ก.คลังและสรรพากรของไทยศึกษาเรื่องนี้มานานกว่า 35 ปีแล้วนะ
ทำไมจึงยังศึกษากันไม่เสร็จอีกงั้นรึ?
รบ.ไทยต้อง "กู้หนี้สาธารณะ" เพื่อให้ ปทท แบกรับ "กำไรของคนรวยหุ้น" มานานกว่า 35 ปีนี้ไปเพื่ออะไรกันนะ?
และ รบ.จะต้อง "กู้หนี้สาธารณะ" เพื่อมาแจก" ปชช ไปถึงเมื่อไหร่กันรึ?
ทำไม รบ.ไทยจึงคิดเป็นแค่จะขึ้นภาษี VAT โดยปล่อยให้คนรวยเลี่ยงภาษีทรัพย์สิน แต่สรรพากรอ้างว่าไม่เลี่ยงภาษีกันไปอีกนานแค่ไหนรึ?
รบ.ไม่รู้จริงๆรึว่าทำไม ปทท จึงมีความเหลื่อมล้ำและการคอรัปชั่นสูง?
จนคนไทยและประเทศชาติไม่สามารถพัฒนาไปต่อได้มานานหลายทศวรรษ และใน "รุนแรง" มากขึ้นเรื่อยๆจนถึงปัจจุบันนี้?
CR:
https://thunhoon.com/article/242463
ถือเป็นเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ก็ได้กับ “การจัดเก็บภาษีกำไรขายหุ้น” ที่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาทุกครั้งของสภาพัฒน์ หวังจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประชากรไทยได้อีกทางหนึ่ง ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันที่วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ว่า ประเทศไทยเตรียมเก็บภาษีซื้อขายหุ้นกับนักลงทุนรายย่อยเพื่อเป็นช่องทางหารายได้เพิ่มเติมรัฐบาล โดยชี้ว่ารัฐบาลอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการเก็บภาษีซื้อขายหุ้นที่ถูกผ่อนผันมาตั้งแต่ปี 2534 โดยภาษีดังกล่าวจะเรียกเก็บ 0.11% สำหรับนักลงทุนที่มีปริมาณการซื้อขายมากกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน
ภาษีกำไรขายหุ้น หรือ capital gains taxes เป็นภาษีกำไรจากเงินลงทุนหรือภาษีเงินได้จากการ “ขาย” หลักทรัพย์กับ “บุคคลธรรมดา” อธิบายคือภาษีที่เรียกเก็บจากกำไรที่เราทำได้จากเงินลงทุน ซึ่งไม่เกี่ยวกับส่วนที่เป็นเงินปันผล เพราะส่วนนี้ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย 10% อยู่แล้ว
สำหรับประเทศไทย ณ ตอนนี้ มีการเก็บภาษีกับนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยยังได้รับข้อยกเว้น การเรียกเก็บภาษีดังกล่าวของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันออกไป บางประเทศมีเรียกเก็บ บางประเทศไม่มี
ประเทศที่มีการเรียกเก็บภาษีกำไรขายหุ้น ยกตัวอย่าง ประเทศอเมริกา เรียกเก็บภาษีกำไรขายหุ้น 20% และเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 CNN รายงานว่าไบเดนจะปรับเพิ่มเป็น 43.4% เกือบเท่าตัว สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ โดยที่ผลการขาดทุนสามารถนำมาลดหย่อนภาษีส่วนนี้ได้ และยิ่งลงทุนระยะยาวการเก็บภาษีก็จะลดลง
นอกจากนี้ยังมีประเทศแคนาดาเรียกเก็บภาษีกำไรขายหุ้น 50% จากกำไรที่ได้ ส่วนผลขาดทุนสามารถนำมาหักจากภาษีกำไรขายหุ้นได้เต็มจำนวน ประเทศฟินแลนด์กำไรขายหุ้น แยกเป็นหมวดหมู่รายได้พิเศษเพื่อเก็บภาษีในอัตรา 20% ประเทศญี่ปุ่นเรียกเก็บภาษี 30% ถ้าขาดทุนสามารถนำมาหักออกได้ ประเทศอินเดียเก็บภาษีตามระยะเวลาที่ลงทุน และภาษีกำไรขายหุ้นสามารถนำอัตราเงินฟ้อมาลดหย่อนได้อีกด้วย ประเทศจีนเรียกเก็บภาษีกำไรขายหุ้น 20%
ส่วนประเทศที่ไม่มีการเรียกเก็บภาษีกำไรขายหุ้น เช่น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฯลฯ จากข่าวกรณีดังกล่าว หากลองเปรียบเทียบกับประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ด้วยกัน พบว่า ไม่มีประเทศไหนเลยที่จัดเก็บภาษีประเภทนี้ แน่นอนว่ากรแสนักลงทุนส่วนมากออกมาแสดงความเห็นไม่ชอบใจ หากการเรียกเก็บอัตราภาษีอาจจะส่งผลให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะไปลงทุน แต่ก็มีนักลงทุนบางส่วนที่มีความคิดว่าการลงทุนต้องเสียภาษี แล้วผู้อ่านมีความเห็นอย่างไรบ้าง?
