นักดาราศาสตร์พบกาแล็กซีสองแห่งที่กำลังควบรวมกันอย่างรุนแรง ในระดับที่มีการ ‘แทง’ ทะลุกาแล็กซีอีกแห่งด้วยรังสีอันเข้มข้น และอาจส่งผลต่อการกำเนิดดาวฤกษ์ของกาแล็กซีได้โดยตรง
กาแล็กซีทั้งสองแห่งนี้ เคลื่อนตัวเข้าหากันด้วยความเร็วมากกว่า 500 กิโลเมตร/วินาที ก่อนเฉี่ยวผ่านไปและวนกลับมาพุ่งเข้าหากันใหม่ จนทำให้ Pasquier Noterdaeme หัวหน้าคณะวิจัยร่วมจาก Institut d'Astrophysique de Paris ตั้งชื่อให้ระบบกาแล็กซีนี้ว่า ‘การประลองกันในห้วงจักรวาล’ หรือ Cosmic Joust
การตั้งชื่อ Cosmic Joust นั้นเป็นการเปรียบเทียบกับการแข่งขันกีฬาในยุคกลาง ต่างเพียงหนึ่งในอัศวินของสนามประลองจักรวาลของเราไม่ได้มีน้ำใจนักกีฬามากนัก เพราะมันใช้เควซาร์ (Quasar) เป็นดั่งหอกรังสีทิ่มแทงใส่คู่ต่อสู้
Sergei Balashev หัวหน้าคณะวิจัยร่วมจาก Ioffe Institute เปิดเผยว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นผลกระทบของรังสีจากเควซาร์ ที่มีต่อโครงสร้างของกลุ่มก๊าซภายในกาแล็กซีได้โดยตรง”
เควซาร์ ย่อมาจาก Quasi-Stellar Radio Sources หรือแปลว่าแหล่งกำเนิดคลื่นวิทยุคล้ายดาวฤกษ์ คือนิวเคลียสของกาแล็กซีที่มีความสว่างสูง ซึ่งเป็นผลมาจากการดึงดูดมวลสารปริมาณมหาศาลของหลุมดำมวลยิ่งยวด และสามารถปลดปล่อยรังสีออกมาได้อย่างมหาศาล จนเป็นหนึ่งในวัตถุที่สว่างที่สุดในเอกภพ ซึ่งรังสีดังกล่าวอาจทำให้เกิดความปั่นป่วนของกลุ่มก๊าซและฝุ่นเมฆในอีกกาแล็กซีหนึ่ง จนอาจเหลือบริเวณที่สามารถให้กำเนิดดาวฤกษ์ได้แค่ไม่กี่แห่งเท่านั้น
นอกจากผลกระทบต่อจำนวนดาวฤกษ์ที่จะเกิดขึ้นมาได้แล้ว เมื่อกาแล็กซีทั้งสองแห่งควบรวมกันกลายเป็นกาแล็กซีเดียวกัน ฝุ่นก๊าซต่าง ๆ ก็จะถูกหลุมดำมวลยิ่งยวดที่ใจกลางกลืนกินต่อ กลายเป็นพลังงานสำคัญที่ทำให้เควซาร์ดังกล่าวยังคงอยู่รอดต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม แสงจากเหตุการณ์ที่เราเห็นนั้นเกิดขึ้นเมื่อ 11,000 ล้านปีที่แล้ว หรือเมื่อเอกภพยังมีอายุเพียง 18% ของช่วงเวลาในปัจจุบัน แต่แสงจากการประลองยุทธภพแห่งมวลดาราจักร เพิ่งเดินทางมาถึงโลกของเรา
งานวิจัยดังกล่าวได้ใช้กล้อง ALMA และอุปกรณ์ X-shooter บนกล้อง VLT ของ ESO เพื่อศึกษากระบวนการควบรวมกันของกาแล็กซีทั้งสองแห่ง และผลกระทบที่ได้รับจากการประลองกันของกาแล็กซียุคเก่าแก่ดังกล่าว และจะได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nature

cr.KornKT
ศึกยุทธภพแห่งมวลดาราจักร!
กาแล็กซีทั้งสองแห่งนี้ เคลื่อนตัวเข้าหากันด้วยความเร็วมากกว่า 500 กิโลเมตร/วินาที ก่อนเฉี่ยวผ่านไปและวนกลับมาพุ่งเข้าหากันใหม่ จนทำให้ Pasquier Noterdaeme หัวหน้าคณะวิจัยร่วมจาก Institut d'Astrophysique de Paris ตั้งชื่อให้ระบบกาแล็กซีนี้ว่า ‘การประลองกันในห้วงจักรวาล’ หรือ Cosmic Joust
การตั้งชื่อ Cosmic Joust นั้นเป็นการเปรียบเทียบกับการแข่งขันกีฬาในยุคกลาง ต่างเพียงหนึ่งในอัศวินของสนามประลองจักรวาลของเราไม่ได้มีน้ำใจนักกีฬามากนัก เพราะมันใช้เควซาร์ (Quasar) เป็นดั่งหอกรังสีทิ่มแทงใส่คู่ต่อสู้
Sergei Balashev หัวหน้าคณะวิจัยร่วมจาก Ioffe Institute เปิดเผยว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นผลกระทบของรังสีจากเควซาร์ ที่มีต่อโครงสร้างของกลุ่มก๊าซภายในกาแล็กซีได้โดยตรง”
เควซาร์ ย่อมาจาก Quasi-Stellar Radio Sources หรือแปลว่าแหล่งกำเนิดคลื่นวิทยุคล้ายดาวฤกษ์ คือนิวเคลียสของกาแล็กซีที่มีความสว่างสูง ซึ่งเป็นผลมาจากการดึงดูดมวลสารปริมาณมหาศาลของหลุมดำมวลยิ่งยวด และสามารถปลดปล่อยรังสีออกมาได้อย่างมหาศาล จนเป็นหนึ่งในวัตถุที่สว่างที่สุดในเอกภพ ซึ่งรังสีดังกล่าวอาจทำให้เกิดความปั่นป่วนของกลุ่มก๊าซและฝุ่นเมฆในอีกกาแล็กซีหนึ่ง จนอาจเหลือบริเวณที่สามารถให้กำเนิดดาวฤกษ์ได้แค่ไม่กี่แห่งเท่านั้น
นอกจากผลกระทบต่อจำนวนดาวฤกษ์ที่จะเกิดขึ้นมาได้แล้ว เมื่อกาแล็กซีทั้งสองแห่งควบรวมกันกลายเป็นกาแล็กซีเดียวกัน ฝุ่นก๊าซต่าง ๆ ก็จะถูกหลุมดำมวลยิ่งยวดที่ใจกลางกลืนกินต่อ กลายเป็นพลังงานสำคัญที่ทำให้เควซาร์ดังกล่าวยังคงอยู่รอดต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม แสงจากเหตุการณ์ที่เราเห็นนั้นเกิดขึ้นเมื่อ 11,000 ล้านปีที่แล้ว หรือเมื่อเอกภพยังมีอายุเพียง 18% ของช่วงเวลาในปัจจุบัน แต่แสงจากการประลองยุทธภพแห่งมวลดาราจักร เพิ่งเดินทางมาถึงโลกของเรา
งานวิจัยดังกล่าวได้ใช้กล้อง ALMA และอุปกรณ์ X-shooter บนกล้อง VLT ของ ESO เพื่อศึกษากระบวนการควบรวมกันของกาแล็กซีทั้งสองแห่ง และผลกระทบที่ได้รับจากการประลองกันของกาแล็กซียุคเก่าแก่ดังกล่าว และจะได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nature
cr.KornKT