เรื่องย่อ
"Bullet Train" เป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นคอมเมดี้สุดระห่ำ ออกฉายในปี 2022 กำกับโดย David Leitch ผู้เคยฝากผลงานมันส์ๆ อย่าง
Deadpool 2 และ
Atomic Blonde ภาพยนตร์สร้างจากนวนิยายญี่ปุ่นชื่อ "Maria Beetle" โดย Kōtarō Isaka
เรื่องราวเกิดขึ้นบนรถไฟชินคันเซ็นที่วิ่งด้วยความเร็วสูงจากโตเกียวไปยังเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกลายเป็นเวทีแห่งการหักเหลี่ยมเฉือนคมของบรรดานักฆ่าที่โคจรมาเจอกันโดยไม่ตั้งใจ ตัวเอกคือ
Ladybug (Brad Pitt) นักฆ่าที่พยายามจะกลับตัวเป็นคนดี แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขาอยู่เสมอ ครั้งนี้เขามีภารกิจง่ายๆ เพียงแค่เข้าไปนำกระเป๋าเอกสารลึกลับใบหนึ่งออกจากรถไฟ โดยได้รับคำสั่งจาก Maria Beetle (Sandra Bullock) ผู้ควบคุมงานทางวิทยุ
แต่ทว่าบนรถไฟขบวนเดียวกันนั้นกลับเต็มไปด้วยนักฆ่ามากฝีมือและอันตรายอีกหลายคน ซึ่งแต่ละคนก็มีเป้าหมายที่เชื่อมโยงกันอย่างคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นสองพี่น้องคู่หู
Lemon (Brian Tyree Henry) และ
Tangerine (Aaron Taylor-Johnson) ผู้ได้รับมอบหมายให้คุ้มกันลูกชายของเจ้าพ่อมาเฟียรัสเซีย,
Prince (Joey King) หญิงสาววัยรุ่นผู้ดูไร้เดียงสาแต่แฝงไว้ด้วยความร้ายกาจ,
Hornet (Zazie Beetz) นักฆ่าสาวผู้เชี่ยวชาญด้านการปลอมตัว, และ
Elder (Hiroyuki Sanada) ชายชราผู้ลึกลับที่มาตามล้างแค้น
เมื่อภารกิจง่ายๆ ของ Ladybug กลายเป็นความวุ่นวาย เมื่อเขากับนักฆ่าคนอื่นๆ ต้องมาเกี่ยวพันกันด้วยเรื่องราวของกระเป๋า ลูกชายเจ้าพ่อมาเฟีย และการล้างแค้น ภาพยนตร์นำเสนอความโกลาหลที่เต็มไปด้วยแอ็คชั่นสุดมันส์ อารมณ์ขันที่เข้าถึงง่าย และการหักมุมที่ไม่คาดคิดตลอดการเดินทางบนรถไฟ
ความรู้สึกหลังรับชม
"Bullet Train" เป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุก เพลิน และระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเป็นระยะๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสไตล์การกำกับที่รวดเร็ว ฉูดฉาด และเต็มไปด้วยแอ็คชั่นในพื้นที่จำกัดของ David Leitch ทำให้หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์เป็นของตัวเอง
Brad Pitt ในบท Ladybug นั้นยอดเยี่ยมมาก เขาสามารถถ่ายทอดบุคลิกของนักฆ่าผู้พยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรงแต่กลับดึงดูดความโชคร้ายได้อย่างตลกขบขันและมีเสน่ห์ ทุกการแสดงออกของเขาเรียกเสียงหัวเราะและทำให้ตัวละครนี้เป็นที่น่าเอาใจช่วย ส่วนคู่หู
Lemon และ Tangerine ที่รับบทโดย Brian Tyree Henry และ Aaron Taylor-Johnson ก็สร้างเคมีที่เข้าขากันอย่างเหลือเชื่อ และเป็นคู่หูที่เรียกเสียงหัวเราะได้มากที่สุดในเรื่อง บทสนทนาของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปรียบเทียบผู้คนกับตัวการ์ตูน Thomas the Tank Engine เป็นอะไรที่ติดหูและน่าจดจำ นักแสดงคนอื่นๆ อย่าง Joey King, Hiroyuki Sanada, และ Michael Shannon (ในบทเจ้าพ่อมาเฟีย) ก็ล้วนแต่สร้างสีสันให้กับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี
