KEY POINTS
- มหาสมุทรมากกว่า 20% ของโลก กำลังมืดลงในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 75 ล้านตารางกิโลเมตร
- นักวิจัยเชื่อว่าปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปรากฏการณ์สาหร่ายสะพรั่ง อุณหภูมิผิวน้ำทะเลเพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำ และภาวะโลกร้อน ทำให้มหาสมุทรมืดลง
- ทำให้โซน “เขตมีแสง” ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำมีที่อยู่น้อยลง บางแห่งแคบลง 50-100 เมตร
การวิจัยใหม่เผยให้เห็นว่า มหาสมุทรมากกว่า 20% ของโลก กำลังมืดลงในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 75 ล้านตารางกิโลเมตร เทียบเท่ากับพื้นที่แผ่นดินของยุโรป แอฟริกา จีน และอเมริกาเหนือรวมกัน
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งนี้ทำให้บรรดานักวิทยาศาสตร์เกิดความกังวลว่าจะส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลและสุขภาพของโลก
ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “มหาสมุทรมืดลง” (Ocean Darkening)
เกิดขึ้นเมื่อความใสของน้ำเปลี่ยนแปลงจนทำให้ “เขตมีแสง” (Photic zone)
เป็นระดับน้ำที่อยู่ด้านบนสุดและสัมผัสกับแดด มีความลึกระหว่าง 0–200 เมตร
มีไฟโตแพลงก์ตอนสังเคราะห์แสง ที่เป็นอาหารและสร้างออกซิเจนเกือบครึ่งหนึ่งของโลก
อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในทะเลเกือบทั้งหมด
โดยจะล่า หากิน และสืบพันธุ์ในน่านน้ำที่อุ่นของโซนโฟโตติกซึ่งมีอาหารอุดมสมบูรณ์ที่สุด
ดังนั้นหากโซนนี้ลดลงสิ่งมีชีวิตจะมีพื้นที่อยู่อาศัยน้อยลง และยังส่งผลต่อการที่มหาสมุทรช่วยควบคุมสภาพอากาศของโลกอีกด้วย
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยพลีมัธและห้องปฏิบัติการทางทะเลพลีมัธใช้ข้อมูลดาวเทียมเกือบ 20 ปี
ร่วมกับการสร้างแบบจำลองคอมพิวเตอร์ขั้นสูง พบว่าระหว่างปี 2003-2022
พื้นที่ชายฝั่งส่วนใหญ่และมหาสมุทรเปิดมีสีเข้มขึ้น ซึ่งหมายความว่าแสงแดดเดินทางผ่านน้ำได้น้อยลง
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นก็คือ มหาสมุทรมากกว่า 9% ซึ่งคิดเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าทวีปแอฟริกา
ที่เขตมีแสงหดตัวลงมากกว่า 50 เมตร แต่ในบางภูมิภาคก็ความลึกลดลงมากกว่า 100 เมตร
แต่ก็ยังมีมหาสมุทรประมาณ 10% หรือ 37 ล้านตารางกิโลเมตร กลับสว่างขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
ตัวอย่างเช่น นอกชายฝั่งตะวันตกของไอร์แลนด์มีส่วนที่สว่างขึ้น แต่พื้นที่ไกลออกไปกลับมืดลง
มหาสมุทรจะมืดลงเมื่อแสงส่องผ่านน้ำได้ยากขึ้น มักพบตามแนวชายฝั่งที่มีน้ำเย็นอุดมด้วยสารอาหารไหลขึ้นสู่ผิวน้ำ
ที่ฝนพัดพาสารอาหารและตะกอนจากแผ่นดินลงไปในน้ำ
ชีวิตในทะเลตกอยู่ในความเสี่ยง
แม้ว่าผลกระทบที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะยังไม่ชัดเจนนัก
แต่บรรดานักวิจัยกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลจำนวนมากของโลก
และต่อระบบนิเวศที่มหาสมุทรให้บริการโดยรวม
ดร.โทมัส เดวีส์ รองศาสตราจารย์ด้านการอนุรักษ์ทางทะเลที่มหาวิทยาลัยพลีมัธ
เชื่อว่าปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงพลวัตของปรากฏการณ์สาหร่ายสะพรั่ง และการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิผิวน้ำทะเล
ทำให้แสงส่องผ่านผิวน้ำในมหาสมุทรที่เปิดโล่งได้น้อยลง
“มีการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าพื้นผิวของมหาสมุทรเปลี่ยนสีไปอย่างไรในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของชุมชนแพลงก์ตอน
แต่ผลการวิจัยของเรามีหลักฐานว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้เกิดความมืดมิดในวงกว้าง
ซึ่งทำให้เขตพื้นที่ที่สัตว์ต่าง ๆ อาศัยอยู่ได้ลดลง สัตว์เหล่านี้พึ่งพาดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เพื่อการอยู่รอดและการสืบพันธุ์
แต่เมื่อแสงส่องลงน้ำได้น้อยลง ก็จะทำให้สัตว์อยู่รอดยากขึ้น”
ดร.เดวีส์กล่าว
ทะเลทั่วโลก มืดลงกว่า 20% สัตว์น้ำมีเขตที่อยู่น้อยลง ระบบนิเวศเปลี่ยน