ห่วงรายได้นิติบุคคลพลาดเป้า "สรรพากร"เร่งสำรวจกำไรธุรกิจ หั่นภาษีวูบ 8 หมื่น ล. แถมบาทแข็ง
วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 18:46:47 น.
สรรพากรห่วงรายได้นิติบุคคลไม่เข้าเป้า หลังเจอสารพัดปัจจัยลบ ทั้งปรับภาษีเหลือ 20% ส่งผลรายได้หายไป 8 หมื่นล้าน แถมเงินบาทแข็งค่า กระทบทั้งผู้ส่งออกและนำเข้า เชื่อรายได้ทั้งปีทะลุเป้า 1.77 ล้านล้าน
นางวณี ทัศมณเทียร ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี กลุ่มธุรกิจพลังงาน กรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรมีความเป็นห่วงการจัดเก็บรายได้จากภาษีนิติบุคคล จึงได้สั่งการให้แต่ละพื้นที่เร่งสำรวจข้อมูลกำไรเบื้องต้นของธุรกิจที่จะต้องยื่นแบบเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล งวดปี 2555 ที่จะยื่นภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นผลของการปรับลดอัตราภาษีจาก 30% เหลือ 23% และในเดือนสิงหาคม จะเป็นการยื่นเสียภาษีครึ่งปี 2556 ซึ่งอัตราภาษีจะลดเหลือ 20% เท่านั้น โดยประมาณการว่า อัตราภาษีที่ลดลงดังกล่าว จะทำให้รายได้หายไปประมาณ 8 หมื่นล้านบาท และหากจะสามารถชดเชยรายได้ที่หายไป กำไรของธุรกิจจะต้องเติบโตประมาณ 25%
นางวณีกล่าวว่า การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังมีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรจากทั้งผู้ประกอบการส่งออกและนำเข้าด้วย เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้รายได้ของผู้ส่งออกเมื่อแลกเป็นเงินบาทลดลง และจะกระทบต่อกำไรในที่สุด ขณะเดียวกัน ยังกระทบต่อการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ของผู้นำเข้าด้วย เพราะการสั่งซื้อสินค้า เมื่อต้องจ่ายเป็นเงินที่ลดลงตามค่าเงินที่แข็งขึ้น ส่งผลต่อการคำนวณแวตด้วย ซึ่งค่าเงินถือเป็นความกังวลใหม่ของกรมสรรพากรที่ไม่เคยนำมาเป็นปัจจัยในการจัดเก็บรายได้มาก่อน
"ขณะนี้ถือว่า การจัดเก็บรายได้ของกรมเจอผลกระทบรอบด้าน ทั้งอัตราภาษีที่ลดลงแล้ว ยังมากระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องด้วย แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังหาแนวทางเพิ่มช่องทางการจัดเก็บมากขึ้น ตามแนวทางที่กรมสรรพากรสามารถดำเนินการได้ เช่น การขยายฐานภาษี ซึ่งการปรับลดอัตราภาษี ก็ทำให้ผู้ที่ยังอยู่นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบภาษีเพิ่มขึ้นด้วย" นางวณีกล่าว
นางวณีกล่าวต่อว่า โดยปกติการจัดเก็บรายได้ภาษีจะเติบโตใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) คือหากจีดีพีขยายตัว 1% จัดเก็บภาษีก็เพิ่มขึ้น 1% เช่นกัน และเมื่อรวมอัตราเงินเฟ้อ อาจจะมากกว่า 1% ซึ่งเศรษฐกิจที่ยังเติบโตได้ดีจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล ทำให้การจัดเก็บรายได้จากแวตขยายตัวสูง และทำให้การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรยังสูงกว่าเป้าหมายได้ที่ 5% รวมถึงการแยกยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาระหว่างสามีภรรยา ก็ไม่ได้ทำให้รายได้หายไปถึง 7.5 พันล้านบาท ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ จึงยังมั่นใจว่า รายได้ทั้งปีจะยังเป็นไปตามเป้าหมาย 1.774 ล้านล้านบาท ส่วนเป้าหมายรายได้ในปีงบประมาณ 2557 เบื้องต้นประเมินไว้ที่ประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท
(ที่มา:มติชนรายวัน 23 เมษายน 2556)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366715866&grpid=&catid=05&subcatid=0501
ข่าวถึงเจ้าของกิจการ........ห่วงรายได้นิติบุคคลพลาดเป้า "สรรพากร"เร่งสำรวจกำไรธุรกิจ หั่นภาษีวูบ 8 หมื่นล้าน แถมบาทแข็ง
วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 18:46:47 น.
