นักจุลชีววิทยาชี้ การนอนทั้งที่ไม่อาบน้ำ ดีกว่าอาบน้ำเฉพาะกลางคืนแน่นอน

นักจุลชีววิทยาชี้ การนอนทั้งที่ไม่อาบน้ำ แล้วค่อยมาอาบตอนเช้า ดีกว่าอาบน้ำเฉพาะกลางคืนแน่นอน
ในเมืองไทยและประเทศแถบร้อนชื้นจำนวนมาก เราไม่ต้องเถียงกันว่าควรจะอาบน้ำเวลาไหน เพราะการอาบน้ำเช้าเย็นคือเรื่องปกติ ถ้าหน้าร้อนจะอาบเพิ่มตอนกลางวันอีกรอบก็ไม่ได้พิสดารอะไร เพราะในอากาศที่ร้อน ถ้าอาบน้ำหลังเหงื่อออกก็ทำให้สดชื่น และในอากาศที่ชื้น การอาบน้ำบ่อยๆ ก็ไม่ได้ทำให้ผิวแห้งด้วย
.
แต่ในโลกตะวันตกที่มีอากาศหนาวและแห้ง การอาบน้ำเวลาไหนดีที่สุดเป็นปัญหาโลกแตก หลายๆ พื้นที่แค่การมีน้ำอุ่นอาบยังยาก นี่เลยทำให้กิจกรรมที่ต้องใช้น้ำอุ่นจำนวนมากอย่างการอาบน้ำไม่ใช่สิ่งที่คนคาดหวังจะทำวันละหลายรอบ และการอาบน้ำวันละรอบเดียวก็พอแล้ว นั่นเลยนำมาสู่คำถามว่าควรจะอาบน้ำตอนไหนถึงจะดีที่สุด
.
แม้ว่านี่น่าจะดูเป็นปัญหาทางวัฒนธรรมระดับโลกแตกไม่ได้ต่างจากปัญหาว่าควรจะหันม้วนทิชชูในห้องน้ำไปทางไหน แต่ในความเป็นจริง คำตอบในพื้นฐานด้านสุขอนามัยมันมีชัดเจน และนักจุลชีววิทยาก็มาไขให้สื่ออย่าง The Conversation เห็น
.
เขาบอกว่าการอาบน้ำที่ดีคืออาบตอนเช้า ซึ่งที่น่าสนใจคือเหตุผลที่เขาให้
.
พื้นฐานเลย ผิวหนังมนุษย์ไม่มีแบคทีเรีย แต่เวลาเหงื่อออก เหงื่อมันจะเป็นอาหารของแบคทีเรีย และการอาบน้ำ หน้าที่หลักของมันก็คือการล้างสิ่งเหล่านี้ออกจากร่างกายรายวัน
.
ในแง่นี้ คนอาจมองว่าการอาบน้ำกลางคืนจะทำให้ร่างกายสดชื่น เตียงไม่สกปรก แต่ความจริงคือเขาบอกว่ากลางคืนเราก็เหงื่อออก และผิวหนังที่ตายก็หลุดลงเตียง ดังนั้นถึงอาบน้ำมาแล้วนอนเลย ในระยะยาวเตียงก็สกปรก ซึ่งถ้าตอนเช้าเราไม่อาบน้ำ เราจะเริ่มสะสมแบคทีเรียบนผิวหนังตั้งแต่ก่อนนอน และสะสมยาวๆ ไปตลอดการใช้ชีวิต จนกระทั่งกลับมาอาบน้ำ
.
จากมุมนักจุลชีววิทยา การทำแบบนี้ร่างกายมันสกปรกกว่าการที่เราอาบน้ำตอนเช้าให้ร่างกายสะอาด แล้วค่อยออกไปจากบ้าน โดยในแง่นี้คือเค้ากำลังบอกว่าการ 'นอนทั้งที่ไม่อาบน้ำ' แล้วตื่นมาอาบน้ำตอนเช้า ในภาพรวมคือทำให้ร่างกายสะอาดกว่าการอาบน้ำตอนกลางคืนอย่างเดียว
.
โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญก็คือ การทำแบบนี้ควรจะซักผ้าปูเตียงและผ้าห่มทุกอาทิตย์ คือเขาบอกว่าการเก็บไว้อาบน้ำตอนเช้า เป็นเทคนิคที่ทำให้ร่างกายตอนออกไปนอกบ้านสะอาดกว่าการอาบน้ำกลางคืน แต่มันจะทำให้ผ้าปูเตียงสกปรกกว่ามาก ดังนั้นการทำความสะอาดผ้าปูเตียงบ่อยๆ จึงจำเป็นมากสำหรับคนอาบน้ำตอนเช้า โดยเขาแนะนำว่าความถี่ที่เหมาะสมในการซักก็คืออาทิตย์ละครั้ง
.
ก็แน่นอน นี่เป็นหลักการทั่วไปที่ว่ากันตามหลักวิชาการ เพราะจริงๆ ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว 'ความสะอาด' ของคนแต่ละคนก็อาจต่างกัน บางคนไม่อาบน้ำหลายวันก็ไม่มีกลิ่นตัว บางคนผ่านมาครึ่งวันก็มีกลิ่นแล้ว ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้แล้วเข้านอนเลย คนนอนข้างๆ ก็อาจไม่แฮปปี้เท่าไร ดังนั้นถ้าไม่อาบน้ำก็ต้องมีวิธีการจัดการอะไรกันไป
.
ทั้งหมดก็ไม่ได้มีสูตรสำเร็จ และถ้าใครรู้ถึงวัฒนธรรมพวก 'คนเมืองหนาว' ก็น่าจะรู้ว่าการรณรงค์ที่สำคัญจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องอาบน้ำเวลาไหน แต่มันคือการรณรงค์ให้คนอาบน้ำ 'ทุกวัน' เสียมากกว่า และมันก็มีหลายชาติจริงๆ ที่การอาบน้ำทุกวันไม่ใช่เรื่องปกติด้วยสภาพภูมิอากาศ แม้ว่านั่นจะไม่ได้ดีต่อสุขอนามัยเท่าไร

ที่มา : BrandThink
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่