พอกำหนดรู้ไป อาศัย อนุโลมตามไก็เห็นว่าธรรมทั้งหลายมันเป็นสภาพคู่ ต่อกันไปเรื่อยๆเป็นอนัตตา ก็กำหนดรู้ กำหนดรู้ยิ่ง กำหนดรู้ กำหนดรู้ยิ่ง
จิตจึงเห็นว่าการกำหนดรู้เองก็เป็นตัวทุกข์
ต่อให้กำหนดรู้แค่ไหน ตามเห็นการดับไป มันก็ดับไม่จริง ยังมีเชื้อให้กำเริบ วนไปต่อ
ก็สละการกำหนดรู้ และเห็นว่า การกำหนดรู้นี่ ก็ต้อง
กำหนดเห็นกิเลสเข้ามาด้วย โลภะ โทสะ โมหะ
เพราะถ้าไม่เห็นกิเลสชัดๆ ก็ไม่ใช่มรรคที่เจริญถูก
พอกำหนดเห็นกิเลสดับ และรู้ตระกูลมันชัดเจน
จิตก็ละหน่ายคลายได้ วนไม่วนมันสิ้น ตรงเห็นรากเห็นโคนของกิเลส ผมเข้าใจถูกไหมครับ
ผมปฏิบัติจนได้ธรรมชั้นสูงแล้วครับ
จิตจึงเห็นว่าการกำหนดรู้เองก็เป็นตัวทุกข์
ต่อให้กำหนดรู้แค่ไหน ตามเห็นการดับไป มันก็ดับไม่จริง ยังมีเชื้อให้กำเริบ วนไปต่อ
ก็สละการกำหนดรู้ และเห็นว่า การกำหนดรู้นี่ ก็ต้อง
กำหนดเห็นกิเลสเข้ามาด้วย โลภะ โทสะ โมหะ
เพราะถ้าไม่เห็นกิเลสชัดๆ ก็ไม่ใช่มรรคที่เจริญถูก
พอกำหนดเห็นกิเลสดับ และรู้ตระกูลมันชัดเจน
จิตก็ละหน่ายคลายได้ วนไม่วนมันสิ้น ตรงเห็นรากเห็นโคนของกิเลส ผมเข้าใจถูกไหมครับ