รีวิวการสอบ TOEFL ITP (computer-base) ของ Westminster ที่จังหวัด ขอนแก่น * 2025/05/22
นี้คือบทความรีวิวประสบการณ์สอบของตัวผมเองคนเดียวเท่านั้น เพื่อไว้เเบ่งบันหรือทบทวนหากต้องการสอบอีกรอบ หากผิดพลาดตรงไหนก็สามารถบอกกันได้เลยครับ
>> เว็บไซต์:
https://westminster.co.th/exam-toefl/
>> สถานที่: ซี.พี.ทาวเวอร์ ขอนแก่น 3 (เปิดใหม่ ภาคอีสาน)
>> สอบครั้งที่ 1 ครั้งเเรก 473 คะเเนน (B1)
>> รูปเเบบการสอบ 2 เเบบทั้งกระดาษ (รู้ผลทันทีทางการ 3-4 วัน ต้องส่งไปตรวจที่ศูนย์ใหญที่กทม.) และคอมพิวเตอร์ (รู้ผลทันที เเต่ไม่ทางการ)
>> ผมสอบเเบบคอมราคา 2050 บาท ร่วมค่าส่งผลทางไปรษณีย์
>> เปิดสอบเป็นบ้างวันและเเต่ละศูนย์สอบเเตกต่างกัน ซึ่งสามารถสอบได้ทั้ง IELTS และ TOEFL ITP **เปิดสอน IELTS ด้วย**
>> การบริการดีเยี่ยม มีการโทรมาเเจ้งเวลาการสอบ 1 ชั่วโมงก่อนสอบ เวลาเข้าไปสอบพกเเค่บัตรประชาชน เพื่อใช้ยืนยันตัวตนเท่านั้น ตอนผมไปสอบเขาจะมีล็อกเกอร์ให้เก็บของ สะดวกและปลอดภัย ในการสอบเเบบคอมพิวเตอร์เขาจะให้ดินสอกับกระดาษทดมาด้วย รู้ผลทันทีหลังสอบเสร็จ ในขั้นตอนนี้เราสามารถจดคะเเนนสอบอย่างไม่เป็นทางการของเราออกมาได้เท่านัน้ เดี่ยวเจ้าหน้าที่จะฉีกเเบ่งให้ (เเทบไม่ได้ทดเพราะมันเร็วมาก)
>> เริ่มสอบ **ทุกส่วนของการสอบจะมีคำเเนะนำให้อ่านและฟัง (ภาษาอังกฤษ) พร้อมยกตัวอย่างก่อนเริ่มทำเเต่ละพาทเสมอ**
ส่วนที่ 1 : การฟัง (Listening Comprehension) 35 นาที (50 ข้อ) ** ฟังรอบเดียวไม่มีทวน** (46 คะเเนน = B1)
>> ฟังบทบทสนทนาสั้น ๆ เเล้วตอบคำถาม ภายใน 12 วินาทีหลังจากอ่านคำถามเสร็จ <25 ข้อ> --- พยายามอ่านตัวเลือกให้ไว เเละเลือกสักข้อไว้ก่อนเพราะหากครบเวลาเเล้ว ถ้าเราไม่เลือกมันจะข้ามไปเลยกลับมาทำใหม่ไม่ได้ = 0 คะเเนน **เวลาจับใจความไม่ทันให้เลือกข้อที่มีคำศัพท์ในบทสนทนา**
>> ฟังบทบทสนทนายาว เเล้วตอบคำถาม ภายใน 12 วินาทีหลังจากอ่านคำถามเสร็จ <25 ข้อ> --- เวลาฟังบทสนทนาจะมีตัวเลือกของเเต่ละข้อเเสดงขึ้นมาหมด เช่น หากบทสนทนานี้ต้องตอบ 3 ข้อ ก็จะขึ้นมาพร้อมกันทั้ง 3 ข้อ เเต่จะไม่มีคำถาม เมื่อฟังเสร็จค่อยถามเเต่ละข้อ **พยายามกวาดสายตาตัวเลือกทั้งหมดหาศัพท์ที่ตรงกับบทสนทนา เเละพยายามตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูด อย่าไปโฟกัสตัวเลือกมาก เดี๋ยวจะหลุดโฟกัส**
สำคัญที่สุดคือต้องมีสมาธิเพราะข้อสอบเเต่ละข้อผ่านไปเร็วมาก หากคิดไม่ได้ฟังไม่ทันก็ผ่านหรือเดาไปเลย และห้ามสนใจสิ่งรอบข้าง ส่วนตัวผมเปิดเสียงดัง ๆ ให้มันกลบเสียงรอบข้างทั้งหมด
ส่วนที่ 2 : ไวยากรณ์ (Structure & Written Expression) 25 นาที <40 ข้อ> ** สามารถย้อนกลับมาทำได้ ** (48 คะเเนน = B1)
>> เติมคำลงในช่องว่าง
>> Error Identification
-- โดยรวมพยายามฝึกทำข้อสอบบ่อย ๆ เเละต้องเร็ว รีบมองหาจุดผิด อย่างเเรกเลยรีบหาประธานและดูว่ากริยาสอดคล้องกันไหม ส่วนใหญ่ที่เจอก็จะเกี่ยวกับการใช้พวก adj, adv, N, V(ed & ing), active/passive voice, model V., tense , the most, wh- (+S+V), more than, one of, ....ประมาณนี้ เน้นเลยต้องเร็ว มองเเล้วตอบ!
