จาก Waveสายถึก สู่ รถบ้าน
กราบสวัสดีชาวโลก พ่อแม่พี่น้องมิตรรักแฟนเพลงที่เคารพ กลับมาพบกันอีกครั้งในรอบเกือบ 5 ปี หลังจากการเดินทางล่าสุด Wave110i นราธิวาส-ชุมพร-ระนอง-พังงา-นราธิวาส
ระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมามันไวจริงๆ ภายใน 5 ปี มีหลายๆทริปมากของเจ้าเวฟ และที่อลังการที่สุดคือการได้เดินทางรอบประเทศ เข้ากัมพูชาและมาเลเซียรวมระยะเกือบ 10000 กิโลเมตร กับ 19 วัน มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากครั้งนั้น ผมยังคงจำความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดี แต่ว่าแหละพอมันผ่านมานาน ไอเราก็ขี้เกียจที่จะเล่าประสบการณ์
เอาเป็นว่าติดไว้ก่อนแล้วจะย้อนมาเล่า ตอนนี้เอาเรื่องใหม่ล่าสุดที่ผ่านมาไม่นานกับการเดินทางครั้งใหม่ แต่เจ้าเวฟไม่ต้องน้อยใจนะ เดี๋ยวเราก็ต้องได้เดินทางกันอีก รอคุณภรรยาอนุมัติโครงการ555+++ ต่อต่อต่อ สืบเนื่องจาก หลังจบการเดินทางไกลของเจ้าเวฟจบลง ทีนี้ก็เลยอยากพาคุณแม่และคุณลูกไปทรมานด้วยกัน
หวยเลยมาออกที่รถตู้เก่าคันนึง 3 คนพ่อแม่ลูก จึงเดินทางไปด้วยกัน เพื่อไปรับรถกลับนราธิวาส เลยถือโอกาสแวะเที่ยวมาเรื่อยๆ

กว่าจะมาถึงทุลักทุเล พอสมควรเนื่องจากผมก็ไม่เคยขับรถตู้มาก่อน จึงไม่รู้องศา มุมในการเลี้ยว ต้องปรับการขับพอสมควร เมื่อถึงที่หมาย มาตรวจสอบภายในห้องเครื่องและตัวรถอีกที เรามาพูดถึงตัวรถก่อน รถมีอาการกินน้ำมันเครื่อง น้ำหม้อน้ำหายบางส่วนและตัวถังผุ ซึ่งเป็นเรื่องปรกติของรถอายุเท่านี้ มั้ง555 ผมก็ทำใจไว้แล้วในสภาพและราคานี้ เลยแก้ปัญหาเบื้องต้นไปก่อนคือเวลาเดินทางไกลจะตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องและน้ำในหม้อพักเสมอ ส่วนเรื่องตัวถังผุก็จะมีพื้นของคนขับ บริเวณซุ้มล้อ และหลังรถตู้ ซึ่งสามารถปะผุได้ แต่ผมประหยัดไว้ก่อนเลยใช้เรซิ่น ไฟเบอร์กลาสปะไปก่อนซึ่งก็ได้ผลออกมาดีเยี่ยม เอาไว้ทำสีรถค่อยทำใหม่ทีเดียว ส่วนภายในรถซึ่งจะทำเป็นที่นอนวางแผนทำเตียงเหล็ก พื้นใหม่ และเพดานโดนใช้ไม้ ทำการรื้อพื้นปะผุด้วยไฟเบอร์กลาส



พื้นเราจะใช้ไม้กระดานอัดหนา 4 มิล ปิดด้วยกระเบื้องยาง ส่วนเตียงและแร็คหลังคาดีที่ได้เพื่อนๆ น้องๆมาช่วยเชื่อม เอาเป็นว่างานไม่เหมือนใครแน่นอนเพราะเราใช้วิศวะกะ สั้นตัด ยาวต่อ ไม่พอเพิ่ม555 ทีนี้มาผนังกับเพดาน เลือกพัสดุไม้อยู่นานในแอพส้ม แต่เนื่องจากมันสั้นไปและหนากลัวมาติดตั้งแล้วจะไม่สวย อยากได้แบบบางและยาว เลยเปิดในเพจรถตู้หาเสพข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็มาเจอพี่ๆ ในเพจที่ให้คำแนะนำวัสดุ(ต้องขอบคุณจริงๆ) นั้นก็คือไม้สนรัสเซีย ราคาก็เอาเรื่องอยู่ขายที่โกลบอลเฮ้าส์ ที่นราธิวาส ณ ตอนนั้นยังไม่มีสาขา ใกล้สุดก็ปัตตานี จะซื้อแบบออนไลน์ค่าจัดส่งก็ไม่ไหว เลยถือโอกาสวอร์มรถ
ออกทริประยะสั้นเลย
