มีคนแนะนำให้ผมไปอ่านกัจจานโคตตสูตร...
ผมจะบอกว่า...นอกจากอ่านมาหลายเที่ยว.. มฃผมก็แปลจากบาลีเป็นไทยก็หลายรอบมาก
แต่ที่สำคัญกว่า..คือ...ผู้รู้ว่าพระสูตรไทยแปลคลาดเคลื่อน.. มันจะเป็นไปได้อย่างไร ...
" สิ่งใดๆในโลก..มี " 👈..กลายเป็นมิจฉาทิฏฐิๆ
" สิ่งใดๆในโลก..ไม่มี " 👈...ก็ผิด..
พอไปดูบาลี...และใช้หลักมหาเปส๔...
จึงรู้ว่า... ผู้แปล..แปล 2 คำนี้ผิดไป..
คำแรก.. " อตฺถิ "...
ไปแปลว่า " มี "..เฉยๆ มันก็ไปซ้ำกับคำว่า " สติ - สโต "...ที่แปลว่า " มี " เช่นกัน..
พอไปตรวจสอบกับพระสูตรอื่นๆ..จึงทราบว่า...
" อตฺถิ "...แปลว่า.. " มีอย่างถาวร(เที่ยงแท้)
ส่วนคำที่ 2 คือ " นตฺถิ "...ไม่ใช่แปลว่า " ไม่มี "..." อสติ "..ก็แปลว่า..ไม่มี
แต่ต้องแปลว่า " ไม่มีเลย(ไม่มีซักกะนิด) "
ผมรู้ได้อย่างไง... เอาแบบง่ายๆนะ
ก็ในพระสูตรนี้..ตอนที่พระองค์กล่าวว่า
พระองค์เทศนาเป็น...กลางว่า..
" สิ่งนี้มี ..สิ่งนี้จึงมี
สิ่งนี้ไม่มี... สิ่งนี้จึงไม่มี "
ก็ตอนมี...คุณจะไปบอกว่าไม่มีไปได้อย่างไร!!!!
และ..ตอนที่ดับไปไม่มี...คุณจะไปบอกว่า...มันมึอย่างถาวร..ไม่ได้!!!
ฟังเลย...กัจจานโคตตสูตร
👇
👇
[๔๓] ทฺวยนิสฺสิโต โข ยํ กจฺจาน โลโก เยภุยฺเยน อตฺถิตญฺเจว นตฺถิตญฺจ ฯ
{....กัจจาน! ใดในโลกโดยส่วนมาก..อาศัย 2 อย่าง..คือ..
(1)..อัตถิตา(ความมีอย่างเที่ยงถาวร)..อันนี้ด้วย
(2)..นัตถิตา(ความไม่มีเลย..อะไรไปไม่มี)..ด้วย...}
โลกสมุทยํ จ โข กจฺจาน ยถาภูตํ
สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต
{...กัจจานะ! ด้วย..การเห็นเข้าใจใน..โลกสมุทัย(การเกิดขึ้นของโลก)แล..ตามความเป็นจริง...ด้วยปัญญาอันถูกต้อง...}
ยา โลเก นตฺถิตา สา น โหติ ฯ
{....สิ่งใดๆในโลก..ที่ว่า " ไม่มี "...ก็จะไม่เกิดขึ้น(แก่เขา)...}👈👈👈👈...อัตตา..มันเกิดขึ้น..จะมาบอกว่าไม่มี..มันก็เท่ากับ..ไม่เข้าใจ.." โลกสมุทัย "...คือ..ในท้ายพระสูตรกล่าวว่า..คือ..ปฏิจจสมุปบาทสายเกิด..
โลกนิโรธํ โข กจฺจาน ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต
{..ด้วย..การเห็นเข้าใจใน..โลกนิโรธ(การดับลของโลก)แล..ตามความเป็นจริง...ด้วยปัญญาอันถูกต้อง...}
ยา โลเก อตฺถิตา สา น โหติ ฯ
{....สิ่งใดๆในโลก..ที่ว่า " มีอย่างถาวรคงท "...ก็จะไม่เกิดขึ้น(แก่เขา)...}👈👈👈👈...อัตตา..มันเกิดขึ้น..จะมาบอกว่าไม่มี..มันก็เท่ากับ..ไม่เข้าใจ.." โลกสมุทัย "...คือ..ในท้ายพระสูตรกล่าวว่า..คือ..ปฏิจจสมุปบาทสายดับ..
