ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ อยากสอบถามคนที่หลังมีลูก บ้านไหนผู้หญิงเป็นเสาหลักของบ้านบ้างคะ รู้สึกยังไงที่ต้องมีภาระมากมาย
ชีวิตมีค่า ค่าน้ำ ไฟ รถ บ้าน ของอุปโภคบริโภค และอีกมากมาย ส่วนตัวรู้สึกเหนื่อย เบื่อ คือจุดเริ่มต้นไม่ได้อยากมีลูก กลัวลูกลำบาก แต่พอมีก็รู้สึกว่าต้องให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก ตัวเราคือคิดว่าเลี้ยงไหวนะ แต่ค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน ทำใจหวั่นไหว อีกอย่างคือ เรามีลูกช้าทำให้พ่อแม่และครอบครัวช่วยเลี้ยงไม่ไหว เลยต้องเลี้ยงกันเองกับสามี และนี่คือจุดเริ่มต้นของคำถามถัดไป
ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ เริ่มระหองระแหง
ตัวเราเองใช่ว่าดี ไม่รู้ว่าทำไมเรื่อง พสพ.ถึงไม่อยากมีเลย นานทีปีหนมากๆ ปฏิเสธตลอด เอาแต่ใจที่1 ข้อดีของเราคือพยายามลดความโมโห หงุดหงิด เวลาเจอคำพูดแย่ๆของสามี แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน จริงๆก่อนมีลูกก็เคยทะเลาะเรื่องคำพูดของฝ่ายชายหลายๆครั้งที่กระโชกโฮกฮาก พูดหยาบคาย ด่าเก่ง อารมณ์ขึ้นง่าย ทั้งๆที่ก่อนแต่งไม่เป็นแบบนี้ และการทำงานหาเงินดูเหมือนขยันแต่ไม่มีเงินเก็บ (ไรเดอร์) พูดจนปากฉีกถึงรูหูก็เท่านั้น ความดีมีเรื่องเดียวคือยังเป็นห่วงเป็นใยเสมอต้นเสมอปลาย พอรู้ว่าท้องก็ดีใจยกใหญ่เพราะอยากมีไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีลูกเป็นของตัวเอง
ตอนเราท้อง ก็คุยกันว่าอยากเริ่มทำอะไรสักอย่างให้เป็นชิ้นเป็นอัน แต่จนคลอดก็ไม่ได้เริ่ม (เข้าใจว่าการเริ่มต้นใหม่มันยาก)
พอคลอดเราเลี้ยงลูกอยู่บ้าน สามีออกไปทำงานกลับดึกดื่น 3-5ทุ่ม แรกๆเราก็ไม่คิดอะไร แม่ถามก็บอกว่าเดี๋ยวกลับแล้วเพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วง จนวันที่ลูกเล็กวัยสองเดือนร้องไห้ทั้งวันแบบไม่รู้สาเหตุ สามีกลับมาคือตะโกนถามเลยว่าไม่เคยคิดจะช่วยกันเลี้ยงรึไง หาเงินได้เท่าไหร่เชียวกลับดึกขนาดนี้ หาเงินแต่ไม่เคยมีเงิน อยากมีเอาไปเลี้ยงเลยไม่รู้ร้องอะไรทั้งวัน นี่คือคำพูดของผญ.หลังคลอดฮอร์โมนพรุ่งพร่าน เดือดสุด ช่วงใกล้ต้องกลับไปทำงานเริ่มตกลงว่าจะให้สามีเลี้ยงลูกเพราะรายได้เรามากกว่า สามีใช้คำว่าจะให้เกาะเมียกินหรอ 😣 เราเข้าใจนะแต่ถ้าไม่เลี้ยงญาติๆก็เลี้ยงไม่ไหวเพราะอายุมากแล้ว สุดท้ายก็ต้องเลี้ยงค่ะ
