ในประวัติศาสตร์เอเชียเราจะเห็นว่าจักรวรรดิญี่ปุ่นพยายามยึดประเทศจีนมาโดยตลอดแต่ผลสุดท้ายก็พ่ายแพ้ไป ด้วยเหตุผลง่ายๆ จีนมีขนาดใหญ่และประชากรเยอะ และญี่ปุ่นเองก็ห้าวเกินเบอร์
และจากการวิเคราะห์ผมมองว่า มันมีวิธีเดียวที่ญี่ปุ่นจะยึดจีน ได้นั้น ก็คือ
ญี่ปุ่นต้องใช้สงครามตัวแทน ระบบรัฐบริวาร และ soft power ซึ่งในยุคนั้นชาติที่คิดระบบนี้ขึ้นมาได้คืออเมริกา โดยสหรัฐอเมริกา ทดลองใช้ระบบนี้กับรัฐเพื่อนบ้านในแทบอเมริกาใต้และแคริเบียนเมื่อ ปี 1900
ญี่ปุ่นต้องเริ่มใช้ระบบนี้ตั้งแต่ จีนยุคต้น ของยุคขุนศึกหลังราชวงศ์ชิงล่มสลายประมาณปี 1920
วิธีแรกคือหนุนหลังกลุ่มขุนศึกที่มีอำนาจ มีอยู่สามกลุ่มคือ ขุนศึกแมนจูของจางจั่วหลิน ขุนศึกจื่อลี และขุนศึกก๊กมินตั๋ง
(ให้คิดภาพพม่าในปัจจุบันก็ได้จีนจับมือกับรัฐบาลทหารพม่า แต่จีนก็หนุนขุนศึก ทางรัฐฉานเหนืออย่างว้าและโกกั้ง รวมถึงจุนศึกรัฐชิน)
พัฒนาหน่วยข่าวกรอง เก็บรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายอย่างลับๆ
ให้เงินและสนับสนุนสามฝ่ายอย่างลับๆ ทั้งทางเศรษฐกิจการเมืองและการทหาร
เมื่อจีนเหลือสามฝ่าย หรือสอง ญี่ปุ่นก็เข้ามาเป็นตัวกลางหนุนให้ทั้งสองหรือ สามฝ่ายรวมชาติกัน
ถึงแม้จีนจะรวมชาติได้แต่ก็ไม่ต่างจากพม่าเพราะรัฐบาลก๊กมินตั๋งนั้น ถึงจะรวมดินแดนได้แต่ในเขตมณฑลต่างๆยังมีขุนศึกอยู่(แต่สวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลหนานจิง)ทำให้ เวลารัฐบาลจะขยับอะไร ก็ต้องเกรงใจขุนศึกเจ้าถิ่น
นี้แหละคือคำตอบว่าทำไมญี่ปุ่นต้องหนุนสามฝ่าย ก็เพราะต่อให้ ก๊กมินตั๋งหรือเจียงรวมชาติได้ ก็จะมีขั้วอำนาจขุนศึกใหญ่อย่างจางและจื่อลี่มาเป็นตัวคานอำนาจในสภา
และอีกอย่าง ก๊กมินตั๋งของเจียงก็เผชิญปัญหาคอรัปชั่นอีกเจ้าพ่อมาเฟีย และโลกอาชญากรรมใต้ดินเฟื่องฟู อันนี้ก็ให้ญี่ปุ่นเขาไปตีสนิทและหั้วผลประโยชน์กัน
แผนสอง หลังจีนรวมชาติ ญี่ปุ่นก็เขามาลงทุนในจีนโดยยืนข้อเสนอพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน โรงงานและธนาคาร ทางรถไฟ และการขุดเหมือง
มีการสร้างโรงเรียนและเผยแพร่วัฒนธรรมและอุดมการณ์ญี่ปุ่นและจีนรวมกันโดยแอบสอดแทรกหลักคิดบูชิโดและหลักคิดจีนผสมผสานกัน และการโฆษณาชวนเชื่อ
และ จัดตั้งวงศ์ไพรบูลย์แห่งมหาเอเชียบูรพา โดยให้จีนอยู่แถวหน้า และเป็นแกนนำ (เหมือนอิสราเอลคุมอเมริกาแต่ให้อเมริกา ออกหน้าว่าเป็นมหาอำนาจโลก ส่วนยิวแห่งอิสราเอลคอย คุมหลัง)
และใช้จีนแผ่นดินใหญ่เผยแพร่อุดมการณ์ต่อต้านเจ้าอาณานิคมโดยผ่านคนจีนที่อพยพไปยังที่ต่างๆ
เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น จีนต้องรับหน้าไปเต็มๆทั้งดีและร้าย โดยที่ญี่ปุ่นไม่ต้องได้รับผลกระทบ
ซึ่งผมมองว่าถ้าญี่ปุ่นคิดได้ก็ดี แต่ที่มันไม่ทันคิดคือญี่ปุ่นมีแนวคิดบูชิโด คือรบตรงๆยึดครองโดยตรงๆ
การใช้เลห์ทางการเมืองแบบอเมริกา มันดูไม่มีศักดิ์ศรี และญี่ปุ่นต้องการขยายดินแดนอาณานิคมเหมือนฝรั่งอังกฤษ คือเข้าไปครองโดยตรงไม่ใช้ ใช้การปกครองโดยอ้อม
