ความมักง่ายของหมอที่คลินิกทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ กับความผิดชอบที่ต้องร้องขอให้ทำ

 (ขอไม่อธิบายรายละเอียดมาก นะคะเพราะเคยลงสื่อโชเชียลโดยไม่เอ่ยชื่อคลินิกช่องทางอื่น สื่อที่ลงโพสต์เรามีตัวตน) 
และโพสนั้นแมสมาก เราได้คำแนะนำจากคอมเม้นท์เยอะมากถ้าไม่ได้โพสต์นั้นเราคงเสียใจกับตัวเองมากกว่านี้
ต้องขอออกตัวก่อนนะว่าถ้าหากเป็นคนอื่นที่เจอเหตุการณ์นี้แบบเราอาจจะเรียกค่าเสียหายหาย มากกว่าเรา หลักแสน หรือถึงขั้นดำเนินคดีก็ได้แต่เราไม่ได้ทำแบบนั้น
เรื่องมีอยู่ว่าเราเกิดอุบัติเหตุจากความ สะเพร่า ประมาทและความมักง่าย ของทางคลินิกจนทำให้เลือดออก ทำให้เราได้รับอันตรายบาดเจ็บและเสี่ยงติดเชื้อ และในตอนแรก ไร้การรับผิดชอบใดๆ ไม่มีมารยาทพอที่จะขอโทษ ไม่แสดง empathy ให้คนใข้สบายใจ ยิ่งนิ่งเฉยทำให้คนไข้กังวล ทำเหมือนไม่อยากรับผิดชอบ และมารู้ทีหลังทั้งหมอและผู้ช่วย พยายามปกปิดปิดบัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่แจ้งกับทางหัวหน้า เงียบเฉยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีแต่คำแก้ตัว มีข้ออ้างสารพัด อ้างว่าตกใจทำอะไรไม่ถูก อ้างว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนไม่รู้จะรับมือยังไง อ้างว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก 
(เพราะมารู้ในตอนหลังตอนเจ้าหน้าที่ที่มาเจรจาเล่าให้ฟังแต่ที่ฟังเป็นข้ออ้างทั้งนั้น)

วันที่เกิดเหตุการณ์เราใจดี และใจเย็น และมีเมตตากับเค้ามากๆที่จะไม่โวยวายไม่เอาเรื่อง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในตอนแรกให้โอกาสเค้าได้แสดงความรับผิดชอบเป็นเวลา30-40นาที จนเจอแต่ความ ไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบใดๆ จนเรากลับบ้านจนเวลาผ่านไป หลายวัน เรากลับมาคิดทบทวน 
ดูดีแล้วจึงลงโพสต์แชร์ประสบการณ์ เพราะส่วนตัวที่แชร์ลงไปคิดว่าจะไม่ได้อะไรแล้ว 
 เลยมีคอมเมนท์มากมาย  และแนะนำให้เรา ฉีดยา/และตรวจอะไรใดๆ เราลองแจ้งเรื่องร้องเรียนไปที่คลินิก

จนเราตัดสินใจติดต่อไปที่คลินิกทางไลน์ สิ่งที่เค้าพูดกับเราคือ สรุปใจความเค้าถามเราต้องการอะไรให้รับผิดชอบยังไง ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ตรงนี้เลย  ในสิ่งที่เราขอไปเขาให้ได้ก็จริง  เราขอฉีดยา/และตรวจเลือด เพราะมีความไม่สบายใจอย่างมาก
เค้าบอกจะให้เราได้ตามนั้น แต่เค้าไม่เคยเสนอ สิ่งที่ดีและเหมาะสม และช่วยเราคิดว่าจะทำยังไงที่จะปลอดภัยกับตัวเรา
ในความข่วยเหลือ มีการแอบแฝง หมกเม็ด ตลอด แต่การรับผิดชอบ มีแต่ให้เราบอกถึงจะทำ เราไม่บอกก็ไม่ทำ
เช่น เราต้องเดินทางมาฉีดยา 3 เข็ม ซึ่งเดินทางมาไกลมากๆ ค่าน้ำมันค่าทางด่วน ไม่คิดแม้แต่จะให้ค่าเดินทางค่าเสียเวลา
ในตอนที่จะเซ็นสัญญา เราต้องขอเอง พูดเอง กะจะฉีดยาให้3เข็มแล้วจบ 
ส่วนเรื่องตรวจเลือด  พาเราไปหมอตรวจแผลทั่วไป แล้วประเมินว่าไม่เป็นอะไรไม่เสี่ยงติดเชื้อ
ทั้งที่คุยกันในตอนแรกแล้วว่าอยากตรวจเลือด

