คืนนี้พระจันทร์อาจไม่เต็มดวง… แต่ความเพี้ยนเต็ม 100%
ติดตามคีนกลับบ้านเกิด…
EP1-1
ภายในรถตู้โดยสารสีขาว. ตาแหน่งที่นั่งกลางด้านหน้า ผู้ดูแลรถ-‘เรเตอร์’-นั่งเอนพิงเบาะอย่างสบาย เขาสวมเสื้อโปโลสีเทาอ่อน กางเกงสีเทาเข้มซึ่งเป็นเครื่องแบบของบริษัท. เขาขยับท่อนแขนสวมปลอกแขนอัจฉริยะที่ดูเกินความจาเป็น - แผนที่เส้นทางเดินรถแสดงบนแผ่นจอ. เขาหมุนเก้าอี้อย่างเชื่องช้าไปทางผู้โดยสารด้านหลังที่เหลืออยู่เพียงสามคน.
"สวัสดีคุณคีน ตาแหน่งเบาะที่สอง, เราจะถึงสถานี 'วิถีจันทร์' แห่งเมืองจันทร์เจืองในอีกสิบนาทีข้างหน้า, โปรดเตรียมตัวได้เลยนะครับ." เขายักคิ้วอย่างขี้เกียจเหมือนอยากหลับสักงีบ.
คีนพยักหน้า, หูฟังยังคาอยู่ที่หูแต่เขาได้ยินเสียงของเรเตอร์ชัดเจน, สัมภาระของเขามีเพียงกระเป๋าสะพายใบเดียว.
เรเตอร์ชาเลืองดูข้อมูลบนท่อนแขนอีกครั้ง แล้วหันไปทางชายที่นั่งอยู่ถัดไป.
"คุณเทพธัน ตาแหน่งเบาะที่สาม, สถานีต่อไปคือสถานีครองหรรษา จังหวัดชลธาร, เราจะถึงในอีก 37 นาที." เขาฝืนยักคิ้วให้อีก.
รถเคลื่อนตัวเข้าสู่เขตกลางเมืองจันทร์เจือง เรเตอร์นั่งเอนหลังเต็มที่ในท่าพร้อมงีบแล้ว. คีนเหลือบมองออกไปนอกกระจกข้าง, เห็นร่องรอยหลังฝน ยังมีละอองหล่นปรอยบางๆ.
เมืองจันทร์เจืองยังคงชัดเจนกลิ่นอายอดีต ขณะที่ก็เต็มใจอ้าแขนต้อนรับเทคโนโลยีทันสมัย. อาคารใหม่และเก่าอยู่สองข้างถนนส่วนมากมีแต่งประดับด้วยแผงโซล่าเซลล์, เสาสัญญาณจิ๋วชูคอยาวรอรับสัญญาณ - หรือกระทั่งข่าวลือใหม่ที่ลอยลมมา. โดรนสีลูกกวาดบินชะลอใกล้ชิดกาแพงอย่างมั่นใจขณะส่งพัสดุขนาดเล็กลงบนระเบียงบ้านอย่างแช่มช้า. ดูเหมือนชาวเมืองจันทร์เจืองปรับตัวเข้ากับวิถีใหม่ได้อย่างรวดเร็ว.
สะพานไม้เก่าข้ามลาน้า, เรือพายค่อยลอยเอื่อยชมบรรยากาศเมือง ซึ่งอีกไม่นานภาพเหล่านี้จะกลายเป็นอดีตที่เพียงให้คนรุ่นนี้ได้พูดถึง. จู่ๆ – ภาพแสงจ้ากลางทุ่งป่าละเมาะผุดแวบเข้ามา. คีนสะบัดหัวเหมือนไล่ยุงออกจากหู ไล่ภาพนั้นออกไป.
รถชะลอที่สถานี 'วิถีจันทร์’. คีนขยับตัว, หยิบแว่นตาใส่ กระจกใสขนาดใหญ่ ช่วยให้เขามองเห็นมุมกว้างได้ชัดขึ้น ด้านข้างมีจอโปร่งใสแสดงไอคอนที่ตั้งค่าไว้. คีนใช้แว่น AR นี้มาหลายเดือนแล้วจนเคยชิน, เขาก็อ้าแขนกว้างต้อนรับเทคโนโลยีใหม่อย่างเต็มที่เหมือนวัยรุ่นอื่นเช่นกัน, เขายินดีกับการเติมสีสันใหม่ให้กับโลกใบเดิม.
