วันที่ 14 พ.ค มีอาการหูอื้อมาก เลยไปหาหมอที่แรก ( หู คอ จมูก)
หมอ1 : หูอักเสบ ให้ทานยา+หยอดยาละลายขี้หู
หลังจากนั้นหูก็ยังมีอาการอื้ออยู่ เราก็หยอดยา+ กินไปเรื่อยๆก็ยังไม่หาย
2 วันถัดมาก็ไปหาคุณหมออีก คราวนี้รู้สึกโล่งมาก ไม่อื้อแล้ว แต่พอหยอดยา
กลับมาอื้ออีก เลยคิดว่าน่าจะเพราะยา เดี๋ยวเลิกหยอดคงหายอื้อไปเอง
(ก่อนกลับ) หมอ1 : ถ้ายังไม่หายกลับมาหาหมอ หมอจะให้รักษาเชื้อราในหู (เอ๊ะในใจ )
วันที่ 19 พ.ค หูอื้อกลับมา มีอาการปวดมาก ลามไปถึง กรามและรู้สึกแน่นหูมากกลับไปหาหมอ
ดูดหู(คราวนี้เริ่มเจ็บตอนดูดด้วย) ได้ยาตัวใหม่+ให้หยอดหูต่อไป ได้ถามคุณหมอถึงเชื้อรา
คุณหมอแจ้งว่า ไม่มี ถ้าเป็นต้องคัน เป็นขี้หูมากกว่า สบายใจได้ แต่ยังอักเสบอยู่นะ
วันที่ 24 กลับไปหาหมออีกเพราะยังรู้สึกอื้ออยู่ และปวดเล็กน้อย
หมอ1 : (ดูหู และดูด ) ยังอักเสบอยู่นิดหน่อย แต่หมอว่า ไม่ต้องทำอะไรมันแล้วให้มันหายไปเอง
ดิฉัน : ต้องหยอดยาละลายขี้หูอยู่ไหมคะ
หมอ1 : หยอดๆไป กลับได้เลยนะ หมอไม่คิด💵
พอถึงเวลาหยอดยา เอ๊ะ ทำไมรู้สึกเหมือนยามันไหลลงคอ เอะใจเลยลองบีบจมูกแล้วเบ่ง ที่นี้มีลมออกมาจากหูอีกข้าง
ตกใจมาก แต่ยังคิดในแง่ดี(เข้าข้างตัวเองสุด😂) พอกลางคืนรู้สึกแน่นหูกลืนน้ำลายก็มีเสียง กินน้ำก็มี จิตตกเลย
วันต่อมาก็ยังแน่นหูขึ้นเรื่อยๆ พอช่วงเวลา 4 ทุ่ม มีอาการปวดมากแบบมาก ปวดแสบไปหมดในหู จนถึง เช้า สาย บ่ายเย็นเลย
ตัดสินใจไปหาหมออีกที่ ( ยอมรับว่า รู้สึกลังเล และไม่มั่นใจในหมอคนแรกแล้ว )
หมอ2 : อื้อออออ หูเป็นเชื้อรานะ เยอะมาก ปิดรูหูเลย
แล้วหมอก็ดูดๆๆ ดูดออก
หมอ2 : แล้วก็ แก้วหูเรา ทะลุด้วยนะ แต่ยังเป็นรอยใหม่ โดยส่วนมาก 80%
จะติดเองได้ หมอจะให้ยาทานฆ่าเชื้อราไปนะ แล้วนัดมาดูต่อ
จังหวะนั้นในใจคือ ฉิบ*** แล้ว จะหูหนวกไหม หลายอย่างไปหมด TT
2 วันถัดมา กลับไปให้คุณหมอดู คุณหมอประเมินว่า ควรจะหยอดยาด้วย กินเอาไม่ค่อยอยู่ แต่ยาจะไหลลงคอนะ
กลับมาก็ทำตามคุณหมอบอก ได้ยา Candid Ear Drops ยาหยอดจะแสบมาก ต้องอดทนอย่างเดียวเลยค่ะ
ตอนนี้ พยายามคิดในแง่ดีอยู่ค่ะ T^T เพราะต้องเลี้ยงลูก ลูกก็ยังเล็กพึ่ง 10 เดือนเองค่ะ ภาวนาให้โชคดี เชื้อราหายไวๆ
จะได้รักษาแก้วหูต่อไปได้ เดี๋ยววันที่30 ถึงรอบนัดแล้ว จะมาอัปเดตต่อค่ะ