สามีรักลูกมากนะคะ มากขนาดที่เราไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ผิดกับเราที่ดุ เหวี่ยง วีน โวยวายเวลาลูกร้องไห้ พูดไม่รู้เรื่อง (เด็กยังสื่อสารบอกความรู้สึกตัวเองไม่ได้) เข้าใจนะคะแต่มันหงุดหงิดมาก ต้องคอยพยายามสะกดจิตตัวเอง จนสามีเอ่ยปากว่าเราอาจจะเหนื่อยที่หาเงินคนเดียว ตัวเค้าเองเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่องอย่าไปดุลูกเลย เศร้านะที่ได้ยินแบบนี้ มันเหนื่อยจริงๆ ชีวิตตอนนี้เวลาต้องไปทำงาน ตื่นตี4 มาทำข้าวเตรียมไว้ให้พอกิน3มื้อ กลับมาบ้านต้องรีบๆกินข้าว พาลูกอาบน้ำ เข้านอนพร้อมกัน วันหยุดเลี้ยงลูกเต็มวัน เรานอนร้องไห้กับตัวเองบ่อย ๆ เพราะเวลาเรากลับจากทำงานสามีก็ออกไปทำงานตอนกลางคืน ก่อนออกก็มีขอค่าน้ำมันบ่อยๆ เราก็บ่นว่าขอทุกรอบออกไปทำงานไม่เห็นได้เงิน สู้เอาเวลามาพักผ่อนดูแลสุขภาพไม่ดีกว่าหรอ ทำแบบนี้ร่างกายมีแต่จะทรุดโทรม ทะเลาะกันส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเงิน คือก่อนนี้เคยบอกว่าจะโอนให้เป็นเดือนเป็นสัปดาห์ ซึ่งสามีไม่เอาบอกว่าขนาดขอแค่ตอนออกไปวิ่งงานยังบ่นเลย ไม่กล้าเอาเงินเราหรอก เราอยากมีโมเมนท์อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา เข้านอนพร้อมกันตลอดๆ แต่คงไม่มีวันนั้นแน่ๆ
ขอพูดเรื่ิองเงินหน่อยค่ะ ทั้งชีวิตคิดมาตลอดว่าต้องหาเงินให้มากๆจะได้แก่ไปไม่ลำบาก เงินเลยเป็นเรื่องใหญ่มากหลังมีลูก ทุกอย่างต้องใช้เงินจริงๆ ตัวเราเริ่มรู้สึกถูกเอาเปรียบ ไม่รู้ทำไมถึงมีความคิดนี้ รู้สึกแย่กับตัวเองมาก ตอนนี้บริหารจัดการเงินไม่ถูก กลัวไม่พอค่าเล่าเรียนลูก ค่าครองชีพ ประกันสุขภาพที่ต้องมีในยุคนี้อีก หลายๆอย่างพาเราสับสน เบื่อชีวิตและเหนื่อยมาก
มีใครพอแนะนำหรือแชร์ประสบการณ์ดีดีให้เราฟังเพื่อปรับทัศนคติตัวเราบ้างคะ
หลังมีลูก บ้านไหนผู้หญิงเป็นเสาหลักของบ้านบ้างคะ รู้สึกยังไงที่ต้องมีภาระมากมาย เงินสำคัญมั๊ยและความสัมพันธ์เป็นยังไง
ชีวิตมีค่า ค่าน้ำ ไฟ รถ บ้าน ของอุปโภคบริโภค และอีกมากมาย ส่วนตัวรู้สึกเหนื่อย เบื่อ คือจุดเริ่มต้นไม่ได้อยากมีลูก กลัวลูกลำบาก แต่พอมีก็รู้สึกว่าต้องให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก ตัวเราคือคิดว่าเลี้ยงไหวนะ แต่ค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน ทำใจหวั่นไหว อีกอย่างคือ เรามีลูกช้าทำให้พ่อแม่และครอบครัวช่วยเลี้ยงไม่ไหว เลยต้องเลี้ยงกันเองกับสามี และนี่คือจุดเริ่มต้นของคำถามถัดไป
ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ เริ่มระหองระแหง
ตัวเราเองใช่ว่าดี ไม่รู้ว่าทำไมเรื่อง พสพ.ถึงไม่อยากมีเลย นานทีปีหนมากๆ ปฏิเสธตลอด เอาแต่ใจที่1 ข้อดีของเราคือพยายามลดความโมโห หงุดหงิด เวลาเจอคำพูดแย่ๆของสามี แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน จริงๆก่อนมีลูกก็เคยทะเลาะเรื่องคำพูดของฝ่ายชายหลายๆครั้งที่กระโชกโฮกฮาก พูดหยาบคาย ด่าเก่ง อารมณ์ขึ้นง่าย ทั้งๆที่ก่อนแต่งไม่เป็นแบบนี้ และการทำงานหาเงินดูเหมือนขยันแต่ไม่มีเงินเก็บ (ไรเดอร์) พูดจนปากฉีกถึงรูหูก็เท่านั้น ความดีมีเรื่องเดียวคือยังเป็นห่วงเป็นใยเสมอต้นเสมอปลาย พอรู้ว่าท้องก็ดีใจยกใหญ่เพราะอยากมีไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีลูกเป็นของตัวเอง