"ขอบคุณ เรเตอร์" เขาพึมพา, สบตาผู้ดูแลรถ.
เรเตอร์ยิ้ม, ยกมือตอบรับ.
ณ สถานี 'วิถีจันทร์', ท้องฟ้าเริ่มเผยแสงอาทิตย์อ่อน. คีนยืนหน้าสถานีขนาดย่อม, รอบตัวมีผู้คนไม่มากนัก, เสาไฟอัจฉริยะโค้งเรียวสองข้างทางยืนต้อนรับ.
"ฉันได้กลับบ้านแล้ว…"
สองปีแล้ว, ที่เขาไม่ได้กลับมาเยือนเมืองจันทร์เจือง.
ลมหอบกลิ่นข้าวแกงคาวหวานจากร้านริมถนน, แผ่นป้ายดิจิทัลโบกพลิ้วเชิญชวน: "ข้าวหมูทอดเลื่องชื่อ—อร่อยแรงกว่าสัญญาณจากดาวบีต้าเซ็นทอรี่!", พ่อค้าก้มหน้าทอดหมูพลางพูดกรอกไมโครโฟนติดหู, "หมูร้อน ๆ มาแล้วจ้า รับรองว่าร้อนยิ่งกว่าตอนยานลึกลับลงจอดถสานีวิถีจันทร์!".
คีนหัวเราะ, เดินไปตามฟุตบาท, ขณะผ่านเสาไฟต้นหนึ่ง เสียงประกาศอัตโนมัติจากลาโพงเสาไฟทักทายเขา.
"ขอเชิญสารวจปรากฏการณ์ปริศนาในเขตเมือง…พร้อมชิมขนมครกแพนเค็ก 'จันทร์กรุล' อร่อยติดลิ้นแสนนาน อยู่ซ้ายมือข้างหน้านะคะ"
คีนอมยิ้ม.
เขาเดินต่อไปบนทางปูหินเก่า-สไตล์ย้อนยุค, กลุ่มวัยรุ่นที่สวมแว่น AR เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว, แผงโฆษณาโบราณตั้งเรียงแนวยาวขึ้นรูปกราฟิก - บางแห่งโปรโมต "เวิร์คช็อปปั้นสัตว์นอกโลกจากดินเหนียว", "ร้านส้มตาอวกาศ” (ส่งด้วยโดรนรวดเร็วทันใจ), "บาร์โปรตีนแมลง – กุ้งแมลงสาบราดชีสกรอบ อย่าให้พวกมันตายฟรีนะจ๊ะ!".
จันทร์เจืองยังคงมีเสน่ห์ภายในเหมือนเดิม แม้ว่าขณะนี้เหมือนอยู่ตรงรอยต่อของสองโลก, มือหนึ่งจับเทคโนโลยี มือหนึ่งยังโอบกอดบ้านเก่า.
"ช่วยหาร้านกาแฟ" คีนกระซิบบอกสายรัดข้อมือ, หน้าต่างเส้นทางโผล่ขึ้นขอบแว่นตาของเขาทันที.
เขาเดินตามเส้นทางที่เชื่อมจากถนนปูหินเก่าไปยังซอยเล็ก ๆ, วินเทจสะอาดสะอ้าน, บ้านเก่าทาสีใหม่ดูโมเดรินขึ้น มีไฟ LED สีอ่อนประดับหน้าบ้าน บางแห่งฉายกราฟิกเหมือนหิ่งห้อยบินวน. บางคนโชว์โลโก้ 'UFO of the Day!' ที่เปลี่ยนใหม่ทุกวันเหมือนนักสะสมสติกเกอร์.
คีนคิดในใจ 'เทคโนโลยีเมืองใหญ่ ปะทะกับหัวใจบ้านเก่าได้เนียนกริบ... แต่หัวใจเมืองนี้ยังเต้นจังหวะเดิม. '
เขายิ้ม พลางก้าวต่อไปในเมืองที่คุ้นเคย.... หรือบางทีก็รู้สึกไม่คุ้นเคย.
