25 คนอื่นกับ 25 เรา ทำไมมันต่างกันขนาดนี้?

สวัสดีทุกคนะคะ
เรารบกวนขอคำแนะนำ หรือเรียกว่าขอพื้นที่ขอระบายนิดๆนะคะ
อาจจะยาวหน่อยนะคะไม่รู้จะตัดยังไง เอาเรียลๆละกัน😁
          อันดับบอกขอเกิ่นก่อนว่าตอนเรียนเราเป็นคนที่เรียนไม่เก่งเลย ธรรมดามากๆ แต่เราตั้งใจเรียนมาก ตั้งใจทุกคาบพยายามทำความเข้าใจในคลาสเพราะเราไม่ชอบใช้ความจำ ไม่ชอบอ่านหนังสือเลยเน้นทำความเข้าใจเวลาเรียน แต่เราตั้งเป้าหมายชัดเจนก่อนเข้าเรียนเลยว่าเราต้องใช้ชีวิตมหาลัยให้เต็มที่ในทุกๆด้าน ทั้งการเรียน (เป้าหมายคือเกียรตินิยม เราเชื่อว่าเสมอว่าเกรดมันบ่งบอกถึงความรับผิดชอบ) ทั้งกิจกรรม การเที่ยว(ไม่ดื่ม) การคบเพื่อน การบริหารเงิน(ลงทุน เก็บออม) การกิน การนอน การออกกำลังกาย ทุกอย่างต้อง balance กันหมด แล้วมันก็ดีมากรู้สึกว่าใช้ชีวิตคุ้มมากๆคิดย้อนกลับไปไม่เสียดาเลยสักวัน ชีวิตการฝึกงานก็เป็นอะไรที่ดีมากๆ แล้วเราก็สดใสมาก เจอแต่คนใจดี เพราะเราพยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองเสมอ แล้วเราก็ได้รับสิ่งนั้นจริงๆ เราเรียนจบได้เกียรตินิยม เรา พ่อกับแม่ ครอบครัวเราภูมิใจมากๆ แล้วเค้าก็ภูมิใจมาโดยตลอดเพราะเราไม่เคยทำอะไรเสียหายหรือทำให้ไม่สบายใจเลย  
         เราเรียนจบแล้วมีโอกาสได้ทำงานเลยซึ่งเป็นสัญญาจ้างและเป็นสายงานที่เราอยากที่จะเรียนรู้และต่อยอดมากๆ เป็นการปรับการใช้ชีวิตแบบไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ก็ไม่ได้แย่เลย ต้องยอมรับว่าสังคมการทำงานดีนทำให้อยากตื่นแต่งตัวไปทำงานทุกวัน กิจกรรม ทำงานใส่สุดทุกอย่าง เรารับมือกับทุกอย่างได้ดี ทุกอย่างก็ดีไปหมด จนกระทั่ง contract expired แล้วเราก็ได้งานที่ใหม่ เข้าสู่วัยทำงานแบบเต็มตัวจริงๆ เงินดี สวัสดิการดี แต่สังคมการทำงาน toxic ไปหน่อย ไปอาทิตย์แรกก็ได้พบแพทย์เลย (เครียดลงกระเพาะ) เป็นเราที่ต้องรับผิดชอบในสายงานนั้นคนเดียวทั้ง 2 factory ทั้งๆที่วันสัมภาษณ์แจ้งว่ามีคนช่วยทำคุยscopeงานชัดเจนเป็นเรื่องเป็นราว บลาๆ เราทำตั้งแต่งานในออฟฟิศ นับสต็อก ยันขายของเสียจากการผลิตในโรงงานด้วยตำแหน่งเดียว ทำโอทีทุกวันเพราะงานเยอะมากจริงๆ (ตอนนอนยังฝันว่าทำงานแล้วก็ตื่นเช้าไปทำงานในชีวิตจริงต่อ งงมาก) เนื่องจากสายงานเราต้องทำกับหลายๆ department ซึ่งค่อนข้างที่จะกดดัน แต่เราเชื่อเสมอว่าถ้าทุกคน support กัน