อุปายุปาทานาภินิเวสวินิพนฺโธ ขฺวายํ กจฺจาน โลโก เยภุยฺเยน ตญฺจายํ อุปายุปาทานํ เจตโส อธิฏฺฐานํ อภินิเวสานุสยํ
{...กัจจาน! .....โลกอันนี้แล..โดยมาก..ผูกมัดอย่างแรงกล้าด้วยความยึดมั่นถือมั่น...นั่นก็คือ..การยึดมั่นถือมั่น..ที่ไปตั้งในใจ...ด้วยความยึดมั่นอันแรงกล้าด้วยอนุสัย.....}
น อุเปติ ---{...ต้อง..ไม่เข้าถึง...}
น อุปาทิยติ ---{...ต้อง..ไม่ยึดมั่น...}
นาธิฏฺฐาติ อตฺตา เมติ ฯ
{...ไม่สำคัญว่า..เป็นอัตตา..ของเรา..ดังนี้....}
(...ไม่ควรเห็นว่า..มันเป็นอัตตา..ของเรา
....ไม่ใช่..ไปบอกว่า " อัตตา..ไม่มี "..
ถ้าอัตตาไม่มี...มันก็จไม่ต้องมีการสอนให้ละอัตตา!!!...)
ทุกฺขเมว อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปชฺชติ
{...ทุกข์นั้นเที่ยว..เมื่อจะเกิด..ก็เกิดขึ้น..}
ทุกฺขํ นิรุชฺฌมานํ นิรุชฺฌตีติ
{...ทุกข์นั้นเที่ยว..เมื่อจะกับ..ก็ดับลง..}
น กงฺขติ น วิจิกิจฺฉติ ฯ
{...โดยไม่สงสัย..โดยไม่ลังเล..}
(...หมายถึงเข้าใจปฏิจจสมุปบาทอย่างท่องแท้..เข้าใจแล้วจึงไม่สงสัย..)
อปรปฺปจฺจยา ญาณเมวสฺส เอตฺถ
โหติ ฯ
{....โดยมีความรู้ในสิ่งนี้(ปฏิจจ)..โดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่น.... }
(...รู้รู้เองเข้าใจเองในปฏิจจสมุปบาท..เมื่อรู้เข้าใจก็เลยไม่ต้องเชื่อผู้อื่นอีก...)
เอตฺตาวตา โข กจฺจาน สมฺมาทิฏฺฐิ โหติ ฯ
{....กัจจาน! ประมาณเท่านี้แล...คือ..การได้มีสัมมาทิฏฐิ...}
[๔๔] สพฺพมตฺถีติ โข กจฺจาน อยเมโก อนฺโต
สพฺพํ นตฺถีติ อยํ ทุติโย อนฺโต ฯ
{....กัจจาน ! (ความเห็นว่า)
" สิ่งทั้งปวงมีอยู่อย่างถาวร "..อันนี้เป็นสุดโต่งที่ 1
" สิ่งทั้งปวง...ไม่มีเลย " ..อัอันนี้เป็นสุดโต่งที่ 2...}
เอเต เต กจฺจาน อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม
มชฺเฌน ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ
{....กัจจานะ ! ไม่เข้าไสู่...สุดโต่งทั้ง 2 เหล่านั้นๆ
ตถาคต..แสดงธรรมเป็นกลาง..ว่า..}
อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา
{...เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย...}
สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ
{...เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ...}
ฯเปฯ --{ย่อ..ปฏิจจสายเกิด}
เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส
สมุทโย โหติ ฯ
{...การเกิดมีขึ้นของความทุกข์ทั้งหมดทั้งมวล..มีได้ด้วยอาการอย่างนี้.,.}
อวิชฺชาย เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ
{...เพราะอวิชชานั่นหละ..จางคลายจนดับไม่เหลือ สังขารจึงดับ...}
สงฺขารนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ
{....เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ...}
ฯเปฯ --{ย่อ..ปฏิจจสายเกิด}
เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตีติ ฯ
{...การดับลงของความทุกข์ทั้งหมดทั้งมวล..มีได้ด้วยอาการอย่างนี้.ดังนี้...}
สัตว์:..ตอนที่ 164 : " นตฺถิตา "..มิจฉาทิฏฐิ..ที่เห็นว่า " อะไรๆก็ไม่มี " ..เราไม่มี - อัคตาไม่มี
มีคนแนะนำให้ผมไปอ่านกัจจานโคตตสูตร...
