โจวจี้คำฉันท์ (นิทานราชอุทาหรณ์)

เนื้อเรื่องอันมีมาในจ้านกว๋อเช่อ (รณรัฐอุบาย)
โจวจี้ยกอุทาหรณ์ถวายฉีอ๋องให้สดับคำทัดทาน
鄒忌諷齊王納諫
《戰國策》
  鄒忌脩八尺有餘,而形貌昳麗。朝服衣冠,窺鏡,謂其妻曰:「我孰與城北徐公美?」其妻曰:「君美甚,徐公何能及君也?」城北徐公,齊國之美麗者也。忌不自信,而復問其妾曰:「吾孰與徐公美?」妾曰:「徐公何能及君也?」旦日,客從外來,與坐談,問之客曰:「吾與徐公孰美?」客曰:「徐公不若君之美也。明日徐公來,孰視之,自以為不如;窺鏡而自視,又弗如遠甚。暮寢而思之,曰:「吾妻之美我者,私我也;妾之美我者,畏我也;客之美我者,欲有求於我也。」
            โจวจี้มีกายสูงแปดศอกเศษ ทั้งรูปร่างสง่างาม เช้าหนึ่งขณะแต่งตัว ก็ส่องกระจกพลางพูดกับภรรยาว่า “เรากับสวีกงที่ทางเหนือผู้ใดงามกว่ากัน” ภรรยาตอบว่า “ท่านงามนัก สวีกงไฉนจะเทียบท่านได้” ฝ่ายสวีกงที่ทางเหนือ เป็นบุรุษรูปงามแห่งแคว้นฉี โจวจี้ยังมิคลายใจ จึ่งถามอนุภรรยาอีกว่า “เรากับสวีกงผู้ใดงามกว่ากัน” อนุภรรยาตอบว่า“สวีกงไฉนจะเทียบท่านได้” วันถัดมามีแขกมาเยือน เมื่อนั่งสนทนาด้วยก็ถามแขกว่า “เรากับสวีกงผู้ใดงามกว่า” แขกตอบว่า “สวีกงงามเทียบท่านมิได้เลย” รุ่งขึ้น สวีกงมาหา เมื่อเพ่งพิศถี่ถ้วนก็รู้แก่ใจว่าตนเทียบมิได้ พอส่องกระจกดูตัวก็ยิ่งเห็นว่าไกลกันนัก ครั้นค่ำจึ่งนอนใคร่ครวญว่า “ที่ภรรยาว่าเรางามด้วยมีฉันทาต่อเรา อนุภรรยาว่าเรางามด้วยยำเกรงเรา แขกว่าเรางามด้วยอยากให้เราช่วยเหลือ”

  於是入朝見威王,曰:「臣誠知不如徐公美。臣之妻私臣,臣之妾畏臣,臣之客欲有求於臣,皆以美於徐公。今齊地方千里,百二十城,宮婦左右莫不私王,朝廷之臣莫不畏王,四境之內莫不有求於王:由此觀之,王之蔽甚矣。」王曰:「善。」乃下令:「群臣吏民能面刺寡人之過者,受上賞;上書諫寡人者,受中賞;能謗譏於市朝,聞寡人之耳者,受下賞。」
            ฉะนั้น จึ่งไปเข้าเฝ้าพระเจ้าฉีเวยอ๋อง กราบทูลว่า “ข้าพระบาททราบดีว่างามเทียบสวีกงมิได้เลย แต่เพราะภรรยาของข้าพระบาทมีฉันทาต่อข้าพระบาท อนุภรรยาของข้าพระบาทยำเกรงข้าพระบาท แขกของข้าพระบาทอยากให้ข้าพระบาทช่วยเหลือ จึ่งพากันว่างามกว่าสวีกง บัดนี้แคว้นฉีกว้างใหญ่พันลี้ มีร้อยยี่สิบป้อมปราการ สนมกำนัลต่างมีฉันทาต่อพระองค์ ขุนนางราชสำนักต่างยำเกรงพระองค์ ทั่วทุกสารทิศต่างอยากให้พระองค์ช่วยเหลือ ปรารภดั่งนี้ พระองค์ทรงโดนอำพรางหนักหนาทีเดียวพระเจ้าข้า” ฉีอ๋องตรัสว่า “ชอบล่ะ” แล้วมีพระราชบัญชาว่า “ขุนนางน้อยใหญ่ตลอดถึงราษฎร หากทัดทานข้อผิดพลาดของเราต่อหน้าพระที่นั่ง จักได้บําเหน็จชั้นเอก หากถวายฎีกาทัดทานเรา จักได้บําเหน็จชั้นโท หากวิพากษ์วิจารณ์ในที่ชุมชนจนความทราบถึงหูเรา จักได้บําเหน็จชั้นตรี”