ส่วนที่ 3 : การอ่าน (Reading Comprehension) 55 นาที <50 ข้อ> ** สามารถย้อนกลับมาทำได้ ** (48 คะเเนน = B1)
>> ส่วนนี้จะยากที่ศัพท์ ตัวบทความที่ต้องตีความหมาย และคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย ต้องอาศัยการทำข้อสอบเเล้วจำเอาบ่อย ๆ ในการทำตัวบทความจะขึ้นคู่กับคำถามและตัวเลือกทำให้เราไม่ต้องเปิดไปมา -- เทคนิคที่ผมใช้เลยคืออ่านคำถามก่อนโดยเฉพาะคำถามที่ผ่านมาอันนี้คืออะไรหรือมีความหมายใกล้เคียงกับคำว่าอะไร เช่น them จากประโยคคืออะไร หรือ enhance มีความหมายใกล้เคียงกับอะไร ผมจะรีบทำข้อพวกนี้ก็ก่อน เพราะอย่างเเรกเราไม่ต้องตีความเยอะมันเป็นข้อมูลที่ให้มาเเล้ว ถ้าตัว them หรือ it หมายถึงอะไร ก็ต้องหาจากคำนามที่อยู่ก่อนสรรพนามพวกนี้ ส่วนพวกความหายอาจจะต้องรู้คำศัพท์จากตัวเลือกด้วย ข้อที่ผมเจอเลยคือ enhance ตัวเลือกที่เจอ increasing ผมตอบเลยจำความหายได้ มันจะทำให้เรามีเวลาทำข้ออื่นมากขึ้น ส่วนตัวผมทำเกือบไม่ทันบทความสุดท้ายเหลือ 3 นาทีกับ 5 คำถาม กว่าจะอ่านบทความก็น่าจะหมดเวลาเเล้ว ไปอ่านคำถามเเล้วหากหาคำศัพย์ที่เจอในบทความเลย
สิ่งสำคัญที่สุดคือการบริหารเวลาในการสอบให้ดี ยิ่งส่วนการฟังถ้าเราหลุดไปเเล้วก็หลุดไปเลย เเล้วถ้าพลาดไม่เลือกไว้สักข้อก็เท่ากับว่าข้อนั้นโอกาสถูกเป็น 0
ส่วนเรื่องการเตรียมตัวสอบบอกเลยผมมีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก (ไม่ถึงอาทิตย์ ใช้บุญเก่าล้วน ๆ 55)
>> การฟังอันนี้ต้องฝึกเอง ให้ฝึกฟังจากบทสนทนาที่มันทางการจะได้คุ้นเคยกับเสียง จังหวะการพูด และความเร็ว --อันนี้ผมได้เปรียบตรงที่ไปฝึกงานต่างประเทศมา เเต่ในข้อสอบกับสนทนาจริงต่างกัน เพราะในข้อสอบเราไม่รู้ว่าเขาจะคุยอะไรกันและมันต้องคิดด้วยว่าเขาจะถามยังไง ซึ่งต่างจากบทสนทนาทั่วไปที่รับฟังเเล้วโต้ตอบคุยกันเราจะรู้เรื่องที่เราต้องคุยกันมาเเล้ว
>> ฝึกทำข้อสอบ grammar เยอะ ๆ จะช่วยได้ (ตัวผมทำข้อสอบน้อยมาก เเต่อาศัยว่าเราเข้าใจพื้นฐานและที่มาของเเต่ละตัวดี เช่น
เมื่อเราใช้สำนวน "
one of + คำนามพหูพจน์" (เช่น
one of the students,