ผมจะบอกว่า...นอกจากอ่านมาหลายเที่ยว.. มฃผมก็แปลจากบาลีเป็นไทยก็หลายรอบมาก
แต่ที่สำคัญกว่า..คือ...ผู้รู้ว่าพระสูตรไทยแปลคลาดเคลื่อน.. มันจะเป็นไปได้อย่างไร ...
" สิ่งใดๆในโลก..มี " 👈..กลายเป็นมิจฉาทิฏฐิๆ
" สิ่งใดๆในโลก..ไม่มี " 👈...ก็ผิด..
พอไปดูบาลี...และใช้หลักมหาเปส๔...
จึงรู้ว่า... ผู้แปล..แปล 2 คำนี้ผิดไป..
คำแรก.. " อตฺถิ "...
ไปแปลว่า " มี "..เฉยๆ มันก็ไปซ้ำกับคำว่า " สติ - สโต "...ที่แปลว่า " มี " เช่นกัน..
พอไปตรวจสอบกับพระสูตรอื่นๆ..จึงทราบว่า...
" อตฺถิ "...แปลว่า.. " มีอย่างถาวร(เที่ยงแท้)
ส่วนคำที่ 2 คือ " นตฺถิ "...ไม่ใช่แปลว่า " ไม่มี "..." อสติ "..ก็แปลว่า..ไม่มี
แต่ต้องแปลว่า " ไม่มีเลย(ไม่มีซักกะนิด) "
ผมรู้ได้อย่างไง... เอาแบบง่ายๆนะ
ก็ในพระสูตรนี้..ตอนที่พระองค์กล่าวว่า
พระองค์เทศนาเป็น...กลางว่า..
" สิ่งนี้มี ..สิ่งนี้จึงมี
สิ่งนี้ไม่มี... สิ่งนี้จึงไม่มี "
ก็ตอนมี...คุณจะไปบอกว่าไม่มีไปได้อย่างไร!!!!
และ..ตอนที่ดับไปไม่มี...คุณจะไปบอกว่า...มันมึอย่างถาวร..ไม่ได้!!!
ฟังเลย...กัจจานโคตตสูตร
👇
👇
[๔๓] ทฺวยนิสฺสิโต โข ยํ กจฺจาน โลโก เยภุยฺเยน อตฺถิตญฺเจว นตฺถิตญฺจ ฯ
{....กัจจาน! ใดในโลกโดยส่วนมาก..อาศัย 2 อย่าง..คือ..
(1)..อัตถิตา(ความมีอย่างเที่ยงถาวร)..อันนี้ด้วย
(2)..นัตถิตา(ความไม่มีเลย..อะไรไปไม่มี)..ด้วย...}
โลกสมุทยํ จ โข กจฺจาน ยถาภูตํ
สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต
{...กัจจานะ! ด้วย..การเห็นเข้าใจใน..โลกสมุทัย(การเกิดขึ้นของโลก)แล..ตามความเป็นจริง...ด้วยปัญญาอันถูกต้อง...}
ยา โลเก นตฺถิตา สา น โหติ ฯ
{....สิ่งใดๆในโลก..ที่ว่า " ไม่มี "...ก็จะไม่เกิดขึ้น(แก่เขา)...}👈👈👈👈...อัตตา..มันเกิดขึ้น..จะมาบอกว่าไม่มี..มันก็เท่ากับ..ไม่เข้าใจ.." โลกสมุทัย "...คือ..ในท้ายพระสูตรกล่าวว่า..คือ..ปฏิจจสมุปบาทสายเกิด..
โลกนิโรธํ โข กจฺจาน ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต
{..ด้วย..การเห็นเข้าใจใน..โลกนิโรธ(การดับลของโลก)แล..ตามความเป็นจริง...ด้วยปัญญาอันถูกต้อง...}
ยา โลเก อตฺถิตา สา น โหติ ฯ
{....สิ่งใดๆในโลก..ที่ว่า " มีอย่างถาวรคงท "...ก็จะไม่เกิดขึ้น(แก่เขา)...}👈👈👈👈...อัตตา..มันเกิดขึ้น..จะมาบอกว่าไม่มี..มันก็เท่ากับ..ไม่เข้าใจ.." โลกสมุทัย "...คือ..ในท้ายพระสูตรกล่าวว่า..คือ..ปฏิจจสมุปบาทสายดับ..
