เรื่องความไร้ยางอายของแท็กซี่ไทย

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ และใช้บริการแท็กซี่จากตู้กดคิวตามปกติ บนบัตรคิวมีรายละเอียดคนขับและทะเบียนรถ พร้อมระบุชัดเจนว่า มีค่าบริการเพิ่ม 50 บาทสำหรับคนขับตามนโยบายของสนามบิน และสามารถเก็บค่าสัมภาระขนาดใหญ่เพิ่มได้ไม่เกิน 20 บาท ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

แต่พอขึ้นรถ คนขับเริ่มต้นด้วยการพูดว่า "กระเป๋าใบใหญ่นะ อย่าลืมให้ทิปด้วย" แล้วก็ยิ้มให้ ฉันเองก็ได้แค่ยิ้มเจื่อน ๆ ตอบไป เขาได้ขอดูบัตรคิวของฉันแล้วยึดไปแบบเนียนๆ ซึ่งมันมีรายละเอียดคนขับและทะเบียนรถของเขา จากนั้นระหว่างทางเขาบอกว่า ไม่รับโอนเงิน รับเฉพาะเงินสดเท่านั้น แล้วจอดให้ฉันลงไปกดเงินจากตู้ ATM ซึ่งมิเตอร์ยังคงเดินอยู่ตลอดเวลา

แย่ไปกว่านั้น เขาขับขึ้นทางด่วนโดยไม่ถามความยินยอมจากฉันเลย ทั้งที่เป็นเวลาตี 1 กว่า รถโล่งมาก และเมื่อฉันถามเหตุผล เขาตอบว่า "ข้างล่างมีคนเมาเยอะ" — ซึ่งฉันก็ยังงงอยู่ดี เพราะฉันนั่งอยู่ในรถ เกี่ยวอะไรกับคนเมาข้างนอก ฉันไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาถึงผลักภาระมาให้ลูกค้าด้วยความยัดเยียดแบบนี้

เมื่อถึงจุดหมาย มิเตอร์แสดงราคา 335 บาท ฉันจ่ายไป 400 บาท เพราะเข้าใจว่ามีค่าบริการเพิ่ม 50 บาทตามที่สนามบินแจ้งไว้ แต่คนขับกลับบอกว่า "ค่ามิเตอร์ 375 บาท บวกค่าคนขับ 50 บาท รวมเป็น 425 บาท" ฉันจึงเดินไปดูมิเตอร์อีกครั้ง ปรากฏว่าเป็น 335 บาทจริง ๆ พอฉันทักท้วง เขาก็เปลี่ยนคำพูดว่า “อ้อ ใช่ แต่มีค่าสัมภาระอีก 50 บาทนะ”

และระหว่างที่ฉันพยายามโทรไปแจ้งเรื่องกับเจ้าหน้าที่ กลับไม่มีใครรับสายเลย

แย่ยิ่งกว่านั้น คือฉันได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับเพื่อน โดยเปิดลำโพงชัดเจน เขาขอเลขบัญชีเพื่อนเพื่อให้ฉันโอนเพิ่มอีก 50 บาท แล้วเพื่อนเขาก็ตอบว่า “เมื่อกี้กูก็เรียกลูกค้าไป 500 ” — ทำให้รู้ว่า พวกเขาเอาเปรียบผู้โดยสารเป็นเรื่องปกติ

พฤติกรรมแบบนี้มันไม่แฟร์เลยสำหรับผู้โดยสารอย่างฉัน และอาจจะยิ่งแย่กว่าสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ นี่แหละคือเหตุผลที่หลายคนเลือกใช้บริการอย่าง Grab เพราะราคาชัดเจน ไม่มีการขอทิปโต้ง ๆ หรือบวกราคาแบบไร้มาตรฐานแบบนี้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่