one of the books,
one of my friends)
กริยา (verb) ที่ตามมาจะต้องเป็นรูปเอกพจน์เสมอ เนื่องจากมันหมายถึง หนึ่งสิ่งที่มาจากหรืออยู่ในหลาย ๆ สิ่ง ซึ่งกริยาที่ตามมาก็ต้องสอดคล้องกับสิ่งที่
เราอยากจะบอกนั้นคือคำว่าหนึ่งสิ่ง ดังนั้นกิริยาต้องเป็นเอกพจน์ หากเป็นการอ่านจะให้ดีเลยเราต้องบอกให้ได้ทั้งหมดว่าประโยคนี้ "
One of the
students is absent today." เเต่ละตัวคืออะไร คำนาม คำสรรพนาม คำเชื่อ คำขยาย คำวิเศษณ์ ยิ่งเราเข้าใจพื้นฐานเวลาสอบเราจะมองหาได้เร็ว เช่น ถ้าเจอคำที่ขีดเส้นใต้พวก model verb (can could must may will) + กิริยาไม่ผัน (infinitive verb) >> will to go X เเก้เป็น will go เป็นต้น
>> ส่วน reading ส่วนตัวอ่านงานวิจัยวิทยาศาสตร์บ่อย ๆ ทำให้ตีความง่าย รวมทั้งรู้คำศัพท์เฉพาะทางวิทยาศาสตร์ เเม้บางครั้งจะไม่รู้ความหมายของคำศัพท์ เเต่จะรู้เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์โดยรวมว่าเขาจะพูดถึงอะไร
สุดท้าย ผมมีสอบอีก 2 รอบ เพราะกลัวว่ารอบเเรกอาจจะไม่ผ่านเเต่ผ่านไปเเล้ว ถ้ามีโอกาสหรือมีคนสนใจจะกลับมารีวิวใหม่
รีวิวการสอบ TOEFL ITP (computer-base) ของ Westminster ที่จังหวัด ขอนแก่น
นี้คือบทความรีวิวประสบการณ์สอบของตัวผมเองคนเดียวเท่านั้น เพื่อไว้เเบ่งบันหรือทบทวนหากต้องการสอบอีกรอบ หากผิดพลาดตรงไหนก็สามารถบอกกันได้เลยครับ
>> เว็บไซต์: https://westminster.co.th/exam-toefl/
>> สถานที่: ซี.พี.ทาวเวอร์ ขอนแก่น 3 (เปิดใหม่ ภาคอีสาน)
>> สอบครั้งที่ 1 ครั้งเเรก 473 คะเเนน (B1)
>> รูปเเบบการสอบ 2 เเบบทั้งกระดาษ (รู้ผลทันทีทางการ 3-4 วัน ต้องส่งไปตรวจที่ศูนย์ใหญที่กทม.) และคอมพิวเตอร์ (รู้ผลทันที เเต่ไม่ทางการ)
>> ผมสอบเเบบคอมราคา 2050 บาท ร่วมค่าส่งผลทางไปรษณีย์
>> เปิดสอบเป็นบ้างวันและเเต่ละศูนย์สอบเเตกต่างกัน ซึ่งสามารถสอบได้ทั้ง IELTS และ TOEFL ITP **เปิดสอน IELTS ด้วย**