งานก็จะออกมาดีและเสร็จเร็วทันเวลาแน่นอน แต่ความจริงคือไม่เลย ไม่มีใครsupportกัน ทุกคนselfish focusแค่งานของตัวเอง ส่งงานให้เราแล้วจบไม่สามารถต่อสายกับต้นทางได้ ถามอะไรเขาก็จะตอบไม่รู้ไปก่อนหรือไม่ตอบเลย แล้วบ่อยครั้งที่เป็นแบบนี้หลายคน หัวหน้า1จัดการก็แล้ว (มีหัวหน้า2คนเพราะมี2factory) จนงานร่วมdelay และสุดท้ายปิดจบที่เราผิดคนเดียวมาโดยตลอด (ผิดที่ใครไม่รู้จบที่เราตลอด) แล้วหัวหน้า2เป็นคนที่ toxic มากๆ เขาก็จะมีทีมของเขาปกป้องลูกน้องอย่างดี ถูกผิดก็คือตัวเองถูกก่อนเสมอ แต่หัวหน้า1ไม่เคยปกป้องเราเลย เขาก็บอกว่าไม่ต้องสนใจจบๆไป เราก็จบๆไปตลอด แต่คำพูดค่อนข้างที่จะรุนแรงทุกที เราก็พยายามไม่ใส่ใจ (แต่พ่อแม่บอกให้ลาออกทุกวัน)  เราทำทุกอย่างเต็มที่มากๆ บอกตัวเองทุกวันว่ามันต้องดีขึ้นแน่นอน จนถึงจุดพีคสุด
          ร่างกายแสดงท่าทีว่าไม่ไหวแล้ว ผมร่วง นอนไม่หลับ เล็บบาง ชีวิตเริ่มไม่สดใส ชัดเจนกว่านั้นคือคอบวม จนตัดสินใจลาไปหาหมอทั้งๆที่ทำงานได้ไม่นาน (ยังไงก็ต้องเลือกร่างกายตัวเองก่อน) ไปถึงหมอตรวจหลายอย่างมากๆ จนอัลตร้าซาวน์เจอก้อนที่คอ เจอเนื้องอกในไทรอยด์จ้า แจ็คพ็อตมากกก  เลยสั่งเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ สรุปมีเซลล์เนื้อร้ายต้องผ่าด่วน หมอบอกเลยว่าเกิดจากจากความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ ไทรอยด์ทำงานหนักไป เราก็เออชัดเจนละว่าต้องเลือกสักทาง พอได้วันผ่าเราก็ตัดสินใจลาออกเลย จนผ่าอะไรเสร็จหมอบอกว่าคือเซลล์มะเร็ง เราก็อึ้งนิดหน่อยแต่ก็มีสติ แต่ก็เตรียมใจไว้แล้วว่ามันคือธรรมชาติของมนุษย์ และเราก็ตรวจเจอมะเร็งในวัย 24 ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีที่เราทำประกันแล้วประกันก็ครบกำหนดเคลมได้พอดี เพราะต้องใช้เงินทั้งตอนที่ไม่ได้ทำงานอีก หลังจากนั้นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่หมดแต่ก็ไม่มากเพราะเราเป็นคนรักสุขภาพอยู่แล้วย้ำรักสุขภาพมาก ทั้งการกิน การออกกำลังกาย ใช้เวลาฟื้นตัวอยู่นาน ตอนนี้ก็ยังงงอยู่ว่าเป็นมะเร็งได้ยังไง และอาการหลังจากผ่าตัดชีวิตเราก็ไม่สดใสเหมือนเดิม เรานอนหลับยากต้องใช้ยานอนหลับ ความจำสั้นลง ลืมเร็วมากๆ หงุดหงิดง่าย บางที control อารมณ์ไม่ได้ สงสารคนรอบข้างสุด เราก็ไม่ชอบที่ตัวเอวเป็นแบบนี้ รู้สึกผิดอยู่เสมอ ฝึกสมาธิทุกอย่างก็แล้ว