ประสบการณ์ชีวิตมาก แก้วหูทะลุ+ติดเชื้อรา
หมอ1 : หูอักเสบ ให้ทานยา+หยอดยาละลายขี้หู
หลังจากนั้นหูก็ยังมีอาการอื้ออยู่ เราก็หยอดยา+ กินไปเรื่อยๆก็ยังไม่หาย
2 วันถัดมาก็ไปหาคุณหมออีก คราวนี้รู้สึกโล่งมาก ไม่อื้อแล้ว แต่พอหยอดยา
กลับมาอื้ออีก เลยคิดว่าน่าจะเพราะยา เดี๋ยวเลิกหยอดคงหายอื้อไปเอง
(ก่อนกลับ) หมอ1 : ถ้ายังไม่หายกลับมาหาหมอ หมอจะให้รักษาเชื้อราในหู (เอ๊ะในใจ )
วันที่ 19 พ.ค หูอื้อกลับมา มีอาการปวดมาก ลามไปถึง กรามและรู้สึกแน่นหูมากกลับไปหาหมอ
ดูดหู(คราวนี้เริ่มเจ็บตอนดูดด้วย) ได้ยาตัวใหม่+ให้หยอดหูต่อไป ได้ถามคุณหมอถึงเชื้อรา
คุณหมอแจ้งว่า ไม่มี ถ้าเป็นต้องคัน เป็นขี้หูมากกว่า สบายใจได้ แต่ยังอักเสบอยู่นะ
วันที่ 24 กลับไปหาหมออีกเพราะยังรู้สึกอื้ออยู่ และปวดเล็กน้อย
หมอ1 : (ดูหู และดูด ) ยังอักเสบอยู่นิดหน่อย แต่หมอว่า ไม่ต้องทำอะไรมันแล้วให้มันหายไปเอง
ดิฉัน : ต้องหยอดยาละลายขี้หูอยู่ไหมคะ
หมอ1 : หยอดๆไป กลับได้เลยนะ หมอไม่คิด💵
พอถึงเวลาหยอดยา เอ๊ะ ทำไมรู้สึกเหมือนยามันไหลลงคอ เอะใจเลยลองบีบจมูกแล้วเบ่ง ที่นี้มีลมออกมาจากหูอีกข้าง
ตกใจมาก แต่ยังคิดในแง่ดี(เข้าข้างตัวเองสุด😂) พอกลางคืนรู้สึกแน่นหูกลืนน้ำลายก็มีเสียง กินน้ำก็มี จิตตกเลย
วันต่อมาก็ยังแน่นหูขึ้นเรื่อยๆ พอช่วงเวลา 4 ทุ่ม มีอาการปวดมากแบบมาก ปวดแสบไปหมดในหู จนถึง เช้า สาย บ่ายเย็นเลย
ตัดสินใจไปหาหมออีกที่ ( ยอมรับว่า รู้สึกลังเล และไม่มั่นใจในหมอคนแรกแล้ว )
หมอ2 : อื้อออออ หูเป็นเชื้อรานะ เยอะมาก ปิดรูหูเลย
แล้วหมอก็ดูดๆๆ ดูดออก
หมอ2 : แล้วก็ แก้วหูเรา ทะลุด้วยนะ แต่ยังเป็นรอยใหม่ โดยส่วนมาก 80%
จะติดเองได้ หมอจะให้ยาทานฆ่าเชื้อราไปนะ แล้วนัดมาดูต่อ
จังหวะนั้นในใจคือ ฉิบ*** แล้ว จะหูหนวกไหม หลายอย่างไปหมด TT
2 วันถัดมา กลับไปให้คุณหมอดู คุณหมอประเมินว่า ควรจะหยอดยาด้วย กินเอาไม่ค่อยอยู่ แต่ยาจะไหลลงคอนะ
กลับมาก็ทำตามคุณหมอบอก ได้ยา Candid Ear Drops ยาหยอดจะแสบมาก ต้องอดทนอย่างเดียวเลยค่ะ
ตอนนี้ พยายามคิดในแง่ดีอยู่ค่ะ T^T เพราะต้องเลี้ยงลูก ลูกก็ยังเล็กพึ่ง 10 เดือนเองค่ะ ภาวนาให้โชคดี เชื้อราหายไวๆ
จะได้รักษาแก้วหูต่อไปได้ เดี๋ยววันที่30 ถึงรอบนัดแล้ว จะมาอัปเดตต่อค่ะ