อุปายุปาทานาภินิเวสวินิพนฺโธ ขฺวายํ กจฺจาน โลโก เยภุยฺเยน ตญฺจายํ อุปายุปาทานํ เจตโส อธิฏฺฐานํ อภินิเวสานุสยํ
{...กัจจาน! .....โลกอันนี้แล..โดยมาก..ผูกมัดอย่างแรงกล้าด้วยความยึดมั่นถือมั่น...นั่นก็คือ..การยึดมั่นถือมั่น..ที่ไปตั้งในใจ...ด้วยความยึดมั่นอันแรงกล้าด้วยอนุสัย.....}
น อุเปติ ---{...ต้อง..ไม่เข้าถึง...}
น อุปาทิยติ ---{...ต้อง..ไม่ยึดมั่น...}
นาธิฏฺฐาติ อตฺตา เมติ ฯ
{...ไม่สำคัญว่า..เป็นอัตตา..ของเรา..ดังนี้....}
(...ไม่ควรเห็นว่า..มันเป็นอัตตา..ของเรา
....ไม่ใช่..ไปบอกว่า " อัตตา..ไม่มี "..
ถ้าอัตตาไม่มี...มันก็จไม่ต้องมีการสอนให้ละอัตตา!!!...)
ทุกฺขเมว อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปชฺชติ
{...ทุกข์นั้นเที่ยว..เมื่อจะเกิด..ก็เกิดขึ้น..}
ทุกฺขํ นิรุชฺฌมานํ นิรุชฺฌตีติ
{...ทุกข์นั้นเที่ยว..เมื่อจะกับ..ก็ดับลง..}
น กงฺขติ น วิจิกิจฺฉติ ฯ
{...โดยไม่สงสัย..โดยไม่ลังเล..}
(...หมายถึงเข้าใจปฏิจจสมุปบาทอย่างท่องแท้..เข้าใจแล้วจึงไม่สงสัย..)
อปรปฺปจฺจยา ญาณเมวสฺส เอตฺถ
โหติ ฯ
{....โดยมีความรู้ในสิ่งนี้(ปฏิจจ)..โดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่น.... }
(...รู้รู้เองเข้าใจเองในปฏิจจสมุปบาท..เมื่อรู้เข้าใจก็เลยไม่ต้องเชื่อผู้อื่นอีก...)
เอตฺตาวตา โข กจฺจาน สมฺมาทิฏฺฐิ โหติ ฯ
{....กัจจาน! ประมาณเท่านี้แล...คือ..การได้มีสัมมาทิฏฐิ...}
[๔๔] สพฺพมตฺถีติ โข กจฺจาน อยเมโก อนฺโต
สพฺพํ นตฺถีติ อยํ ทุติโย อนฺโต ฯ
{....กัจจาน ! (ความเห็นว่า)
" สิ่งทั้งปวงมีอยู่อย่างถาวร "..อันนี้เป็นสุดโต่งที่ 1
" สิ่งทั้งปวง...ไม่มีเลย " ..อัอันนี้เป็นสุดโต่งที่ 2...}
เอเต เต กจฺจาน อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม
มชฺเฌน ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ
{....กัจจานะ ! ไม่เข้าไสู่...สุดโต่งทั้ง 2 เหล่านั้นๆ
ตถาคต..แสดงธรรมเป็นกลาง..ว่า..}
อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา
{...เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย...}
สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ
{...เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ...}
ฯเปฯ --{ย่อ..ปฏิจจสายเกิด}
เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส
สมุทโย โหติ ฯ
{...การเกิดมีขึ้นของความทุกข์ทั้งหมดทั้งมวล..มีได้ด้วยอาการอย่างนี้.,.}
อวิชฺชาย เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ
{...เพราะอวิชชานั่นหละ..จางคลายจนดับไม่เหลือ สังขารจึงดับ...}
สงฺขารนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ
{....เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ...}
ฯเปฯ --{ย่อ..ปฏิจจสายเกิด}
เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตีติ ฯ
{...การดับลงของความทุกข์ทั้งหมดทั้งมวล..มีได้ด้วยอาการอย่างนี้.ดังนี้...}