พล็อตเรื่องอาจจะดูซับซ้อนในช่วงแรกด้วยจำนวนตัวละครที่เยอะ แต่ก็ถูกคลี่คลายออกมาอย่างชาญฉลาดด้วยการเล่าเรื่องที่กระโดดไปมาระหว่างมุมมองของตัวละครต่างๆ การหักมุมที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวก็เป็นจุดเด่นที่ทำให้หนังไม่น่าเบื่อ ฉากต่อสู้มีความสร้างสรรค์และเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ผสมผสานกับการใช้พร็อพและพื้นที่บนรถไฟได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
แม้ว่าบางครั้งเนื้อเรื่องอาจจะดูเหลวไหลและไม่สมเหตุสมผลไปบ้าง แต่ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นหนังแอ็คชั่นคอมเมดี้ที่ไม่ต้องคิดมาก ทำให้ "Bullet Train" ประสบความสำเร็จในการมอบความบันเทิงให้กับผู้ชมได้อย่างเต็มที่ เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับการดูเพื่อผ่อนคลายและระเบิดความฮา
คะแนน IMDb และ Rotten Tomatoes ปัจจุบัน
IMDb: 7.3/10
Rotten Tomatoes: คะแนนจากนักวิจารณ์ 54% , คะแนนจากผู้ชม 76%
สรุป
"Bullet Train" คือภาพยนตร์แอ็คชั่นคอมเมดี้สุดมันส์ที่มอบความสนุกสนานและเสียงหัวเราะได้อย่างเต็มที่ ด้วยการแสดงที่โดดเด่นของ Brad Pitt และทีมนักแสดงสมทบที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ การกำกับที่ฉับไว และฉากแอ็คชั่นที่สร้างสรรค์ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเดินทางบนรถไฟที่ไม่ควรพลาด แม้คะแนนจากนักวิจารณ์บน Rotten Tomatoes อาจจะอยู่ระดับกลางๆ แต่คะแนนจากผู้ชมที่สูงก็เป็นเครื่องยืนยันถึงความบันเทิงที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มอบให้ "Bullet Train" เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบแนวแอ็คชั่น คอมเมดี้ ที่ไม่ต้องคิดมาก และอยากได้หนังที่ดูสนุกคลายเครียดครับ
Bullet Train: ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่าสุดปั่น พลิกเกมบนรางเหล็กด้วยความบังเอิญ
เรื่องย่อ
"Bullet Train" เป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นคอมเมดี้สุดระห่ำ ออกฉายในปี 2022 กำกับโดย David Leitch ผู้เคยฝากผลงานมันส์ๆ อย่าง Deadpool 2 และ Atomic Blonde ภาพยนตร์สร้างจากนวนิยายญี่ปุ่นชื่อ "Maria Beetle" โดย Kōtarō Isaka
เรื่องราวเกิดขึ้นบนรถไฟชินคันเซ็นที่วิ่งด้วยความเร็วสูงจากโตเกียวไปยังเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกลายเป็นเวทีแห่งการหักเหลี่ยมเฉือนคมของบรรดานักฆ่าที่โคจรมาเจอกันโดยไม่ตั้งใจ ตัวเอกคือ Ladybug (Brad Pitt) นักฆ่าที่พยายามจะกลับตัวเป็นคนดี แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขาอยู่เสมอ ครั้งนี้เขามีภารกิจง่ายๆ เพียงแค่เข้าไปนำกระเป๋าเอกสารลึกลับใบหนึ่งออกจากรถไฟ โดยได้รับคำสั่งจาก Maria Beetle (Sandra Bullock) ผู้ควบคุมงานทางวิทยุ
แต่ทว่าบนรถไฟขบวนเดียวกันนั้นกลับเต็มไปด้วยนักฆ่ามากฝีมือและอันตรายอีกหลายคน ซึ่งแต่ละคนก็มีเป้าหมายที่เชื่อมโยงกันอย่างคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นสองพี่น้องคู่หู Lemon (Brian Tyree Henry) และ Tangerine (Aaron Taylor-Johnson) ผู้ได้รับมอบหมายให้คุ้มกันลูกชายของเจ้าพ่อมาเฟียรัสเซีย, Prince (Joey King) หญิงสาววัยรุ่นผู้ดูไร้เดียงสาแต่แฝงไว้ด้วยความร้ายกาจ, Hornet (Zazie Beetz) นักฆ่าสาวผู้เชี่ยวชาญด้านการปลอมตัว, และ Elder (Hiroyuki Sanada) ชายชราผู้ลึกลับที่มาตามล้างแค้น