สรรพากรห่วงรายได้นิติบุคคลไม่เข้าเป้า หลังเจอสารพัดปัจจัยลบ ทั้งปรับภาษีเหลือ 20% ส่งผลรายได้หายไป 8 หมื่นล้าน แถมเงินบาทแข็งค่า กระทบทั้งผู้ส่งออกและนำเข้า เชื่อรายได้ทั้งปีทะลุเป้า 1.77 ล้านล้าน
นางวณี ทัศมณเทียร ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี กลุ่มธุรกิจพลังงาน กรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรมีความเป็นห่วงการจัดเก็บรายได้จากภาษีนิติบุคคล จึงได้สั่งการให้แต่ละพื้นที่เร่งสำรวจข้อมูลกำไรเบื้องต้นของธุรกิจที่จะต้องยื่นแบบเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล งวดปี 2555 ที่จะยื่นภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นผลของการปรับลดอัตราภาษีจาก 30% เหลือ 23% และในเดือนสิงหาคม จะเป็นการยื่นเสียภาษีครึ่งปี 2556 ซึ่งอัตราภาษีจะลดเหลือ 20% เท่านั้น โดยประมาณการว่า อัตราภาษีที่ลดลงดังกล่าว จะทำให้รายได้หายไปประมาณ 8 หมื่นล้านบาท และหากจะสามารถชดเชยรายได้ที่หายไป กำไรของธุรกิจจะต้องเติบโตประมาณ 25%
นางวณีกล่าวว่า การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังมีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรจากทั้งผู้ประกอบการส่งออกและนำเข้าด้วย เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้รายได้ของผู้ส่งออกเมื่อแลกเป็นเงินบาทลดลง และจะกระทบต่อกำไรในที่สุด ขณะเดียวกัน ยังกระทบต่อการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ของผู้นำเข้าด้วย เพราะการสั่งซื้อสินค้า เมื่อต้องจ่ายเป็นเงินที่ลดลงตามค่าเงินที่แข็งขึ้น ส่งผลต่อการคำนวณแวตด้วย ซึ่งค่าเงินถือเป็นความกังวลใหม่ของกรมสรรพากรที่ไม่เคยนำมาเป็นปัจจัยในการจัดเก็บรายได้มาก่อน
"ขณะนี้ถือว่า การจัดเก็บรายได้ของกรมเจอผลกระทบรอบด้าน ทั้งอัตราภาษีที่ลดลงแล้ว ยังมากระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องด้วย แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังหาแนวทางเพิ่มช่องทางการจัดเก็บมากขึ้น ตามแนวทางที่กรมสรรพากรสามารถดำเนินการได้ เช่น การขยายฐานภาษี ซึ่งการปรับลดอัตราภาษี ก็ทำให้ผู้ที่ยังอยู่นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบภาษีเพิ่มขึ้นด้วย" นางวณีกล่าว
นางวณีกล่าวต่อว่า โดยปกติการจัดเก็บรายได้ภาษีจะเติบโตใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) คือหากจีดีพีขยายตัว 1% จัดเก็บภาษีก็เพิ่มขึ้น 1% เช่นกัน และเมื่อรวมอัตราเงินเฟ้อ อาจจะมากกว่า 1% ซึ่งเศรษฐกิจที่ยังเติบโตได้ดีจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล ทำให้การจัดเก็บรายได้จากแวตขยายตัวสูง และทำให้การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรยังสูงกว่าเป้าหมายได้ที่ 5% รวมถึงการแยกยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาระหว่างสามีภรรยา ก็ไม่ได้ทำให้รายได้หายไปถึง 7.5 พันล้านบาท ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ จึงยังมั่นใจว่า รายได้ทั้งปีจะยังเป็นไปตามเป้าหมาย 1.774 ล้านล้านบาท ส่วนเป้าหมายรายได้ในปีงบประมาณ 2557 เบื้องต้นประเมินไว้ที่ประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท
(ที่มา:มติชนรายวัน 23 เมษายน 2556)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366715866&grpid=&catid=05&subcatid=0501