ตั้งแต่อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลดลงจาก 2.5% เมื่อ ก.ย.67 จนถึงล่าสุดที่ 1.75%

ลดลงไปถึง 0.75% แล้ว แต่สารพัดเงินกู้ ของธนาคารพาณิชย์ไทย MRR, MOR, MLR ปรับตัวลดลงเพียงประมาณ 0.25-0.30% เท่านั้น  สงสัยคงใช้นโยบายคนละครึ่งแน่ ๆ    ถือว่าเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นเป็นอย่างมาก เพราะกำไรยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจ หรือ GDP มีการคาดการณ์น้อยลงเรื่อย ๆ

นี่ถึอว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจ ที่ไปได้ดีมาก ๆ    การแข่งขันไม่รุนแรงเท่ากับ ภาคธุรกิจอื่น ถึงว่าจะมีธนาคารพาณิชย์จำนวนมากพอสมควรแล้วในประเทศไทย แต่ยังไม่อยู่ในรูปแบบการแข่งขันกันเองอย่างสมบูรณ์

นี่ถ้าลองให้
1.) มีการย้ายธนาคารได้ง่าย เหมือน การย้ายค่ายมือถือและอินเตอร์เน็ตหละก็  การแข่งขันคงมีสนุกสูสีขึ้นมาก คงมีการแข่งกันจริงจังในการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพิ่มดอกเบี้ยเงินฝาก

2.) จะให้แข่งขัน ต้องมีการแก้ไขบางอย่างเล็กน้อย  อาทิ  การแก้ให้เบอร์บัญชีธนาคาร เป็นเสมือนเบอร์มือถึอ ซึ่งเป็นของเรา ไม่ว่าอยู่ธนาคารไหนก็เป็นเบอร์บัญชีเดิม เพื่อง่ายต่อการดำเนินการที่ต่อเนื่อง      และแก้ให้หลักประกันมีการโอนย้ายกันได้แบบดิจิตอล   หรืออย่างง่ายที่สุด คือ ข้อ 3

3.) การไม่คิด ค่าจดจำนองซ้ำซ้อน --- มีอย่างที่ไหน หลักประกันจำนองกับธนาคารนึง อยู่มาอยากเปลี่ยนธนาคารเลยทำการไถ่ถอน แล้วนำไปจดจำนองต่อกับอีกธนาคารนึงนั้น ต้องมาคิด ค่าจดจำนองอีก....   มันเป็นแค่การเปลี่ยนผู้รับจำนองเท่านั้นเอง หลักประกันก็ยังจดจำนองอยู่   นี่เอาง่ายๆ แค่แก้เรื่องนี้อะนะ การแข่งขันของธนาคารจะสูงขึ้นทันใดแบบง่าย ๆ

แต่ยังอยู่กันไปแบบนี้ โดยไม่สร้างสภาวะแวดล้อม ทางการแข่งขันที่จริงจัง หละก็  จะถือว่า ยังไงหุ้นธนาคารก็ยังอยู่ได้แบบไปเรื่อย ๆ มาเรียงๆ กำไรเนียน ๆ  ไม่จำเป็นต้องแข่งขันมาก  ไม่จำเป็นต้องออกไปหาลูกค้านอกประเทศ  ไม่ว่าเศรษฐกิจดีไม่ดี กำไรก็ยังมาเรื่อยๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่