เราสังเกตเห็นว่า เมื่อแมวเลียร่างกาย ขนบนตัวและตามขาของมันที่เคยสกปรก กลับสะอาดขึ้นผิดตาในวันต่อมา
และเมื่อมันเลียแผลของมัน ไม่กี่วัน แผลก็หาย เราไม่ได้ใส่ยา เกรงว่ามันจะเลียสารจากยา
แต่ใช้สำลีชุบน้ำเกลือล้างแผล เช็ดให้วันละครั้ง แม้ซื้อยาจากสัตวแพทย์ 400 บาท เราไม่ได้ใช้ยาเหล่านั้น
แต่เลือกที่จะให้มันดูแลตัวเองก่อน 3 วัน และแล้วแผลของมันก็ดีขึ้นจริงๆ ด้วยแผลที่ไม่สาหัส
เพื่อไขความลับน้ำลายแมวที่ทำให้ปรากฏการรักษาตัวเองด้วยกลไกธรรมชาติดังกล่าว
เราจึงค้นข้อมูลวิทยาศาสตร์เบื้องต้นดู พอจะสรุปได้ดังนี้
น้ำลายของแมว นอกจาก น้ำ แล้ว ยังประกอบด้วย เอนไซม์ ต้านแบคทีเรีย
โปรตีนและเปปไทด์ ช่วยหล่อลื่นและปกป้องเยื่อเมือก
อิมมูโนโกลบูลิน ช่วยต่อสู้กับเชื้อโรค และอื่นๆ อาทิ โซเดียม โพแทสเซียม
บทบาทของน้ำลายแมว
ก. แมวเลียขน เป็นการทำความสะอาดร่างกาย กำจัดปรสิต และควบคุมอุณหภูมิร่างกาย
ข. แมวเลียแผล น้ำลายแมวมีเอนไซม์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย แต่น้ำลาย
อาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคได้เช่นกัน เช่น ไวรัส เชื้อรา ปรสิต
รอยกัด-ข่วน แพร่เชื้อโรคจากแมวตัวหนึ่งสู่ตัวอื่นๆ และสู่มนุษย์ได้ด้วย
ค. แมวกระจายกลิ่นผ่านน้ำลาย แสดงอาณาเขตและสร้างความสัมพันธ์/สื่อสารกับแมวตัวอื่น
เพื่อความสมดุลย์ของร่างกาย ผู้เลี้ยงควรส่งเสริมให้แมวดื่มน้ำ
แบบไม่บังคับ เช่น ไม่วางไว้ใกล้ถาดอาหาร
ใช้ภาชนะใส่น้ำที่สะอาดปราศจากกลิ่น วางไว้หลายๆ จุด
แมวชอบน้ำพุ-น้ำไหล มากกว่าน้ำนิ่ง แต่ไม่ควรให้ดื่มน้ำประปาเพราะมีคลอรีน
น้ำลายแมวไม่มีเอนไซม์ชนิดช่วยย่อยแป้ง ซึ่งมีในน้ำลายคนและน้ำลายสุนัข
สะท้อนว่า แมวเป็นสัตว์กินเนื้อโดยธรรมชาติ ดังนั้น ไม่ควรให้อาหารคาโบไฮเดรตมาก
แมวที่กินข้าว-แป้งมากเกินไป จะอ้วนง่าย เกิดโรคเบาหวานและโรคไตได้ ขาดสารอาหาร
ข้าวขาวให้พลังงานแต่ไม่มีสารอาหารที่จำเป็น ข้าวจึงควรเป็นอาหารประกอบ แต่ไม่ใช่อาหารหลักของแมว
หากสังเกตพบว่า แมวมีน้ำลายไหลมากผิดปกติ ควรปรึกษาสัตวแพทย์
เพราะอาจเกิดโรคในช่องปาก คลื่นไส้ ได้รับพิษ หรือ เป็นโรคอันตราย เช่น พิษสุนัขบ้า
อย่างไรก็ดี แม้แมวจะมีน้ำลายดูแลตัวเขาเอง แต่เจ้าของก็ควรนำแมวอาบน้ำ
ช่วยดูแลทำความสะอาดร่างกาย สถานที่ เพื่อให้การสัมผัสแมวไม่นำไปสู่การติดโรค
มหัศจรรย์น้ำลายแมว กลไกธรรมชาติดูแลสุขภาพของเจ้าเหมียว
ข้าวขาวให้พลังงานแต่ไม่มีสารอาหารที่จำเป็น ข้าวจึงควรเป็นอาหารประกอบ แต่ไม่ใช่อาหารหลักของแมว