ซื้อเสร็จถือโอกาสพาลูกไปไหวศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านโกลบอลเฮ้าส์ แล้วเดินทางกลับ ถึงนราธิวาสอีกจุดนึงที่น่าสนใจคือ ชายหาดอ่าวมะนาวบริเวณอุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง เนื่องจากไปถึงบ่ายอากาศค่อนข้างร้อนเลยไม่ได้เล่นน้ำ กลัวลูกไม่สบายแวะถ่ายรูปแล้วเดินทางกลับ
จากนั้นก็ทำการต่อเติมฝาผนัง เพดาน วัดตามขนาดที่ต้องการติดตั้งโดนการเจาะแล้วยึดกับตัวน๊อตก็เป็นอันเสร็จ ส่วนผ้าม่านวัดสั่งตัวจากแอพส้ม ลืมเล่า อีก 1 ปัญหาของเจ้าคันนี้คือแอร์ ถ้าสังเกตจะมีผนังปิดกั้นซึ่งห้องคนขับจะมีแอร์แต่ก็ไม่เย็นเลย ส่วนตู้แอร์หลังพังสนิทเมื่อเดินทาง ถ้าไปนั่งข้างหลังจะร้อนมากๆ ต่อให้เปิดกระจกขับก็เถอะ อีกหนึ่งปัญหาที่ต้องแก้ไข หลังจากนั้นไม่กี่วันออนนิ่งก็มาส่ง ทำการยึดติดตั้งก็เสร็จสมบูรณ์ ตัวออนนิ่งจะมีหลายขนาดมากผมเลือก 2x3 มันน่าจะเป็นขนาดที่พอดี
ติดตั้งอุปกรณ์เสริมความหล่อครบทุกอย่าง ก็อยากจะลองรถอีกที่ระยะไกลกว่าเดิม เลยเกิดทริปสั้นๆไปกลับไม่เกิน 600 กิโล นราธิวาส-หาดใหญ่ จะเช็คระบบต่างๆของรถสักหน่อย ได้วันเวลาก็ออกเดินทาง จุดแรกสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ ข้างบนจะมีจุดชมวิวเขาคอหงส์ ถ้ามีโอกาสผมจะมาประจำที่นี่ ผมว่าวิวที่นี่มันสวยดี ทางขึ้นชันอยู่แอบเสียวกลัวจะขึ้นไม่ไหว แต่ก็รอดมาได้ จากนั้นไปเซ็ลทรัลหาดใหญ่ ก็ได้เจอรถบ้านประเทศมาเลเซีย ทรงสวยมาก วันต่อไปก็ขับกลับแวะจอดแถวหาดเขาน้อย ซึ่งจะอยู่เลยตลาดสะกอมมาไม่ไกล เพื่อลองออนนิ่งดูว่าเป็นยังไงบ้างเวลากาง
กางค่อนข้างยากอยู่หรือเพราะผมไม่มีประสบการณ์ ถ้าให้ดีต้อง 2 คนช่วยกัน จบทริปนี้รถยังโอเคอยู่มีแค่กิน นมค เล็กน้อยกับอาการแอร์ไม่เย็น ต่อจากทริปนี้ก็จะเป็นเบตง ขอเอาเจ้านี่ไปลุยโค้งสักหน่อย จัดแจงยกที่นอนมาใส่ ตกแต่งไฟ นี่จะเป็นการนอนในรถครั้งแรกถ้าดูจากขนาดเตียง แล้วร่างแต่ละคนใหญ่ๆทั้งนั้นเบียดกันแน่นอน555 ส่วนเรื่องเวลานอนในรถผมใช้แบบแอร์เคลื่อนที่โดยการลากสายไฟทำไมถึงใช้แบบยกขึ้น-ลง เพราะผมไม่ได้เที่ยวบ่อยขนาดนั้นอีกอย่างชุดแอร์+แบตลิเธียมค่อนข้างแพงกลัวเอามาแล้วใช้ไม่คุ้มเลยใช้วิธีข้างต้นแทน แต่ข้อเสียคือต้องหาลานกางที่มีไฟ เก็บข้าวของขึ้นรถเสร็จแพลนก็คือไปให้ถึงใต้สุดแดนสยามแล้วย้อนมานอนแถวในเขื่อนบางลาง ได้เวลาก็ออกเดินทางโดยเริ่มจาก อ.สุไหงโก-ลก ผ่านทาง ตากใบ บาเจาะ ตัดขึ้นเขายือราแป อีกหนึ่งเขาที่ค่อนข้างชัน ลงฝั่งรือเสาะ รามัน กรงปินัง ซึ่งพอเริ่มผ่านบันนังสตา จะเข้าธารโตทางเริ่มคดเคี้ยว ขับมาไม่นานก็จะถึงสะพานข้ามทะเลสาบธารโต(ป่าฮาลาบาลา) ก่อนถึงสะพานจะมีจุดชมวิวที่สวยมาก ควรที่จะแวะถ่ายรูป ผมว่าถ้าตอนเย็นบรรยากาศคงดีมาก นี่ถ้าบริเวณข้างบนจุดชมวิวทำเป็นลานกางเต็นท์ด้วยนะ มันจะเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ระหว่างทางถึงเบตงจะมีจุดแวะเที่ยวเยอะมาก เช่น สกายวอล์คอัยเยอร์เวงหรือไม่ก็ทะเลหมอกฆูนุงซีลีปัต อันแรกนี่จะทันสมัยหน่อยสะพานกระจกยื่นออกไป แต่อันหลังนี่ดิบๆเลย ผมไปกางเต็นท์นอนหลายครั้งแล้ว บรรกาศดีคือตื่นปุบเดินขึ้นดูทะเลหมอกแบบ 360 องศาเลย