  令初下,群臣進諫,門庭若市;數月之後,時時而間進;期年之後,雖欲言,無可進者。燕、趙、韓、魏聞之,皆朝於齊。此所謂戰勝於朝廷。
            เมื่อแรกมีพระราชบัญชา บรรดาขุนนางพากันทูลทัดทานจนท้องพระโรงประหนึ่งตลาดสด ผ่านไปไม่กี่เดือน ก็ยังพอมีบ้างประปราย พอได้ปีหนึ่ง ถึงจะใคร่ทูลก็หาข้อทูลมิได้ แคว้นเยียน จ้าว หาน เว่ย แจ้งดั่งนั้น ก็พากันมานบนอบต่อแคว้นฉี ประการนี้จึ่งว่าแม้ประทับในท้องพระโรงก็ทรงชัย
โจวจี้คำฉันท์
นิทานราชอุทาหรณ์
ฉบัง ๑๖๏ แถลงเรื่องเมืองจีนโบราณ  บุรุษหนึ่งนามขาน
โจวจี้มีรูปเลอลักษณ์
๏ แปดศอกสูงล้ำลำนัก  งามสง่าโสภัค
พร้อมรูปสมบัติชัชวาล
๏ เช้าหนึ่งแต่งเครื่องอลังการ  พิศดูอยู่นาน
จับจ้องกระจกไปมา
๏ ครั้นแล้วพร้องเพรียกภรรยา  ยอดยิ่งเสน่หา
ช่วยพิศพลางถามไถ่ความ

อินทรวิเชียร ๑๑๏ อ้าแม่พธูศรี  ดนุมียุบลถาม
ตัวเรานิรูปงาม  สุสง่ายะเยี่ยมยง
๏ หรือรูปบุรุษปรา-  กฏนามสวีกง
ใครงามพธูจง  วทะเผยเฉลยที
๏ ฝ่ายมิ่งพธูรัตน์  พิศภัสดาศรี
เหตุฉันทฤทธิ์มี  พละงำก็เยินเยอ
๏ โธ่เจ้าพระคุณเปี่ยม  สิริเรี่ยมประเสริฐเลอ
สวีกงกระใดเธอ  จะเสมอ ณ ภรรดา
๏ โจวจี้มิคลายใจ  จรไปจะปุจฉา
ด้วยนางนุภรรยา  ระบุความก็ตามมูล
๏ ตัวเราเฉลาลัก-  ษณะอัคคะไพบูลย์
หรือรูปบุรุษพูน  ศุภนามสวีกง

อินทรวงศ์ ๑๒๏ ฝ่ายแม่วิลาวัณย์  อนุภรรยาระลง
เกรงผิด ณ จำนง  ปติหวัง ณ วัคคุวัจน์
๏ จึ่งตอบพจีไป  ปติไซร้สิรีพิพัฒน์
สวีกงจะเทียมทัด  ปติข้าจะได้ไฉน