>> การบริการดีเยี่ยม มีการโทรมาเเจ้งเวลาการสอบ 1 ชั่วโมงก่อนสอบ เวลาเข้าไปสอบพกเเค่บัตรประชาชน เพื่อใช้ยืนยันตัวตนเท่านั้น ตอนผมไปสอบเขาจะมีล็อกเกอร์ให้เก็บของ สะดวกและปลอดภัย ในการสอบเเบบคอมพิวเตอร์เขาจะให้ดินสอกับกระดาษทดมาด้วย รู้ผลทันทีหลังสอบเสร็จ ในขั้นตอนนี้เราสามารถจดคะเเนนสอบอย่างไม่เป็นทางการของเราออกมาได้เท่านัน้ เดี่ยวเจ้าหน้าที่จะฉีกเเบ่งให้ (เเทบไม่ได้ทดเพราะมันเร็วมาก)
>> เริ่มสอบ **ทุกส่วนของการสอบจะมีคำเเนะนำให้อ่านและฟัง (ภาษาอังกฤษ) พร้อมยกตัวอย่างก่อนเริ่มทำเเต่ละพาทเสมอ**
ส่วนที่ 1 : การฟัง (Listening Comprehension) 35 นาที (50 ข้อ) ** ฟังรอบเดียวไม่มีทวน** (46 คะเเนน = B1)
>> ฟังบทบทสนทนาสั้น ๆ เเล้วตอบคำถาม ภายใน 12 วินาทีหลังจากอ่านคำถามเสร็จ <25 ข้อ> --- พยายามอ่านตัวเลือกให้ไว เเละเลือกสักข้อไว้ก่อนเพราะหากครบเวลาเเล้ว ถ้าเราไม่เลือกมันจะข้ามไปเลยกลับมาทำใหม่ไม่ได้ = 0 คะเเนน **เวลาจับใจความไม่ทันให้เลือกข้อที่มีคำศัพท์ในบทสนทนา**
>> ฟังบทบทสนทนายาว เเล้วตอบคำถาม ภายใน 12 วินาทีหลังจากอ่านคำถามเสร็จ <25 ข้อ> --- เวลาฟังบทสนทนาจะมีตัวเลือกของเเต่ละข้อเเสดงขึ้นมาหมด เช่น หากบทสนทนานี้ต้องตอบ 3 ข้อ ก็จะขึ้นมาพร้อมกันทั้ง 3 ข้อ เเต่จะไม่มีคำถาม เมื่อฟังเสร็จค่อยถามเเต่ละข้อ **พยายามกวาดสายตาตัวเลือกทั้งหมดหาศัพท์ที่ตรงกับบทสนทนา เเละพยายามตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูด อย่าไปโฟกัสตัวเลือกมาก เดี๋ยวจะหลุดโฟกัส**
สำคัญที่สุดคือต้องมีสมาธิเพราะข้อสอบเเต่ละข้อผ่านไปเร็วมาก หากคิดไม่ได้ฟังไม่ทันก็ผ่านหรือเดาไปเลย และห้ามสนใจสิ่งรอบข้าง ส่วนตัวผมเปิดเสียงดัง ๆ ให้มันกลบเสียงรอบข้างทั้งหมด
ส่วนที่ 2 : ไวยากรณ์ (Structure & Written Expression) 25 นาที <40 ข้อ> ** สามารถย้อนกลับมาทำได้ ** (48 คะเเนน = B1)
>> เติมคำลงในช่องว่าง
>> Error Identification
-- โดยรวมพยายามฝึกทำข้อสอบบ่อย ๆ เเละต้องเร็ว รีบมองหาจุดผิด อย่างเเรกเลยรีบหาประธานและดูว่ากริยาสอดคล้องกันไหม ส่วนใหญ่ที่เจอก็จะเกี่ยวกับการใช้พวก adj, adv, N, V(ed & ing), active/passive voice, model V., tense , the most, wh- (+S+V), more than, one of, ....ประมาณนี้ เน้นเลยต้องเร็ว มองเเล้วตอบ!