จันทร์เจือง EP1-1
ติดตามคีนกลับบ้านเกิด…
EP1-1
ภายในรถตู้โดยสารสีขาว. ตาแหน่งที่นั่งกลางด้านหน้า ผู้ดูแลรถ-‘เรเตอร์’-นั่งเอนพิงเบาะอย่างสบาย เขาสวมเสื้อโปโลสีเทาอ่อน กางเกงสีเทาเข้มซึ่งเป็นเครื่องแบบของบริษัท. เขาขยับท่อนแขนสวมปลอกแขนอัจฉริยะที่ดูเกินความจาเป็น - แผนที่เส้นทางเดินรถแสดงบนแผ่นจอ. เขาหมุนเก้าอี้อย่างเชื่องช้าไปทางผู้โดยสารด้านหลังที่เหลืออยู่เพียงสามคน.
"สวัสดีคุณคีน ตาแหน่งเบาะที่สอง, เราจะถึงสถานี 'วิถีจันทร์' แห่งเมืองจันทร์เจืองในอีกสิบนาทีข้างหน้า, โปรดเตรียมตัวได้เลยนะครับ." เขายักคิ้วอย่างขี้เกียจเหมือนอยากหลับสักงีบ.
คีนพยักหน้า, หูฟังยังคาอยู่ที่หูแต่เขาได้ยินเสียงของเรเตอร์ชัดเจน, สัมภาระของเขามีเพียงกระเป๋าสะพายใบเดียว.
เรเตอร์ชาเลืองดูข้อมูลบนท่อนแขนอีกครั้ง แล้วหันไปทางชายที่นั่งอยู่ถัดไป.
"คุณเทพธัน ตาแหน่งเบาะที่สาม, สถานีต่อไปคือสถานีครองหรรษา จังหวัดชลธาร, เราจะถึงในอีก 37 นาที." เขาฝืนยักคิ้วให้อีก.
รถเคลื่อนตัวเข้าสู่เขตกลางเมืองจันทร์เจือง เรเตอร์นั่งเอนหลังเต็มที่ในท่าพร้อมงีบแล้ว. คีนเหลือบมองออกไปนอกกระจกข้าง, เห็นร่องรอยหลังฝน ยังมีละอองหล่นปรอยบางๆ.
เมืองจันทร์เจืองยังคงชัดเจนกลิ่นอายอดีต ขณะที่ก็เต็มใจอ้าแขนต้อนรับเทคโนโลยีทันสมัย. อาคารใหม่และเก่าอยู่สองข้างถนนส่วนมากมีแต่งประดับด้วยแผงโซล่าเซลล์, เสาสัญญาณจิ๋วชูคอยาวรอรับสัญญาณ - หรือกระทั่งข่าวลือใหม่ที่ลอยลมมา. โดรนสีลูกกวาดบินชะลอใกล้ชิดกาแพงอย่างมั่นใจขณะส่งพัสดุขนาดเล็กลงบนระเบียงบ้านอย่างแช่มช้า. ดูเหมือนชาวเมืองจันทร์เจืองปรับตัวเข้ากับวิถีใหม่ได้อย่างรวดเร็ว.
สะพานไม้เก่าข้ามลาน้า, เรือพายค่อยลอยเอื่อยชมบรรยากาศเมือง ซึ่งอีกไม่นานภาพเหล่านี้จะกลายเป็นอดีตที่เพียงให้คนรุ่นนี้ได้พูดถึง. จู่ๆ – ภาพแสงจ้ากลางทุ่งป่าละเมาะผุดแวบเข้ามา. คีนสะบัดหัวเหมือนไล่ยุงออกจากหู ไล่ภาพนั้นออกไป.
รถชะลอที่สถานี 'วิถีจันทร์’. คีนขยับตัว, หยิบแว่นตาใส่ กระจกใสขนาดใหญ่ ช่วยให้เขามองเห็นมุมกว้างได้ชัดขึ้น ด้านข้างมีจอโปร่งใสแสดงไอคอนที่ตั้งค่าไว้. คีนใช้แว่น AR นี้มาหลายเดือนแล้วจนเคยชิน, เขาก็อ้าแขนกว้างต้อนรับเทคโนโลยีใหม่อย่างเต็มที่เหมือนวัยรุ่นอื่นเช่นกัน, เขายินดีกับการเติมสีสันใหม่ให้กับโลกใบเดิม.
