สรุปรัฐบาลเบรก แจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต ดันเงินลง 6 โครงการใหม่

รัฐบาลสรุปชัดเจน เบรกโครงการ แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ออกไปไม่มีกำหนด ขอรอดูสถานการณ์ที่เหมาะสมอีกครั้ง ปรับงบกลาง 1.57 แสนล้านบาท ไปใช้ 6 โครงการใหม่ เน้นลงทุน จ้างงาน

วันนี้ (19 พ.ค.2568) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าจะขอชะลอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 3 ผ่านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) วงเงิน 10,000 บาท เฟส 3 ให้กับเด็กไทย อายุตั้งแต่ 16-20 ปี ประมาณ 2.7 ล้านคน วงเงินงบประมาณ 27,000 ล้านบาทออกไปก่อน
 

 

"โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ขอชะลอไปก่อน และขอรอจนกว่าสถานการณ์จะเหมาะสมอีกครั้ง โดยรัฐบาลขอรอดูความจำเป็นในการจัดการงบประมาณ ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก็เห็นว่าควรทบทวน เช่นเดียวกับธนาคารแห่งประเทศไทยก็เห็นในทำนองเดียวกัน" นายพิชัย ระบุ

นายพิชัย กล่าวว่า การชะลอโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตครั้งนี้ ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่มีเงิน แต่พบว่า ปัจจุบันมีข้อจำกัดจากภายนอกประเทศกระทบกับเศรษฐกิจในประเทศ จึงจำเป็นต้องปรับแผนการใช้เงิน เพราะสถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิม อย่างไรก็ดีการชะลอโครงการไปครั้งนี้ยืนยันว่าไม่ใช่การซื้อเวลา แต่หากทุกอย่างกลับมาฟื้นตัวดี ก็อาจหยิบขึ้นมาดูใหม่อีกครั้ง

ทั้งนี้ยอมรับว่า ตอนนี้รัฐบาลขอดูในเรื่องการบริหารจัดการงบประมาณปี 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันมีเงินเหลืออยู่ประมาณ 1.57 แสนล้านบาท

โดยจะนำไปใช้ในโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนแทน ซึ่งจะเน้นเรื่องการจ้างงานแทนการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการวันนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติกรอบโครงการ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ จัดทำข้อเสนอกลับมาให้คณะอนุกรรมการพิจารณาภายใน 1-2 สัปดาห์นี้

สำหรับกรอบการดำเนินโครงการและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ภายใต้งบกลาง 1.57 แสนล้านบาท นั้น รองนายกฯ ระบุว่า จะพยายามผลักดันโครงการต่าง ๆ ทันในช่วงสิ้นปีงบประมาณ 2568 หรือภายในเดือนกันยายน 2568 นี้ รวมทั้งผูกพันไปยังงบประมาณหน้า ประกอบด้วย 
การลงทุนบริหารจัดการน้ำ ทั้งอุปโภค บริโภค และภาคการเกษตร และในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับน้ำก็ยังทำต่อเนื่องไปถึงระยะกลาง และระยะยาว ในปี 2569-2571 ซึ่งจะมีวงเงินผูกพันอีกคิดเป็นวงเงินกว่า 5 แสนล้านบาท

การลงทุนด้านการคมนาคมขนส่ง โดยจะนำโครงการที่มีความจำเป็นของกระทรวงคมนาคมขึ้นมาพิจารณา เน้นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเช่น ปรับปรุงถนนเพื่อแก้ปัญหารถติด 

การส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยจะพิจารณาโครงการที่เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้านการท่องเที่ยว การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแบบที่มนุษย์สร้างขึ้นใหม่ รวมไปถึงการปรับปรุงสาธารณูปโภคในสถานที่ท่องเที่ยว 

การช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สหรัฐฯ ผ่านมาตรการทางการคลังและการเงิน ล่าสุดอยู่ระหว่างหารหารือกับสถาบันการเงินเพื่อพิจารณาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเข้าไปช่วยเหลือปรับปรุงโครงสร้างการผลิต

การทบทวนโครงการที่ส่งเสริมการจ้างงาน และการพิจารณางบส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนโครงการเอสเอ็มแอล

การพิจารณาโครงการเกี่ยวกับการช่วยเหลือและดูแลเยาวชนที่อยู่ในช่วงการศึกษา
 


 

"ทั้งหมดนี้จะช่วยส่งเสริมการจ้างงานเป็นหลัก โดยได้อนุมัติเป็นกรอบเอาไว้ และให้เสนอเข้ามา ซึ่งจะมีคณะกลั่นกรองแผนงานอีครั้ง พร้อมมีคณะติดตามและกำกับด้วย ซึ่งเชื่อว่าหากดำเนินการได้ตามแผนภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจได้ 0.7-1%" รองนายกฯ ระบุ



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่