เราก็รักษาไปเรื่อยๆ จนหมอนัดอัลตร้าซาวน์อีกรอบครบปี มะเร็งมันกลับมา เราต้องผ่าตัดอีก ตอนนี้กำลังรอผ่าตัด จากคนที่รับมือกับปัญหาต่างๆได้ดีกลายเป็นเริ่มเหนื่อย คนที่เคย positive thinking กลายเป็แหหมือแต่น toxic ตัวเองเลยตอนนี้ แต่เราก็เข้มแข็งมากๆ จนตอนที่ก่อนจะตัดสินใจเขียนกระทู้นี้ขึ้นมามีคำถามนึงที่โผล่มาในหัวเราว่า เราเพิ่ง25เอง ทำไมเราไม่ได้ใช้ชีวิตเต็มที่เหมือนเพื่อนวัย 25 คนอื่นๆ ในขณะที่คนอื่นหาเงิน ทำงาน เก็บเงิน ไปเที่ยว มีคนรักที่ดี ส่วนเราเก็บเงินไว้เพื่อไปหาหมอ วัยเดียวกันแต่ชีวิตต่างกันมาก เราไม่สนุกกับการใช้ชีวิต แต่งตัวก็ไม่สนุก ถ่ายรูปก็ไม่สนุก กินอะไรก็ต้องคิดเยอะๆ ข้อจำกัดมันมากมายไปหมด plan ที่เราวางไว้ก็พังหมด รู้สึกเสียเวลาชีวิตมากๆ ทั้งสงสารพ่อแม่กลัวว่าท่านจะคาดหวัง ตอนนี้เคว้งไปหมด

เราเลยอยาขอคำแนะนำหรือคำปรึกษาเพื่อนๆว่า
1.ต้องทำยังไงถึงจะกลับไปสดใสใช้ชีวิตเต็มที่ในแบบของเราได้เหมือนเดิม ลองมาหลายๆวิธีแต่เผื่อมีใครมีวิธีที่ดีกว่าแนะนำได้นะคะ
2.เราไม่รู้จะจัดการกับความคิดตัวเองหรือความรู้สึกยังไง ทั้งๆที่เคยทำได้ดีมาโดยตลอด ทั้งชีวิตเจอแต่คนดีๆ ถ้าไม่ดีคือเราจะ fade เพื่อ protect ตัวเองตลอด แต่พอเข้าสู่วัยทำงานเจอแบบนี้มันทำให้เราเป๋ไปหมด แล้วคำพูดที่เขาว่ามีเกียรตินิยมก็ไม่ได้การันตีความสำเร็จ ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองหรือเราความอดทนต่ำ โคตรไม่มี performance กลายเป็นว่าเหมือนทำอะไรก็ไมสุดสักอย่าง
3.ขอคำแนะนำการใช้ชีวิตหลังจากนี้ให้มีความสุขหน่อยค่ะ เผื่อใครเคยมีประสบการณ์หรือมีทริคดีๆมาแชร์กันได้นะคะ
4.เราจะอยู่กับการมีรอยแผลเป็นยังไงไม่ให้อายคนอื่นและกล้าที่จะแต่งตัวมากกว่านี้ พอมีวิธีฮีลใจไหมคะ ค่อนข้างที่จะรักสวยรักงาม
5.เป็นโรคแบบนี้เราจะหมดโอกาสในการทำงานหรือพบเจอคนที่ดีไปเลยไหม
6.ในมุมมองของเพศตรงข้ามคุณคิดยังไงถ้าจะมีแฟนเป็นโรคแบบนี้ จะกล้าจีบไหม คือรับได้ไหม เพราะตอนนี้เราไม่อยากมีใครเลย ไม่อยากเป็นภาระใครด้วย สงสารเขาT_T

แล้วก็สุดท้ายนี้…. ต้องขอบคุณคนที่เขามาอ่านถึงตรงนี้มากๆนะคะ มันอาจจะไร้สาระบ้างแต่บางเรื่องเราworry จริงๆ ยาวมากๆแต่เราไม่รู้จะเรียบเรียงให้มันสั้นได้ใจความยังไงดี แล้วก็ขอบคุณคำแนะนำดีล่วงหน้าด้วยนะคะ 🙂🙏🏻

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่