ส่อง 3 กิจการที่ยังเหลืออยู่ การจัดการธุรกิจของร็อกสตาร์ “เสก โซโล” เป็นอย่างไร ?
“เสกสรรค์ ศุขพิมาย” หรือที่คนไทยรู้จักในนาม “เสก โลโซ” ในโลกของดนตรีเป็นที่รู้กันดีว่า เก่งกาจแค่ไหน จนได้ชื่อว่า ร็อกสตาร์คนหนึ่งของไทย จากความสำเร็จของงานเพลงที่โด่งดังมาอย่างยาวนาน ไม่ว่า 14 อีกครั้ง, ใจสั่งมา, ฝนตกที่หน้าต่าง, ซมซาน หรืออมพระมาพูด
ประวัติร็อกสตาร์เมืองไทย
เสกสรรค์ ศุขพิมาย เกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2517 เป็นนักร้อง นักดนตรี และนักแต่งเพลงชาวไทย มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดนครราชสีมา จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนวัดโคกหนองไผ่
ก่อนที่เขาจะร่วมวง “โลโซ” เสกได้ตระเวนเล่นดนตรีอาชีพตามผับในหลายจังหวัด จนมามีผลงานอัลบั้มโลโซไซตี้ ในนามวงโลโซ กับดนตรีแนวร็อก โดยมีเพลงดังอย่างฉันหรือเธอที่เปลี่ยนไป ในปี 2546 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ก่อนที่จะมีผลงานเดียว และร่วมกับศิลปินดังอีกมากมายในเวลาต่อมา
ความนิยมของเสกในตอนนั้นขายอัลบั้มได้หลักล้านตลับ และมีเพลงฮิตติดต่อกันมากมาย ทำให้เขาได้ค่าลิขสิทธิ์ต่อเพลงจากต้นสังกัดอย่างแกรมมี่มาโดยตลอด เรียกได้ว่ามีแค่อาชีพเดียวก็สามารถอยู่ได้อย่างสบาย ๆ แต่ชีวิตก็ต้องไปต่อ และสิ่งที่มีต้องถูกต่อยอด
จาก 8 เหลือ 3 กิจการ
เสกก่อตั้งธุรกิจเป็นของตัวเอง ตั้งแต่บันเทิง ประเภทที่ถนัดที่สุด เครื่องดื่มที่มีทั้งแบบมีและไม่มีแอลกอฮอล์ และมินิมาร์ต ทั้งหมด 8 บริษัท ก่อนที่ปัจจุบันจะเหลือเพียง 3 บริษัทที่ยังดำเนินกิจการอยู่ ได้แก่
1. บริษัท ศุขพิมาย จำกัด ดำเนินธุรกิจประกอบกิจการด้านความบันเทิง จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2547 ด้วย
ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท
มูลค่าบริษัท 2,043,694 บาท
ผลประกอบการปี 2567 รายได้รวม 101,011 บาท ขาดทุนสุทธิ 160,299 บาท
2. บริษัท โลโซ เอนเทอร์เทนเมนท์ จำกัด ดำเนินธุรกิจบริการด้านการบันเทิง จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2540
ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท
มูลค่าบริษัท 32,883,817 บาท
ผลประกอบการปี 2566 รายได้รวม 3,176,041 บาท กำไรสุทธิ 635,784 บาท
3. บริษัท โลโซ-ดี จำกัด ดำเนินธุรกิจประกอบกิจการด้านบันเทิง จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2558
ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท
มูลค่าบริษัท -5,143,904 บาท
ผลประกอบการปี 2566 รายได้รวม 1,220,000 บาท กำไรสุทธิ 793,306 บาท
ขณะที่กิจการอีก 5 บริษัทขึ้นสถานะว่า เสร็จการชำระบัญชี ได้แก่
– บริษัท โลโซ ดริ้งกิ้งวอเตอร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจการขายส่งเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
– บริษัท โลโซ บีแอนด์เอ จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม เบียร์สุรา เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำผลไม้ เครื่องดื่มกรีนที โซดา