ข้อนี้เค้าปัดตกไม่ทำให้เราทำเนียน อ้างว่าแพทย์ประเมินแล้วว่าไม่มีความเสี่ยง 
ทำให้เราคาใจ มาจนถึงบ้านจนผ่านมาหลายวัน ต่อมา เราเลยลองพิมพ์ข้อความไปคุยกับเขาเรื่องค่าเดินทางที่เราต้องไปเราขอแค่ 1000 บาทต่อครั้ง
นี่ถือว่า น้อยมากแล้ว อยู่คนละฟากกรุงเทพ จะต้องเสียโอกาสในการทำงานด้วย และเป็นค่าน้ำมันค่าทางด่วน หรือถ้าจะนั่งแก๊ปก็ราคาพอๆกันเลย 
เค้าบอกว่าให้ได้ตามที่เราขอ 

แล้วพอไปฉีดยาเข็มที่สองเค้าให้เราเซ็นสัญญาว่าถ้ารับเงินจำนวนนี้แล้วเนี่ยจะไม่มีการดำเนินคดีหรือจะไม่มีการเอาเรื่องใดๆอะไรประมาณนี้ในสัญญา
เจ้าหน้าที่สามคนถามเราว่า มีความไม่สบายใจอะไรอีกไหม ต้องการให้เพิ่มเติมอะไรอีกไหม
เราคุยกันเยอะมากนะคะแต่จับใจความสั้นสั้นมาได้ว่า เราอยากตรวจเลือดถ้าเผื่ออนาคตเราเกิดอะไรขึ้นที่เกิดจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ที่มันทำให้เราเสี่ยงติดเชื้อในอนาคต เค้าก็ยินยอมพาเราไปตรวจเลือด แต่เราก็ถามเค้านะคะว่าทำไมตอนแรกถึง ไม่ได้ตรวจ
เค้าบอกว่ามันเป็นการประเมินของแพทย์ดูจากแผลภายนอก 
แต่ว่าถ้าเพื่อความสบายใจของคนไข้สามารถตรวจให้ได้ค่ะ เราก็ไม่รู้จะพูดยังไงต่อขี้เกียจโตแย้ง ก็เป็นไปตามนั้น
แล้วก็เขาก็ไปแก้เอกสารให้ใหม่ จนเราไปตรวจเลือดมานับได้ชั่วโมงจนเค้าแก้เอกสารใหม่
ในสัญญา จริงๆแล้วต้องเพิ่มการเดินทางที่เรามาตรวจเลือดอีกหนึ่งครั้งก็จะเป็น4ครั้งที่มาที่นี่ 
แต่เค้าให้ 3000 เหมือนเดิม เค้าถามว่ามีอะไรที่อยากให้แก้ไขเพิ่มเติมอีกมั๊ย 
ปกติเราเป็นคนเกรงใจมากๆไม่กล้าพูด 

ตอนแรกเราว่าจะปล่อยผ่านเรื่อง 3000 นี้ไป จริงๆต้องเพิ่มมาอีก 1000 ค่าเสียเวลาค่าเดินทางในรอบหน้าที่มาตรวจเลือด แต่เราตัดสินใจพูดไปว่า ค่าเดินทางในครั้งหน้า เค้าก็อ๋ออ๋อค่ะ เดี๋ยวไปแก้ให้แล้วก็เดินหายไปอีกสักพัก 
แล้วก็เดินกลับมาพูดกับเราว่าจะได้ไปแค่ 3000 ก่อน อีก 1000 รอบหน้าค่อยมาเอา ประมาณนี้
เราก็โอเคค่ะ ยอมเซ็นสัญญาเรียบร้อย ทั้งหมด 4000 บาท ค่าเสียความรู้สึก ค่าเจ็บตัว ค่าเสียเวลา ค่าความไม่สบายใจ
ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เราอยากรู้ว่าเราต้องฉีดยาป้องกันโรค HIVไหม แต่จากที่เราเคยคุยกับเจ้าหน้าที่มา2ครั้ง 
เราเหนื่อยกับการที่จะต้องร้องขอว่าเราต้องการอะไรบางอย่างเราก็ไม่ได้รู้ เพราะเราไม่ได้เป็นหมอ และไม่ได้มีความรู้เรื่อง การป้องกันตัวเอง จากอุบัติเหตุที่เสี่ยงติดเชื้อแบบนี้ 