เมื่อภารกิจง่ายๆ ของ Ladybug กลายเป็นความวุ่นวาย เมื่อเขากับนักฆ่าคนอื่นๆ ต้องมาเกี่ยวพันกันด้วยเรื่องราวของกระเป๋า ลูกชายเจ้าพ่อมาเฟีย และการล้างแค้น ภาพยนตร์นำเสนอความโกลาหลที่เต็มไปด้วยแอ็คชั่นสุดมันส์ อารมณ์ขันที่เข้าถึงง่าย และการหักมุมที่ไม่คาดคิดตลอดการเดินทางบนรถไฟ
ความรู้สึกหลังรับชม
"Bullet Train" เป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุก เพลิน และระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเป็นระยะๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสไตล์การกำกับที่รวดเร็ว ฉูดฉาด และเต็มไปด้วยแอ็คชั่นในพื้นที่จำกัดของ David Leitch ทำให้หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์เป็นของตัวเอง
Brad Pitt ในบท Ladybug นั้นยอดเยี่ยมมาก เขาสามารถถ่ายทอดบุคลิกของนักฆ่าผู้พยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรงแต่กลับดึงดูดความโชคร้ายได้อย่างตลกขบขันและมีเสน่ห์ ทุกการแสดงออกของเขาเรียกเสียงหัวเราะและทำให้ตัวละครนี้เป็นที่น่าเอาใจช่วย ส่วนคู่หู Lemon และ Tangerine ที่รับบทโดย Brian Tyree Henry และ Aaron Taylor-Johnson ก็สร้างเคมีที่เข้าขากันอย่างเหลือเชื่อ และเป็นคู่หูที่เรียกเสียงหัวเราะได้มากที่สุดในเรื่อง บทสนทนาของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปรียบเทียบผู้คนกับตัวการ์ตูน Thomas the Tank Engine เป็นอะไรที่ติดหูและน่าจดจำ นักแสดงคนอื่นๆ อย่าง Joey King, Hiroyuki Sanada, และ Michael Shannon (ในบทเจ้าพ่อมาเฟีย) ก็ล้วนแต่สร้างสีสันให้กับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี
พล็อตเรื่องอาจจะดูซับซ้อนในช่วงแรกด้วยจำนวนตัวละครที่เยอะ แต่ก็ถูกคลี่คลายออกมาอย่างชาญฉลาดด้วยการเล่าเรื่องที่กระโดดไปมาระหว่างมุมมองของตัวละครต่างๆ การหักมุมที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวก็เป็นจุดเด่นที่ทำให้หนังไม่น่าเบื่อ ฉากต่อสู้มีความสร้างสรรค์และเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ผสมผสานกับการใช้พร็อพและพื้นที่บนรถไฟได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
แม้ว่าบางครั้งเนื้อเรื่องอาจจะดูเหลวไหลและไม่สมเหตุสมผลไปบ้าง แต่ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นหนังแอ็คชั่นคอมเมดี้ที่ไม่ต้องคิดมาก ทำให้ "Bullet Train" ประสบความสำเร็จในการมอบความบันเทิงให้กับผู้ชมได้อย่างเต็มที่ เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับการดูเพื่อผ่อนคลายและระเบิดความฮา
คะแนน IMDb และ Rotten Tomatoes ปัจจุบัน
IMDb: 7.3/10
Rotten Tomatoes: คะแนนจากนักวิจารณ์ 54% , คะแนนจากผู้ชม 76%
สรุป
"Bullet Train" คือภาพยนตร์แอ็คชั่นคอมเมดี้สุดมันส์ที่มอบความสนุกสนานและเสียงหัวเราะได้อย่างเต็มที่ ด้วยการแสดงที่โดดเด่นของ Brad Pitt และทีมนักแสดงสมทบที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ การกำกับที่ฉับไว และฉากแอ็คชั่นที่สร้างสรรค์ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเดินทางบนรถไฟที่ไม่ควรพลาด แม้คะแนนจากนักวิจารณ์บน Rotten Tomatoes อาจจะอยู่ระดับกลางๆ แต่คะแนนจากผู้ชมที่สูงก็เป็นเครื่องยืนยันถึงความบันเทิงที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มอบให้ "Bullet Train" เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบแนวแอ็คชั่น คอมเมดี้ ที่ไม่ต้องคิดมาก และอยากได้หนังที่ดูสนุกคลายเครียดครับ