– บริษัท โลโซ มิวสิค จำกัด ดำเนินธุรกิจกิจกรรมด้านความบันเทิงและการนันทนาการอื่น ๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น
– บริษัท โลโซ เบฟเวอเรจแอนด์อไลเม้นท์ จำกัด ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ/มินิมาร์ต
– บริษัท โลโซ โฮลดิ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจการขายส่งสินค้าทั่วไป โดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง
คิดการใหญ่ แต่สายป่านสั้น
สำหรับโลกธุรกิจของเสก โซโล่ เขาเล่าผ่านรายการ กรรมการข่าว คุยนอกจอ ว่า หลังจากหย่ากับภรรยา ก็มีความคิดจะเอาเงินไปต่อยอดตาม “คาราบาวแดง” ที่ประสบความสำเร็จ ประกอบกับลูกน้องมาเสนอว่า ทำอันนี้สิ มันขายได้ ซึ่งมันก็ขายได้จริงในช่วงนั้น แต่พอจะไปสู้ยี่ห้ออื่นกลับสู้เขาไม่ได้
เขายอมรับว่า ต้องใช้เงินจำนวนมาก ในตอนนั้นยังจ้างคนผลิต แต่ก็ยังเข้าร้านสะดวกซื้อไม่ได้ เนื่องจากมีเจ้าของตลาดอยู่แล้ว ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังใช้เงิน 36,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันเงินหลักร้อยล้านของเรา มันขี้ปะติ๋วมาก ด้วยสถานะของเจ้าตลาดที่ยังครองพื้นที่ เสกเล่าว่าเคยเข้าไปคุยแล้ว แต่เขาก็เกรงใจเจ้าถิ่น
ตอนที่ศึกษาการตลาดในร้านสะดวกซื้อว่าต้องมีสินค้าสต๊อก 3 เดือนถึงจ่ายเงินให้ แต่เขาไม่มีทุนมากมายขนาดนั้น ก็เลยเจ๊ง เงินหายไปร้อยล้านกับ 2 ปีที่ทำ
“ผมทำหมดทุกอย่าง ทำเพลง ซื้อโฆษณา ลูกน้องก็เอาไปทำการตลาด ตั้งบูทแจกทดลองกิน สู้มา 2 ปี ผมบอกว่าถ้าหมด 100 ล้านผมพอเลย เพราะต้องเก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นต่าง ๆ นานา”
ก่อนที่เขาจะยอมรับว่า สำหรับเรื่องธุรกิจเขาคิดการใหญ่เกินไป ถ้าไม่ดิ้นรนก็ไม่เสีย 100 ล้าน เสียดายแต่ก็ต้องตัดใจ เขาคิดว่าจะดูแลทุกคน ทั้งครอบครัวและคนที่ทำดนตรีด้วยกัน ถ้าทำโลโซดีแล้วประสบความสำเร็จก็จะดูแลได้หมด แต่มันก็ผ่านไปแล้ว
รู้จัก 3 กิจการ “เสก โลโซ” ธุรกิจของร็อกสตาร์ประสบความสำเร็จแค่ไหน
ประวัติร็อกสตาร์เมืองไทย
เสกสรรค์ ศุขพิมาย เกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2517 เป็นนักร้อง นักดนตรี และนักแต่งเพลงชาวไทย มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดนครราชสีมา จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนวัดโคกหนองไผ่
ก่อนที่เขาจะร่วมวง “โลโซ” เสกได้ตระเวนเล่นดนตรีอาชีพตามผับในหลายจังหวัด จนมามีผลงานอัลบั้มโลโซไซตี้ ในนามวงโลโซ กับดนตรีแนวร็อก โดยมีเพลงดังอย่างฉันหรือเธอที่เปลี่ยนไป ในปี 2546 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ก่อนที่จะมีผลงานเดียว และร่วมกับศิลปินดังอีกมากมายในเวลาต่อมา
ความนิยมของเสกในตอนนั้นขายอัลบั้มได้หลักล้านตลับ และมีเพลงฮิตติดต่อกันมากมาย ทำให้เขาได้ค่าลิขสิทธิ์ต่อเพลงจากต้นสังกัดอย่างแกรมมี่มาโดยตลอด เรียกได้ว่ามีแค่อาชีพเดียวก็สามารถอยู่ได้อย่างสบาย ๆ แต่ชีวิตก็ต้องไปต่อ และสิ่งที่มีต้องถูกต่อยอด
จาก 8 เหลือ 3 กิจการ
เสกก่อตั้งธุรกิจเป็นของตัวเอง ตั้งแต่บันเทิง ประเภทที่ถนัดที่สุด เครื่องดื่มที่มีทั้งแบบมีและไม่มีแอลกอฮอล์ และมินิมาร์ต ทั้งหมด 8 บริษัท ก่อนที่ปัจจุบันจะเหลือเพียง 3 บริษัทที่ยังดำเนินกิจการอยู่ ได้แก่
