มีโอกาสได้เข้าร่วมคอร์สกรรมฐานซึ่งจัดโดยหมอดูคนหนึ่งในแอปฯ ออนไลน์ (ขอไม่ระบุเพศนะ) ตอนแรกคาดหวังว่าจะเป็นการฝึกจิตภาวนาอย่างสงบ เรียบง่าย ตามแนวทางของพระพุทธศาสนา แต่เมื่อได้เข้าร่วมจริง ๆ กลับพบหลายสิ่งที่ทำให้รู้สึกสับสนและไม่สบายใจ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ในระหว่างการสอน หมอดูมักเล่าเรื่องราวส่วนตัวในอดีตที่ฟังแล้วชวนตั้งคำถามถึงความเหมาะสม รวมถึงมีพฤติกรรมแปลก ๆ เช่น ทำท่าทางคล้ายกำลังพูดคุยกับสิ่งที่มองไม่เห็น และมีการนั่งสมาธินานต่อเนื่องราว 1 ชั่วโมงโดยไม่ลุก สร้างความอึดอัดให้หลายคน บางรายถึงกับหน้าซีด หรือเป็นลม
การสอนเดินจงกรมไม่มีจังหวะเหมือนที่วัดทั่วไป แต่เป็นการเดินยาว ก้าวเร็วผิดธรรมชาติ และที่น่าตกใจคือ มีการกล่าวอ้างว่านั่งสมาธิแล้ว “ผิวจะใสขึ้น” พร้อมชมผู้ร่วมคอร์สบางคนว่าผิวขาวขึ้น ทั้งที่คนรอบข้างก็เห็นว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จนรู้สึกเหมือนถูกสร้างอุปาทานให้คล้อยตาม
แม้จะโฆษณาว่าเป็นคอร์สฟรี แต่ท้ายที่สุดกลับมีการเสนอขายคอร์สดูดวง ตั้งศาล และบริการอื่น ๆ ราคาสูงพอสมควร หลายคนเกรงใจและเผลอซื้อโดยไม่ตั้งใจ
ที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าคือ ไลฟ์สไตล์ของหมอดูท่านนี้หรูหราเกินคาด รถยนต์ที่ใช้ราคาแพงระดับดารา ทั้งที่โดยทั่วไปผู้สอนกรรมฐานมักมีวิถีชีวิตเรียบง่ายตามหลักธรรม ขนาดหมอดูในทีวีดังๆ ยังไม่ขับรถหรูขนาดเขา มือถือแพงมาก เครื่องประดับแพงมาก
ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดคำถามว่า สิ่งที่ได้ไปร่วม เป็นการสอนกรรมฐานจริง ๆ หรือเป็นเพียงการเปิดคอร์สบังหน้าเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว?
ในฐานะคนที่เคยฝึกกรรมฐานตามวัดมาแล้ว รู้สึกว่าแนวทางที่พบเจอในครั้งนี้แปลกแยกออกจากหลักพระธรรมอย่างมาก จึงขอแชร์ไว้เป็นประสบการณ์ หากใครสนใจปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง แนะนำให้ศึกษาจากวัดหรือพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบโดยตรง จะปลอดภัยและได้บุญแท้แน่นอน
ประสบการณ์เข้าคอร์สกรรมฐาน กับหมอดูออนไลน์ท่านนึง รู้สึกแปลกเหมือนมาเข้าคอร์สขายตรง
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ในระหว่างการสอน หมอดูมักเล่าเรื่องราวส่วนตัวในอดีตที่ฟังแล้วชวนตั้งคำถามถึงความเหมาะสม รวมถึงมีพฤติกรรมแปลก ๆ เช่น ทำท่าทางคล้ายกำลังพูดคุยกับสิ่งที่มองไม่เห็น และมีการนั่งสมาธินานต่อเนื่องราว 1 ชั่วโมงโดยไม่ลุก สร้างความอึดอัดให้หลายคน บางรายถึงกับหน้าซีด หรือเป็นลม
การสอนเดินจงกรมไม่มีจังหวะเหมือนที่วัดทั่วไป แต่เป็นการเดินยาว ก้าวเร็วผิดธรรมชาติ และที่น่าตกใจคือ มีการกล่าวอ้างว่านั่งสมาธิแล้ว “ผิวจะใสขึ้น” พร้อมชมผู้ร่วมคอร์สบางคนว่าผิวขาวขึ้น ทั้งที่คนรอบข้างก็เห็นว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จนรู้สึกเหมือนถูกสร้างอุปาทานให้คล้อยตาม
แม้จะโฆษณาว่าเป็นคอร์สฟรี แต่ท้ายที่สุดกลับมีการเสนอขายคอร์สดูดวง ตั้งศาล และบริการอื่น ๆ ราคาสูงพอสมควร หลายคนเกรงใจและเผลอซื้อโดยไม่ตั้งใจ
ที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าคือ ไลฟ์สไตล์ของหมอดูท่านนี้หรูหราเกินคาด รถยนต์ที่ใช้ราคาแพงระดับดารา ทั้งที่โดยทั่วไปผู้สอนกรรมฐานมักมีวิถีชีวิตเรียบง่ายตามหลักธรรม ขนาดหมอดูในทีวีดังๆ ยังไม่ขับรถหรูขนาดเขา มือถือแพงมาก เครื่องประดับแพงมาก
ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดคำถามว่า สิ่งที่ได้ไปร่วม เป็นการสอนกรรมฐานจริง ๆ หรือเป็นเพียงการเปิดคอร์สบังหน้าเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว?
ในฐานะคนที่เคยฝึกกรรมฐานตามวัดมาแล้ว รู้สึกว่าแนวทางที่พบเจอในครั้งนี้แปลกแยกออกจากหลักพระธรรมอย่างมาก จึงขอแชร์ไว้เป็นประสบการณ์ หากใครสนใจปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง แนะนำให้ศึกษาจากวัดหรือพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบโดยตรง จะปลอดภัยและได้บุญแท้แน่นอน