ตอนเราท้อง ก็คุยกันว่าอยากเริ่มทำอะไรสักอย่างให้เป็นชิ้นเป็นอัน แต่จนคลอดก็ไม่ได้เริ่ม (เข้าใจว่าการเริ่มต้นใหม่มันยาก)
พอคลอดเราเลี้ยงลูกอยู่บ้าน สามีออกไปทำงานกลับดึกดื่น 3-5ทุ่ม แรกๆเราก็ไม่คิดอะไร แม่ถามก็บอกว่าเดี๋ยวกลับแล้วเพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วง จนวันที่ลูกเล็กวัยสองเดือนร้องไห้ทั้งวันแบบไม่รู้สาเหตุ สามีกลับมาคือตะโกนถามเลยว่าไม่เคยคิดจะช่วยกันเลี้ยงรึไง หาเงินได้เท่าไหร่เชียวกลับดึกขนาดนี้ หาเงินแต่ไม่เคยมีเงิน อยากมีเอาไปเลี้ยงเลยไม่รู้ร้องอะไรทั้งวัน นี่คือคำพูดของผญ.หลังคลอดฮอร์โมนพรุ่งพร่าน เดือดสุด ช่วงใกล้ต้องกลับไปทำงานเริ่มตกลงว่าจะให้สามีเลี้ยงลูกเพราะรายได้เรามากกว่า สามีใช้คำว่าจะให้เกาะเมียกินหรอ 😣 เราเข้าใจนะแต่ถ้าไม่เลี้ยงญาติๆก็เลี้ยงไม่ไหวเพราะอายุมากแล้ว สุดท้ายก็ต้องเลี้ยงค่ะ
สามีรักลูกมากนะคะ มากขนาดที่เราไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ผิดกับเราที่ดุ เหวี่ยง วีน โวยวายเวลาลูกร้องไห้ พูดไม่รู้เรื่อง (เด็กยังสื่อสารบอกความรู้สึกตัวเองไม่ได้) เข้าใจนะคะแต่มันหงุดหงิดมาก ต้องคอยพยายามสะกดจิตตัวเอง จนสามีเอ่ยปากว่าเราอาจจะเหนื่อยที่หาเงินคนเดียว ตัวเค้าเองเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่องอย่าไปดุลูกเลย เศร้านะที่ได้ยินแบบนี้ มันเหนื่อยจริงๆ ชีวิตตอนนี้เวลาต้องไปทำงาน ตื่นตี4 มาทำข้าวเตรียมไว้ให้พอกิน3มื้อ กลับมาบ้านต้องรีบๆกินข้าว พาลูกอาบน้ำ เข้านอนพร้อมกัน วันหยุดเลี้ยงลูกเต็มวัน เรานอนร้องไห้กับตัวเองบ่อย ๆ เพราะเวลาเรากลับจากทำงานสามีก็ออกไปทำงานตอนกลางคืน ก่อนออกก็มีขอค่าน้ำมันบ่อยๆ เราก็บ่นว่าขอทุกรอบออกไปทำงานไม่เห็นได้เงิน สู้เอาเวลามาพักผ่อนดูแลสุขภาพไม่ดีกว่าหรอ ทำแบบนี้ร่างกายมีแต่จะทรุดโทรม ทะเลาะกันส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเงิน คือก่อนนี้เคยบอกว่าจะโอนให้เป็นเดือนเป็นสัปดาห์ ซึ่งสามีไม่เอาบอกว่าขนาดขอแค่ตอนออกไปวิ่งงานยังบ่นเลย ไม่กล้าเอาเงินเราหรอก เราอยากมีโมเมนท์อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา เข้านอนพร้อมกันตลอดๆ แต่คงไม่มีวันนั้นแน่ๆ
ขอพูดเรื่ิองเงินหน่อยค่ะ ทั้งชีวิตคิดมาตลอดว่าต้องหาเงินให้มากๆจะได้แก่ไปไม่ลำบาก เงินเลยเป็นเรื่องใหญ่มากหลังมีลูก ทุกอย่างต้องใช้เงินจริงๆ ตัวเราเริ่มรู้สึกถูกเอาเปรียบ ไม่รู้ทำไมถึงมีความคิดนี้ รู้สึกแย่กับตัวเองมาก ตอนนี้บริหารจัดการเงินไม่ถูก กลัวไม่พอค่าเล่าเรียนลูก ค่าครองชีพ ประกันสุขภาพที่ต้องมีในยุคนี้อีก หลายๆอย่างพาเราสับสน เบื่อชีวิตและเหนื่อยมาก
มีใครพอแนะนำหรือแชร์ประสบการณ์ดีดีให้เราฟังเพื่อปรับทัศนคติตัวเราบ้างคะ