1. บริษัท ศุขพิมาย จำกัด ดำเนินธุรกิจประกอบกิจการด้านความบันเทิง จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2547 ด้วย
ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท
มูลค่าบริษัท 2,043,694 บาท
ผลประกอบการปี 2567 รายได้รวม 101,011 บาท ขาดทุนสุทธิ 160,299 บาท
ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท
มูลค่าบริษัท 32,883,817 บาท
ผลประกอบการปี 2566 รายได้รวม 3,176,041 บาท กำไรสุทธิ 635,784 บาท
ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท
มูลค่าบริษัท -5,143,904 บาท
ผลประกอบการปี 2566 รายได้รวม 1,220,000 บาท กำไรสุทธิ 793,306 บาท
– บริษัท โลโซ ดริ้งกิ้งวอเตอร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจการขายส่งเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
– บริษัท โลโซ บีแอนด์เอ จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม เบียร์สุรา เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำผลไม้ เครื่องดื่มกรีนที โซดา
– บริษัท โลโซ มิวสิค จำกัด ดำเนินธุรกิจกิจกรรมด้านความบันเทิงและการนันทนาการอื่น ๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น
– บริษัท โลโซ เบฟเวอเรจแอนด์อไลเม้นท์ จำกัด ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ/มินิมาร์ต
– บริษัท โลโซ โฮลดิ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจการขายส่งสินค้าทั่วไป โดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง
คิดการใหญ่ แต่สายป่านสั้น
สำหรับโลกธุรกิจของเสก โซโล่ เขาเล่าผ่านรายการ กรรมการข่าว คุยนอกจอ ว่า หลังจากหย่ากับภรรยา ก็มีความคิดจะเอาเงินไปต่อยอดตาม “คาราบาวแดง” ที่ประสบความสำเร็จ ประกอบกับลูกน้องมาเสนอว่า ทำอันนี้สิ มันขายได้ ซึ่งมันก็ขายได้จริงในช่วงนั้น แต่พอจะไปสู้ยี่ห้ออื่นกลับสู้เขาไม่ได้
เขายอมรับว่า ต้องใช้เงินจำนวนมาก ในตอนนั้นยังจ้างคนผลิต แต่ก็ยังเข้าร้านสะดวกซื้อไม่ได้ เนื่องจากมีเจ้าของตลาดอยู่แล้ว ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังใช้เงิน 36,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันเงินหลักร้อยล้านของเรา มันขี้ปะติ๋วมาก ด้วยสถานะของเจ้าตลาดที่ยังครองพื้นที่ เสกเล่าว่าเคยเข้าไปคุยแล้ว แต่เขาก็เกรงใจเจ้าถิ่น
ตอนที่ศึกษาการตลาดในร้านสะดวกซื้อว่าต้องมีสินค้าสต๊อก 3 เดือนถึงจ่ายเงินให้ แต่เขาไม่มีทุนมากมายขนาดนั้น ก็เลยเจ๊ง เงินหายไปร้อยล้านกับ 2 ปีที่ทำ
“ผมทำหมดทุกอย่าง ทำเพลง ซื้อโฆษณา ลูกน้องก็เอาไปทำการตลาด ตั้งบูทแจกทดลองกิน สู้มา 2 ปี ผมบอกว่าถ้าหมด 100 ล้านผมพอเลย เพราะต้องเก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นต่าง ๆ นานา”
ก่อนที่เขาจะยอมรับว่า สำหรับเรื่องธุรกิจเขาคิดการใหญ่เกินไป ถ้าไม่ดิ้นรนก็ไม่เสีย 100 ล้าน เสียดายแต่ก็ต้องตัดใจ เขาคิดว่าจะดูแลทุกคน ทั้งครอบครัวและคนที่ทำดนตรีด้วยกัน ถ้าทำโลโซดีแล้วประสบความสำเร็จก็จะดูแลได้หมด แต่มันก็ผ่านไปแล้ว