือบ ๆ 25 แล้วแหละจบช้าไปนิดแต่ก็ยังดีที่จบ จบมาด้วยเกียรตินิยม อันดับ 2 ไม่รู้จะภูมิใจดีไหม เพราะรู้สึกว่ามันเรียนไม่ยากเท่าไร
วัยทำงาน (เพิ่งเริ่มวัยทำงานมาแค่ปีครึ่ง)
          เมื่อเรียนจบสิ่งที่ต้องทำคือหางานทำ แต่กว่าจะหางานทำได้ต้องรอเวลาถึง 2 เดือนเพราะทางมหาลัยออก  Transcript เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงปิดภาคเรียน ทำให้อาจารย์ผู้ออก Transcript  ได้หยุดด้วยเป็นเวลา 1 เดือนต่อมาเมื่อทำเรื่องเสร็จแล้วที่อยู่ในการส่งเอกสารของผมไม่ชัดจนทำให้กว่าเอกสารจะถึงมือก็ไปเข้าไป เกือบ ๆ สองเดือน พอได้สิ่งแรกที่ทำคือหางานผ่านอินเตอร์เน็ต ผมส่งใบสมัครไปทางอินเตอร์เน็ตเป็นเวลา 3 วันแต่ไม่มีบริษัทไหนติดต่อกลับ (ใจร้อน) จึงตัดสินใจจดเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ ออก work in เข้าสมัครงานด้วยตัวเองจำได้ว่าทำแบบนี้อยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ เดินจนรองเท้าขาดกันเลยทีเดียว จะเน้นสมัครในตำแหน่ง IT support เพราะว่าเคยฝึกงานตำแหน่งนี้ สุดท้ายได้งาน (ที่ปัจจุบัน) ในตำแหน่ง IT support เงินเดือน 13,000 บาท ผ่านโปร 15,000 บาท งานก็มีแค่ ซ่อมคอม ซ่อมโทรศัพท์ ยกโต๊ะ ยกเก้าอี้ บางครั้งก็ซ่อมเก้าอี้ ซึ้งเป็นงานหนักมากกรรมกรชัดๆ และด้วยความขยัน(มั้ง ) บริษัทมีการขยายสาขาตอนนั้นมีอายุงาน เกือบ ๆ 1 ปี หัวหน้าจึงขอให้ไปประจำที่สาขา และรับตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้างาน ซึ่งช่วงแรกรับแค่ตำแหน่งจริง ๆ (เงินเดือนไม่ขึ้น) ไม่มีลูกน้อง แต่ความยากคือ จากที่ทำแค่งาน IT Support ผมต้องมาเปลี่ยนตัวเองเป็นคนเปิด Office และ HR ต้องมาทำงานก่อน 6 โมงเช้า ต้องกลับหลังสุด เพราะเป็นคนถือกุญแจ ผ่านไป 1 เดือน ได้ลูกน้องซึงเป็น IT support มา 1 คน แต่งาน HR ไม่มีคนทำอยู่ดีต้องทำเอง แรก ๆ ก็ไม่ชอบแต่หลัง ๆ ชักมันเพราะต้องสู้รบกับคนอื่น 555 เริ่มโรคจิตละ แต่ตอนนั้นก็เงินเดือนเพิ่มขึ้นมา 25 % ตอนนั้นบอกตามตรงงานอะไรก็ได้เงินขึ้นนี่ถวายหัวเลย
          แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเบื่องานตัวเองมาก ๆ ตอนขึ้นมารับตำแหน่งใหม่ ๆ งานก็เยอะดีหรอก แต่พักหลัง ๆ เข้างาน 8.30 เวลา 9.00 งานผมเสร็จ ไม่มีอะไรทำอีกต่อไป  จะเล่นเน็ตก็แอบๆ เล่นเพราะมีกล้องวงจรปิดอยู่ด้านหลังผมเห็นจอคอมผมแบบชัดเจนมาก ๆ อยากลาออกไปทำงานหนัก ๆ แต่ก็กลัวจะได้เงินเดือนไม่เท่าเดิม คิดแล้วก็เบื่อขึ้นมาทันใด ที่ต้องมาทำงาน แต่ไม่มีงานให้ทำ เคยลองเปิด youtube ฝึกภาษาแต่กลับโดยคนแผนกอื่นหาว่าฟังเพลงอีก จบเลยชีวิต
สุดท้ายนี้ผมอยากจะถามทุกคนว่าผมควรจะทนทำงานที่นี่ต่อไป หรือ เปลี่ยนงานดี ถ้าเปลี่ยนงานควรไปสายไหน IT หรือ HR ดีครับ แล้วถ้าลาออกจะได้เงินเดือน เท่าเดิมได้ไหม
Skill IT support
-    ซ่อมคอมแก้ปัญหาต่าง ๆ
-    เดินสาย Lan ภายใน
-    เซ็ตโทรศัพท์ IPPHONE
-    สอน user เกี่ยวกับการใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ
Skill HR
-    ดูแลเวลาเข้าออกพนักงาน
-    คิดเบี้ยขยัน
-    คิด OT
-    สัมภาษณ์ผู้สมัครงาน (บางตำแหน่ง)
-    อธิบายสัญญาต่าง ๆ ให้พนักงานใหม่
-    คอยควบคุมดูแลกฎระเบียบบริษัท
ซึ้งผมคิดว่างานทั้งหมดนี้มันง่ายมาก ๆ สามารถทำคนเดียวได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องมีลูกน้องก็ได้ ถ้าลาออกไป Skill แบบนี้จะหางานใหม่ที่เงินเดือนเท่าเดิมยากไหมครับ
ขอบคุณที่อ่านจบครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่