ส่วนที่ 3 : การอ่าน (Reading Comprehension) 55 นาที <50 ข้อ> ** สามารถย้อนกลับมาทำได้ ** (48 คะเเนน = B1)
>> ส่วนนี้จะยากที่ศัพท์ ตัวบทความที่ต้องตีความหมาย และคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย ต้องอาศัยการทำข้อสอบเเล้วจำเอาบ่อย ๆ ในการทำตัวบทความจะขึ้นคู่กับคำถามและตัวเลือกทำให้เราไม่ต้องเปิดไปมา -- เทคนิคที่ผมใช้เลยคืออ่านคำถามก่อนโดยเฉพาะคำถามที่ผ่านมาอันนี้คืออะไรหรือมีความหมายใกล้เคียงกับคำว่าอะไร เช่น them จากประโยคคืออะไร หรือ enhance มีความหมายใกล้เคียงกับอะไร ผมจะรีบทำข้อพวกนี้ก็ก่อน เพราะอย่างเเรกเราไม่ต้องตีความเยอะมันเป็นข้อมูลที่ให้มาเเล้ว ถ้าตัว them หรือ it หมายถึงอะไร ก็ต้องหาจากคำนามที่อยู่ก่อนสรรพนามพวกนี้ ส่วนพวกความหายอาจจะต้องรู้คำศัพท์จากตัวเลือกด้วย ข้อที่ผมเจอเลยคือ enhance ตัวเลือกที่เจอ increasing ผมตอบเลยจำความหายได้ มันจะทำให้เรามีเวลาทำข้ออื่นมากขึ้น ส่วนตัวผมทำเกือบไม่ทันบทความสุดท้ายเหลือ 3 นาทีกับ 5 คำถาม กว่าจะอ่านบทความก็น่าจะหมดเวลาเเล้ว ไปอ่านคำถามเเล้วหากหาคำศัพย์ที่เจอในบทความเลย
สิ่งสำคัญที่สุดคือการบริหารเวลาในการสอบให้ดี ยิ่งส่วนการฟังถ้าเราหลุดไปเเล้วก็หลุดไปเลย เเล้วถ้าพลาดไม่เลือกไว้สักข้อก็เท่ากับว่าข้อนั้นโอกาสถูกเป็น 0
ส่วนเรื่องการเตรียมตัวสอบบอกเลยผมมีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก (ไม่ถึงอาทิตย์ ใช้บุญเก่าล้วน ๆ 55)
>> การฟังอันนี้ต้องฝึกเอง ให้ฝึกฟังจากบทสนทนาที่มันทางการจะได้คุ้นเคยกับเสียง จังหวะการพูด และความเร็ว --อันนี้ผมได้เปรียบตรงที่ไปฝึกงานต่างประเทศมา เเต่ในข้อสอบกับสนทนาจริงต่างกัน เพราะในข้อสอบเราไม่รู้ว่าเขาจะคุยอะไรกันและมันต้องคิดด้วยว่าเขาจะถามยังไง ซึ่งต่างจากบทสนทนาทั่วไปที่รับฟังเเล้วโต้ตอบคุยกันเราจะรู้เรื่องที่เราต้องคุยกันมาเเล้ว
>> ฝึกทำข้อสอบ grammar เยอะ ๆ จะช่วยได้ (ตัวผมทำข้อสอบน้อยมาก เเต่อาศัยว่าเราเข้าใจพื้นฐานและที่มาของเเต่ละตัวดี เช่น
เมื่อเราใช้สำนวน "one of + คำนามพหูพจน์" (เช่น one of the students, one of the books, one of my friends) กริยา (verb) ที่ตามมาจะต้องเป็นรูปเอกพจน์เสมอ เนื่องจากมันหมายถึง หนึ่งสิ่งที่มาจากหรืออยู่ในหลาย ๆ สิ่ง ซึ่งกริยาที่ตามมาก็ต้องสอดคล้องกับสิ่งที่เราอยากจะบอกนั้นคือคำว่าหนึ่งสิ่ง ดังนั้นกิริยาต้องเป็นเอกพจน์ หากเป็นการอ่านจะให้ดีเลยเราต้องบอกให้ได้ทั้งหมดว่าประโยคนี้ "One of the students is absent today." เเต่ละตัวคืออะไร คำนาม คำสรรพนาม คำเชื่อ คำขยาย คำวิเศษณ์ ยิ่งเราเข้าใจพื้นฐานเวลาสอบเราจะมองหาได้เร็ว เช่น ถ้าเจอคำที่ขีดเส้นใต้พวก model verb (can could must may will) + กิริยาไม่ผัน (infinitive verb) >> will to go X เเก้เป็น will go เป็นต้น
>> ส่วน reading ส่วนตัวอ่านงานวิจัยวิทยาศาสตร์บ่อย ๆ ทำให้ตีความง่าย รวมทั้งรู้คำศัพท์เฉพาะทางวิทยาศาสตร์ เเม้บางครั้งจะไม่รู้ความหมายของคำศัพท์ เเต่จะรู้เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์โดยรวมว่าเขาจะพูดถึงอะไร
สุดท้าย ผมมีสอบอีก 2 รอบ เพราะกลัวว่ารอบเเรกอาจจะไม่ผ่านเเต่ผ่านไปเเล้ว ถ้ามีโอกาสหรือมีคนสนใจจะกลับมารีวิวใหม่