สิ่งที่เราต้องการจะสื่อในวันนี้ก็คือ อยากถามคนที่มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย โดยปกติแล้วถ้าเกิดว่าเราเกิดอุบัติเหตุจากความสะเพร่าของคนอื่น เราต้องเป็นฝ่ายที่ต้องเรียกร้องเพียงอย่างเดียว รึป่าวคะ ถ้าสิ่งที่เราเขาไปมันไม่เพียงพอ น้อยไป เช่นการฉีดยา เค้าก็ทำให้แค่ฉีดยาจริงๆ ถ้าเราไม่พูดอะไรเค้าก็ทำให้แค่นั้นเลย รับผิดชอบแค่นั้น ถ้าเป็น คนเฒ่าคนแก่ คนไม่พูดไม่จาไม่มีปากเสียง
ก็คงเป็นแบบเราในตอนที่ไม่เอาเรื่องค่ะ ถ้าเราไม่ชอบโพสต์อะไรลงโซเชียลก็คงไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป ต้องขอบคุณคอมเม้นต์มากๆ
แต่ว่าก็มีหลายอย่างที่เราไม่ได้ทำแต่ว่าก็มีหลายอย่างที่เราไม่ได้ทำตามคำแนะนำเช่นการแจ้งความดำเนินคดีเอาไว้ก่อน หรือการฉีดยาเพิ่มเติม
ถ้าหากว่าเราไม่ทราบว่าจะต้องเรียกร้องยังไง แล้วเขาก็ ไม่แสดงออกว่าเค้าต้องรับผิดชอบยังไงถึงจะเหมาะสม ยิ่งเป็นสถานพยาบาลและคลินิกเราด้วยเค้าน่าจะต้องรู้ว่าจะต้องทำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ้าง
โดยปกติแล้วถ้า คนที่มีจรรยาบรรณเค้าจะต้องทำยังไงกับเรื่องนี้คะ หรือว่าสิ่งที่เขาทำมันถูกแล้วให้เราเสนอไปดู แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเค้าต้องการเซฟค่าใช้จ่ายของทางคลินิกหรือโรงพยาบาลจนไม่นึกถึงชีวิตของคนอื่นเห็นแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง
แต่ก็ขอชื่นชมที่ถึงแม้จะขอที ทำที ยังดีกว่าไม่รับผิดชอบอะไรเลยค่ะ เพราะจากประสบการณ์เคยเจอนอกจากไม่รับผิดชอบไม่สนใจเราแล้วยังทำร้ายเรากลับแบบไม่ยุติธรรม
*เผื่อมีคนดราม่าว่าเป็นประเด็นกับคลินิก/หมอ/รพ.บ่อยมาก เผื่อใครที่เคยเห็นโพสต์แนวนี้มาบ้าง
บอกก่อนเลยนะคะ มันไม่มีอะไรที่น่าดราม่าเลยเพราะมันคือเรื่องจริง เพราะเราไปคลินิกและโรงพยาบาลบ่อยทุกเดือนอยู่แล้วมาหลายปี
โอกาสที่จะเจอ ปัญหาที่เจอเลยอาจจะมีมากกว่าคนทั่วไปที่นานๆ จะไปรพ. หรือคลินิกที และถ้าเราจะชอบอยากมีประเด็นมากคงโพสต์ทุกสัปดาห์
ทุกเดือนแล้วค่ะแต่ต่อให้โพสต์บ่อยก็ไม่ได้ผิดอะไรถ้าคือเรื่องจริงและไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
แต่ถ้าไม่สบายใจจริงๆ จะไม่มาเล่าเลย พยายามใจเย็นทุกครั้งเอ็นดูเขาเอ็นเราขาด


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่