ไปถึงเบตงก็บ่าย 3 รีบไปจุดเช็คอิน วนหาร้านว่าจะกินไก่เบตง ปรากฏร้านปิดหมด ไม่มีดวงเลยสงสัยคงอยากให้กลับมาแก้ตัว วนในเมืองเจอตลาดเลยซื้อของเตรียมไว้ปิ้งย่างตอนเย็น จากนั้นวกรถกลับทางเดิม เพื่อไปหาจุดจอดรถนอน ที่ที่ผมจะไปนั่นก็คือ 66 บ้านในสวน อยู่ในเขื่อนบางลาง ทางเข้าอยู่ตรงสะพาน ก.ม.39 จากสะพานถึงจุดจอดไม่เกิน 20 กิโล แต่ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ทางแคบขึ้นเขาลงเขา ขับช้าปลอดภัยไว้ก่อน จุดกางเต็นท์ที่นี่ผมมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนเป็นจุดกางริมน้ำเลยวิว 180 องศา มีที่เล่นน้ำ พายเรือ แต่ไม่มีอาหารขาย ถ้าจะมาต้องเตรียมมาเอง
ลืมบอกไปตอนผ่านช่วง กม.4 อย่าลืมลองเฉาก๊วยเบตงนะครับ รสชาติถูกใจแน่นอน ใช้เวลาชั่วโมงกว่าก็มาถึง 66 บ้านในสวน วันนั้นมีแค่นักท่องเที่ยวเต็นท์เดียวเองที่มานอน เกือบได้เหมาลาน เดินลงไปข้างล่างสำรวจพื้นดินหาจุดจอดนอน จากนั้นถอยรถลงไปจอดจัดอุปกรณ์นั่นนี่ ผมชอบที่นี่นะคือแบบบรรยากาศมันดีมากวิวก็สวย ไม่ร้อนเท่าไหร่ มันเป็นอะไรที่แบบว่าเหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ

ปรากฏว่านอนอึดอัดมากคือต้องเบียดกันเลย สงสัยผมคงต้องไปนอนใต้เตียงเสียแล้ว จากนั้นก็เดินทางกลับ อ่านมาตั้งนานแล้ว งง ใช่ไม๊ว่าทำไมยังไม่ถึงการเดินทางไกล อดทนอีกนิดนึงนะใกล้แล้ว จากทริปนี้ยังมีอีกซึ่งเป็นทริปใกล้ๆกัน คือเส้นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลาหรือน้ำตกสิรินธร เส้นนี้จะเป็นป่าเลยจะไปออกภูเขาทอง สุคิริน แว้ง เหมือนวิ่งเป็นวงกลมที่ผมจะไปเส้นนี้เพราะเป็นเส้นภูเขาอยากเอารถไปลองดูว่ามันไหวไม๊แล้วได้แวะเที่ยวด้วย บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะมีนกเงือกซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ จุดชมวิวทะเลหมอกสองแผ่นดินถัดมาก็น้ำตกสิรินธร ยิ่งช่วงนี้น้ำเยอะกำลังสวยเลย ทางเส้นนี้เปลี่ยว คดเคี้ยวขึ้นลงเขาไม่มีบ้านคน ขับมาสักพักก็มาถึงต้นกะพงยักษ์ ต้นใหญ่สูงมากแต่ต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 300 เมตร นะ ถัดมาอีกจะเป็นพระธาตุภูเขาทองจะเป็นจุดชมทะเลหมอกยามเช้า ลงมาก็จะเป็นหลักเขตประเทศไทยซึ่งติดกับประเทศมาเลเซีย
ไม่ห่างกันเท่าไหร่ก็จะถึง ศาลเจ้าแม่โต๊ะโม๊ะ เป็นสถานที่เคารพสักการะของประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนและนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนของประเทศใกล้เคียง แวะสักการะทำบุญ จากนั้นเดินทางต่อแวะกินมื้อเที่ยงที่ ร้านแซ่บผ่านหมอก ซึ่งอยู่ในตัว อ.สุคิริน ร้านอาหารติดน้ำ สามารถเล่นน้ำได้ เด็กๆชอบเลย อาหารก็อร่อย
[CR] จาก Waveสายถึก สู่ รถบ้าน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้