ฉบัง ๑๖๏ โจวจี้คงคิดข้องใจ  จวบพรุ่งรุ่งสมัย
มีแขกมาเยือนเรือนชาน
๏ ทั้งสองมีเสวนาการ  โจวจี้ลนลาน
ถามไถ่แขกผู้มาหา
๏ ตัวเรารูปล้ำโสภา  ถ้าเทียบลักขณา
สวีกงใครงามกว่ากัน
๏ แขกปองประโยชน์สิ่งสรรพ์  สอพลอโดยพลัน
สวีกงมิอาจเสมอเหมือน
๏ รุ่งขึ้นสวีกงมาเยือน  ถึงชายคาเรือน
โจวจี้เพ่งพิศเต็มตา
๏ ตะลึงรูปเลิศลักขณา  ดังหนึ่งเทวา
มาฉลักเฉลาลำยอง
๏ ยิ่งยลยิ่งนึกตรึกตรอง  รู้ตัวเป็นรอง
พลางเพ่งกระจกดูตน
๏ ยิ่งเห็นยิ่งเป็นอับจน  โจวจี้ใจฉงน
ตกดึกนึกตรองตระหนัก

โตฎก ๑๒๏ สิริลักษณ์บมิสู้  พิศดูก็ประจักษ์
ภริยาฤดิรัก  คติฉันทนิยุต
๏ ก็เฉลยวจะชม  เพราะนิยมปติสุด
แหละฉะนี้ปิยนุช  สรเสริญดนุงาม
๏ อนุนางปฏิบัติ  ปติวัตรบมิย่าม
ขณะที่ดนุถาม  ก็ชะรอยจะละลาน
๏ ตริวะสามิกะใคร่  สุตในเสนาะสาร
แหละฉะนี้ยุพาพาล  สรเสริญดนุงาม
๏ อดิถีก็กระหาย  มนหมายหิตหลาม
วจะใดก็จะตาม  มนใฝ่ผลดี
๏ เปาะเหลาะปองปฏิคม  จะนิยมนุเคราะห์พลี
แหละฉะนี้อดิถี  สรเสริญดนุงาม

ฉบัง ๑๖๏ ครั้นรุ่งพระสุรีย์พระฮาม  โจวจี้อาราม
คลาไคลไปยังวังทอง
๏ เข้าเฝ้าองค์ฉีเวยอ๋อง  ชวนพระตรึกตรอง
อ้างอุทาหรณ์ขึ้นจำนรรจ์

วสันตดิลก ๑๔๏ ข้าแต่พระมิ่งมกุฎเกศ  สุพิเนตเกษตรขัณฑ์
เผยแผ่พระเดชพระยุติธรรม์  ธ ถวัลยไอศูรย์
๏ จุ่งโปรดสดับวจนะสา-  ธกข้าพระบาททูล
ขอเดชะทรงวรกลูน  พิเคราะห์ด้วยพระปัญญา
๏ ข้าบาทสุลักษณมิสู้  วรรูปโสภา
สวีกงละกลกะปฏิมา  สุรฤทธิ์ประสิทธี
๏ แต่ยอดสิเน่หภริยา  รติกล้าสวามี
ด้วยฤทธิฉันทคตินี้  วจะข้าพระบาทงาม
๏ ฝ่ายนุชอนงค์นุภริยา  วจะสาระคล้อยตาม
เกรงภัยบดีกมลคร้าม  เพราะจะผิดบดีวัตร
๏ ปาหุณก็ปองนุเคราะหคุณ  หิตจุน ณ ข้องขัด
เอื้อนเอ่ยประจบมธุรอรรถ  เพราะจะให้สมัครพลี
๏ บ้านเมืองก็เหมือนยุบลข้า-  วรบาททูลนี้
แผ่นดินนรินทร์สหสลี้  ทวิทัศประทายราย
๏ ชายาและราชบริพาร  ตะละมานก็แม่นหมาย
เข้าข้างนราธิปมิวาย  ฤดิฉันทะครอบงำ
๏ ขุนนางก็อมาตย์นฤปภัฏ  ก็ประหวัดจะพลาดพลำ
ผิดราชสวัสดิทุษกรรม  ก็ทำนูลทำนองเยอ
๏ ทุกสารทิศมนสหวัง  พระจะยังประโยชน์เลอ
ล้วนชูเฉลิมยศเสมอ  เพราะประสงค์จะพึ่งพิง
๏ ปรารภฉะนี้วรวิภู  ล่ะมิรู้ ณ เท็จจริง
ฟังแต่โศลกพิเราะก็ยิ่ง  มุหะมืดบรู้ทัน
๏ สำคัญพระองคมฤฉา  ดุจข้าพระบาทนั่น
ถูกอำ ณ สัตยมหันต์  นฤบาลพิจารณ์เทอญ

