ปรึกษาค่ะ

เรื่องมันอาจจะดูเอ๊ะหรือแปลกนิดนึงนะคะ แต่อยากมาระบายตามประสาเด็กคนนึงค่ะ สามารถแสดงความคิดเห็นหรือติเราเองได้นะคะ เกริ่นก่อนว่าปกติเราอาศัยอยู่คนเดียวที่ห้องพัก ( ที่แสงส่งมาไม่ถึงด้วยซ้ำค่ะ ) ไม่มีญาติ คุณพ่อเสียตั้งแต่เด็ก ส่วนคุณแม่ไปทำงานที่อื่นจะกลับมาหาประมาณ5-7วันต่อเดือนค่ะ คุณแม่มีเงินเดือนประมาณ20000 เราจะได้เงินจากคุณแม่ 5000 ต่อเดือน แต่เราต้องเก็บเงินครึ่งหนึ่งไว้ซื้อหนังสือมาอ่านเสริมสอบมหาลัยค่ะ  ส่วนอีก 1500 ค่าน้ำ-ไฟ ดังนั้นต่อเดือนเรามีค่ากินเดือนละ 1500+- ค่ะ เราเป็นคนที่ไม่เคยไปเที่ยวกลางคืน ไม่ได้คุยกับผู้ชายหรือมั่วสุมในเรื่องไม่ดีเลยค่ะ ไปไกลสุดคือแค่ซื้อกับข้าวระแวกตลาดสดที่ชุมชน ( อยู่ในกรุงเทพค่ะ ) แต่วันนี้เราทำให้แม่โกรธถึงขั้นที่ท่านไม่อยากเห็นหน้าเราแล้วเนื่องจากเราทำต้นไม้พันธุ์เล็กประมาณกระบองเพชรที่คุณแม่ซื้ไว้ตาย เรื่องที่เรานั่งสมาธิไม่ต่อเนื่องทุกวัน เรื่องที่เสื้อคุณแม่หายแต่เราก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนและหน้าตายังไง สำหรับเรามันเป็นปัญหาที่ค่อนข้างเล็กน้อยแต่กลับกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคุณแม่จนกระทั่งเขาเอ่ยปากว่า " ถ้าเก่งมากก็ดูแลปกป้องตัวเองไปเลยไม่เลี้ยงไม่ส่งเงินให้แล้ว ให้รู้ว่าความลำบากเป็นไง ไม่เคยลำบากแบบคนอื่นน่ะสิ เลี้ยงสบายไปหรอ ให้นั่งสมาธิจะได้เจอทางที่ไม่ต้องเจออุปสรรคก็ไม่เอา อยากจะเจอความลำบากเองก็เอาเลย " ด้วยถ้อยคำหยาบคายและอารมณ์โกรธแล้วมองหน้าเราด้วยท่าทีที่ผิดหวังจากนั้นก็ให้เราโอนเงินคืนไปที่คุณแม่ ทำให้เรารู้สึกผิดและเสียใจมากเลยค่ะ ทั้งครอบครัวเราก็มีแค่คุณแม่ค่ะเราทราบว่าท่านเหนื่อยหาเงินมาให้เราค่ะ เลยไม่อยากให้ท่านมาผิดหวังกับเรา เราอยากทราบว่าในฐานะบุคคลที่มีวุฒิภาวะท่านอื่น เราควรแก้ไขอย่างไรคะ หรือท่านแค่อารมณ์โมโหตามประสาผู้ใหญ่ทั่วไป ถ้าหากว่าคุณแม่ไม่โอนเงินให้อีกต่อไปจริง เราต้องหยุดความฝันเรื่องเรียนมหาลัยปีนี้ไว้ก่อนแล้วออกไปหาที่อยู่อื่นและหางานทำเลี้ยงดูตัวเองเบื้องต้นก่อนไหมคะ ท่านถึงจะพอใจขึ้น ( เรากลัวว่าถ้าอ่านหนังสือไปด้วยทำงานไปด้วยมันจะไปไม่ถึงฝัน แล้วก็เป็นคนหัวไวแต่ไม่ได้เก่งถึงขั้นนั้นค่ะยังต้องใช้เวลาฝึกฝน ) ซึ่งเรนาคิดเรื่องนี้มาทั้งวันแล้วค่ะ เราทุ่มเทกับการสอบเข้ามหาลัยครั้งนี้มากเราเพราะมันเปลี่ยนชีวิตเราได้ แต่วันนี้กลับต้องมานั่งว่างเปล่าด้วยคำถามว่าเราควรอ่านเพื่อไปสอบต่อไปไหม เพราะถ้าให้เราไปหาเสื้อคุณแม่ที่หายเราก็หาไม่เจอเช่นกันค่ะว่าตัวไหน ต้นไม้ที่ตายจะให้เราปลุกเสกมันกลับมาชีวิตเราก็ไม่มีพลังแบบนั้น และถ้าให้เรารับปากว่าจะนั่งสมาธิทุกวันเราก็คงทำให้ไม่ได้เช่นกันค่ะ ( ขอเสริมว่าแม่เราค่อนข้างเคร่งกับการนั่งสมาธิ จะดีอย่างนู้นดีอย่างนี้เห็นอย่างนั้นนะ ซึ่งช่วงแรกเราพยายามแล้วค่ะแต่จากกลายเป็นกิจวัตรกลายเป็นการที่คุณแม่ฝืนให้เรามองเห็นอะไรจากการนั่งนั้นแต่เราไม่เห็นอะไรเลย ซึ่งมันค่อนข้างขัดกับความเข้าใจในการนั่งสมาธิของเรา ) คุณแม่เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้วนะคะ สามารถหาประเด็นมาบ่นเราทุกครั้งที่กลับมาหาอยู่แล้วค่ะ แต่ครั้งนี้รุนแรงและจริงจังมากค่ะ อีกข้อสงสัยคือการนั่งสมาธิไม่ใช่ว่าช่วยเรื่องจิตใจให้สงบขึ้นหรอคะ ทำไมคุณแม่ดูโมโหง่ายมากเหมือนเดิมเลยคะ แล้วเหตุผลอะไรที่ผู้ใหญ่ถึงได้เคร่งครัดจริงจังกับการที่ลูกไม่ยอมนั่งสมาธิขนาดนั้นด้วยหรอคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่