"ขอบคุณ เรเตอร์" เขาพึมพา, สบตาผู้ดูแลรถ.
เรเตอร์ยิ้ม, ยกมือตอบรับ.
ณ สถานี 'วิถีจันทร์', ท้องฟ้าเริ่มเผยแสงอาทิตย์อ่อน. คีนยืนหน้าสถานีขนาดย่อม, รอบตัวมีผู้คนไม่มากนัก, เสาไฟอัจฉริยะโค้งเรียวสองข้างทางยืนต้อนรับ.
"ฉันได้กลับบ้านแล้ว…"
สองปีแล้ว, ที่เขาไม่ได้กลับมาเยือนเมืองจันทร์เจือง.
ลมหอบกลิ่นข้าวแกงคาวหวานจากร้านริมถนน, แผ่นป้ายดิจิทัลโบกพลิ้วเชิญชวน: "ข้าวหมูทอดเลื่องชื่อ—อร่อยแรงกว่าสัญญาณจากดาวบีต้าเซ็นทอรี่!", พ่อค้าก้มหน้าทอดหมูพลางพูดกรอกไมโครโฟนติดหู, "หมูร้อน ๆ มาแล้วจ้า รับรองว่าร้อนยิ่งกว่าตอนยานลึกลับลงจอดถสานีวิถีจันทร์!".
คีนหัวเราะ, เดินไปตามฟุตบาท, ขณะผ่านเสาไฟต้นหนึ่ง เสียงประกาศอัตโนมัติจากลาโพงเสาไฟทักทายเขา.
"ขอเชิญสารวจปรากฏการณ์ปริศนาในเขตเมือง…พร้อมชิมขนมครกแพนเค็ก 'จันทร์กรุล' อร่อยติดลิ้นแสนนาน อยู่ซ้ายมือข้างหน้านะคะ"
คีนอมยิ้ม.
เขาเดินต่อไปบนทางปูหินเก่า-สไตล์ย้อนยุค, กลุ่มวัยรุ่นที่สวมแว่น AR เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว, แผงโฆษณาโบราณตั้งเรียงแนวยาวขึ้นรูปกราฟิก - บางแห่งโปรโมต "เวิร์คช็อปปั้นสัตว์นอกโลกจากดินเหนียว", "ร้านส้มตาอวกาศ” (ส่งด้วยโดรนรวดเร็วทันใจ), "บาร์โปรตีนแมลง – กุ้งแมลงสาบราดชีสกรอบ อย่าให้พวกมันตายฟรีนะจ๊ะ!".
จันทร์เจืองยังคงมีเสน่ห์ภายในเหมือนเดิม แม้ว่าขณะนี้เหมือนอยู่ตรงรอยต่อของสองโลก, มือหนึ่งจับเทคโนโลยี มือหนึ่งยังโอบกอดบ้านเก่า.
"ช่วยหาร้านกาแฟ" คีนกระซิบบอกสายรัดข้อมือ, หน้าต่างเส้นทางโผล่ขึ้นขอบแว่นตาของเขาทันที.
เขาเดินตามเส้นทางที่เชื่อมจากถนนปูหินเก่าไปยังซอยเล็ก ๆ, วินเทจสะอาดสะอ้าน, บ้านเก่าทาสีใหม่ดูโมเดรินขึ้น มีไฟ LED สีอ่อนประดับหน้าบ้าน บางแห่งฉายกราฟิกเหมือนหิ่งห้อยบินวน. บางคนโชว์โลโก้ 'UFO of the Day!' ที่เปลี่ยนใหม่ทุกวันเหมือนนักสะสมสติกเกอร์.
คีนคิดในใจ 'เทคโนโลยีเมืองใหญ่ ปะทะกับหัวใจบ้านเก่าได้เนียนกริบ... แต่หัวใจเมืองนี้ยังเต้นจังหวะเดิม. '
เขายิ้ม พลางก้าวต่อไปในเมืองที่คุ้นเคย.... หรือบางทีก็รู้สึกไม่คุ้นเคย.