ทำไมสรรพากรไทยยกเว้นภาษีกำไรของคนขายหุ้น (CGT) ในขณะที่ประเทศอื่นๆขึ้นอัตราภาษีกำไรขายหุ้นกัน?
ทำไมจึงยังศึกษากันไม่เสร็จอีกงั้นรึ?
รบ.ไทยต้อง "กู้หนี้สาธารณะ" เพื่อให้ ปทท แบกรับ "กำไรของคนรวยหุ้น" มานานกว่า 35 ปีนี้ไปเพื่ออะไรกันนะ?
และ รบ.จะต้อง "กู้หนี้สาธารณะ" เพื่อมาแจก" ปชช ไปถึงเมื่อไหร่กันรึ?
ทำไม รบ.ไทยจึงคิดเป็นแค่จะขึ้นภาษี VAT โดยปล่อยให้คนรวยเลี่ยงภาษีทรัพย์สิน แต่สรรพากรอ้างว่าไม่เลี่ยงภาษีกันไปอีกนานแค่ไหนรึ?
รบ.ไม่รู้จริงๆรึว่าทำไม ปทท จึงมีความเหลื่อมล้ำและการคอรัปชั่นสูง?
จนคนไทยและประเทศชาติไม่สามารถพัฒนาไปต่อได้มานานหลายทศวรรษ และใน "รุนแรง" มากขึ้นเรื่อยๆจนถึงปัจจุบันนี้?
CR:https://thunhoon.com/article/242463
ถือเป็นเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ก็ได้กับ “การจัดเก็บภาษีกำไรขายหุ้น” ที่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาทุกครั้งของสภาพัฒน์ หวังจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประชากรไทยได้อีกทางหนึ่ง ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันที่วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ว่า ประเทศไทยเตรียมเก็บภาษีซื้อขายหุ้นกับนักลงทุนรายย่อยเพื่อเป็นช่องทางหารายได้เพิ่มเติมรัฐบาล โดยชี้ว่ารัฐบาลอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการเก็บภาษีซื้อขายหุ้นที่ถูกผ่อนผันมาตั้งแต่ปี 2534 โดยภาษีดังกล่าวจะเรียกเก็บ 0.11% สำหรับนักลงทุนที่มีปริมาณการซื้อขายมากกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน
ภาษีกำไรขายหุ้น หรือ capital gains taxes เป็นภาษีกำไรจากเงินลงทุนหรือภาษีเงินได้จากการ “ขาย” หลักทรัพย์กับ “บุคคลธรรมดา” อธิบายคือภาษีที่เรียกเก็บจากกำไรที่เราทำได้จากเงินลงทุน ซึ่งไม่เกี่ยวกับส่วนที่เป็นเงินปันผล เพราะส่วนนี้ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย 10% อยู่แล้ว
สำหรับประเทศไทย ณ ตอนนี้ มีการเก็บภาษีกับนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยยังได้รับข้อยกเว้น การเรียกเก็บภาษีดังกล่าวของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันออกไป บางประเทศมีเรียกเก็บ บางประเทศไม่มี
ประเทศที่มีการเรียกเก็บภาษีกำไรขายหุ้น ยกตัวอย่าง ประเทศอเมริกา เรียกเก็บภาษีกำไรขายหุ้น 20% และเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 CNN รายงานว่าไบเดนจะปรับเพิ่มเป็น 43.4% เกือบเท่าตัว สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ โดยที่ผลการขาดทุนสามารถนำมาลดหย่อนภาษีส่วนนี้ได้ และยิ่งลงทุนระยะยาวการเก็บภาษีก็จะลดลง
นอกจากนี้ยังมีประเทศแคนาดาเรียกเก็บภาษีกำไรขายหุ้น 50% จากกำไรที่ได้ ส่วนผลขาดทุนสามารถนำมาหักจากภาษีกำไรขายหุ้นได้เต็มจำนวน ประเทศฟินแลนด์กำไรขายหุ้น แยกเป็นหมวดหมู่รายได้พิเศษเพื่อเก็บภาษีในอัตรา 20% ประเทศญี่ปุ่นเรียกเก็บภาษี 30% ถ้าขาดทุนสามารถนำมาหักออกได้ ประเทศอินเดียเก็บภาษีตามระยะเวลาที่ลงทุน และภาษีกำไรขายหุ้นสามารถนำอัตราเงินฟ้อมาลดหย่อนได้อีกด้วย ประเทศจีนเรียกเก็บภาษีกำไรขายหุ้น 20%
ส่วนประเทศที่ไม่มีการเรียกเก็บภาษีกำไรขายหุ้น เช่น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฯลฯ จากข่าวกรณีดังกล่าว หากลองเปรียบเทียบกับประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ด้วยกัน พบว่า ไม่มีประเทศไหนเลยที่จัดเก็บภาษีประเภทนี้ แน่นอนว่ากรแสนักลงทุนส่วนมากออกมาแสดงความเห็นไม่ชอบใจ หากการเรียกเก็บอัตราภาษีอาจจะส่งผลให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะไปลงทุน แต่ก็มีนักลงทุนบางส่วนที่มีความคิดว่าการลงทุนต้องเสียภาษี แล้วผู้อ่านมีความเห็นอย่างไรบ้าง?