อินทรวิเชียร ๑๑๏ เวยอ๋องสดับความ  พิเคราะห์ตามมิหมางเมิน
โอษฐ์เอื้อนประภาษเกริ่น  สุรสีหนาทพลัน
๏ ชอบแล้วล่ะคำท่าน  นยะปานประทีปอัน-
รุ่งโรจน์ประโยชน์สรร-  พขจัด ณ เมามัว
๏ เราขอประกาศสั่ง  ชนทั้งนครทั่ว-
ธานีมิพึงกลัว  พระพิโรธจะกำดาล
๏ แต่นี้ผิผู้ใด  ตำหนิได้ ณ หน้าฉาน
บำเหน็จ ธ บรรทาน  อดิเรกไพบูลย์
๏ อาจหาญทำฎีกา  ตำหนิวาทะทำนูล
บำเหน็จ ธ ให้ปูน  ณ สถานหลั่นกัน
๏ โจษจัน ณ ชุมชน  วทะดลพระเนตรกรรณ
บำเหน็จ ธ ให้ปัน  ณ สถานระดับล่าง

ฉบัง ๑๖๏ แต่นั้นบรรดาขุนนาง  ราษฎร์ทุกที่ทาง
ร่วมชี้ที่ผิดราชัน
๏ เมื่อแรกรับสั่งโรงคัล  อึกทึกนี่นัน
ประหนึ่งท้องตลาดวุ่นวาย
๏ พอได้เดือนหนึ่งกลับกลาย  อึงมี่คลี่คลาย
ประปรายมีบ้างนานหน
๏ ถ้วนศกสิ้นสรรพยุบล  ใคร่ทูลก็จน-
ปัญญาหาเหตุนานา
๏ สมันตรัฐรอบขัณฑสีมา  มีนามออกว่า
เยียนจ้าวหานเว่ยสี่เมือง
๏ แจ้งว่าเวยอ๋องปราดเปรื่อง  บารมีบรรเทือง
ต่างเคียมคัลเบื้องบทมาลย์
๏ มหาชนเชิดชูภูบาล  พระไม่รำราญ
ไม่จับสรรพราชศาสตรา
๏ ด้วยเดชะพระปัญญา  แม้สถิตปรางค์ปรา
ยังอาจชำนะมีชัย
๏ เป็นทิฏฐานุคติใน  ธรรมแห่งท้าวไท
ผู้ทรงพระคุณสุนทร
๏ อำนาจปัญญาเยี่ยมบวร  ยืนยงไป่คลอน
ล้ำกว่าพระเดชเดือดดาล
๏ จบความคำจีนโบราณ  อันมีจดจาร
ในจ้านกว๋อเช่อแน่ชัด
๏ แปลงภาษผูกศัพท์ปริวรรต  เรียงร้อยสัมผัส
แค่นแต่งคำฉันท์โดยเพียร
๏ ตามแต่เคยได้ร่ำเรียน  อาจอ่อนชำเนียร
พลาดพลั้งจุ่งกรุณาทร
๏ สรวมสุขสวัสดิ์จัตุรพร  ประสิทธิ์สโมสร
สนองท่านผู้อ่านโสตถิ์เทอญ ๚ะ๛
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่