ซึ่งญี่ปุ่นก็ประเมินจีน ต่ำไป และรวมถึงประเมินศักยภาพตนเองสูงไปโดยไม่มีการคิดหรือวิเคราะห์
จุดนี้ผมสงสัยว่า ถ้าญี่ปุ่นเกิดคิดได้(รวมถึงประเมินศักยภาพตัวเองและฝ่ายตรงข้ามอย่างฉลาด)ว่าควรยึดจีนโดย ใช้สงครามตัวแทน และการหนุนหลังหลายฝ่าย ระบบรัฐบริวาร และ soft power ตั้งแต่ยุคต้นของยุคขุนศึก (ที่กล่าวมาข้างต้น)
รวมถึงเมื่อจัดตั้งกลุ่ม เอเชียบูรพา ก็ให้จีนออกหน้าเป็นแกนนำโดยที่ตัวญี่ปุ่นเองคอยคุมหลังเหมือนอิสราเอลคุมอเมริกา
คิดว่าประวัติศาสตร์เอเชียและโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
ญี่ปุ่น คงยึดจีนไปแล้ว ถ้าพวกเขาคิดใช้ระบบสงครามตัวแทนและรัฐบริวาร และ soft power
และจากการวิเคราะห์ผมมองว่า มันมีวิธีเดียวที่ญี่ปุ่นจะยึดจีน ได้นั้น ก็คือ
ญี่ปุ่นต้องใช้สงครามตัวแทน ระบบรัฐบริวาร และ soft power ซึ่งในยุคนั้นชาติที่คิดระบบนี้ขึ้นมาได้คืออเมริกา โดยสหรัฐอเมริกา ทดลองใช้ระบบนี้กับรัฐเพื่อนบ้านในแทบอเมริกาใต้และแคริเบียนเมื่อ ปี 1900
ญี่ปุ่นต้องเริ่มใช้ระบบนี้ตั้งแต่ จีนยุคต้น ของยุคขุนศึกหลังราชวงศ์ชิงล่มสลายประมาณปี 1920
วิธีแรกคือหนุนหลังกลุ่มขุนศึกที่มีอำนาจ มีอยู่สามกลุ่มคือ ขุนศึกแมนจูของจางจั่วหลิน ขุนศึกจื่อลี และขุนศึกก๊กมินตั๋ง
(ให้คิดภาพพม่าในปัจจุบันก็ได้จีนจับมือกับรัฐบาลทหารพม่า แต่จีนก็หนุนขุนศึก ทางรัฐฉานเหนืออย่างว้าและโกกั้ง รวมถึงจุนศึกรัฐชิน)
พัฒนาหน่วยข่าวกรอง เก็บรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายอย่างลับๆ
ให้เงินและสนับสนุนสามฝ่ายอย่างลับๆ ทั้งทางเศรษฐกิจการเมืองและการทหาร
เมื่อจีนเหลือสามฝ่าย หรือสอง ญี่ปุ่นก็เข้ามาเป็นตัวกลางหนุนให้ทั้งสองหรือ สามฝ่ายรวมชาติกัน
ถึงแม้จีนจะรวมชาติได้แต่ก็ไม่ต่างจากพม่าเพราะรัฐบาลก๊กมินตั๋งนั้น ถึงจะรวมดินแดนได้แต่ในเขตมณฑลต่างๆยังมีขุนศึกอยู่(แต่สวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลหนานจิง)ทำให้ เวลารัฐบาลจะขยับอะไร ก็ต้องเกรงใจขุนศึกเจ้าถิ่น
นี้แหละคือคำตอบว่าทำไมญี่ปุ่นต้องหนุนสามฝ่าย ก็เพราะต่อให้ ก๊กมินตั๋งหรือเจียงรวมชาติได้ ก็จะมีขั้วอำนาจขุนศึกใหญ่อย่างจางและจื่อลี่มาเป็นตัวคานอำนาจในสภา
และอีกอย่าง ก๊กมินตั๋งของเจียงก็เผชิญปัญหาคอรัปชั่นอีกเจ้าพ่อมาเฟีย และโลกอาชญากรรมใต้ดินเฟื่องฟู อันนี้ก็ให้ญี่ปุ่นเขาไปตีสนิทและหั้วผลประโยชน์กัน
แผนสอง หลังจีนรวมชาติ ญี่ปุ่นก็เขามาลงทุนในจีนโดยยืนข้อเสนอพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน โรงงานและธนาคาร ทางรถไฟ และการขุดเหมือง
มีการสร้างโรงเรียนและเผยแพร่วัฒนธรรมและอุดมการณ์ญี่ปุ่นและจีนรวมกันโดยแอบสอดแทรกหลักคิดบูชิโดและหลักคิดจีนผสมผสานกัน และการโฆษณาชวนเชื่อ
และ จัดตั้งวงศ์ไพรบูลย์แห่งมหาเอเชียบูรพา โดยให้จีนอยู่แถวหน้า และเป็นแกนนำ (เหมือนอิสราเอลคุมอเมริกาแต่ให้อเมริกา ออกหน้าว่าเป็นมหาอำนาจโลก ส่วนยิวแห่งอิสราเอลคอย คุมหลัง)
และใช้จีนแผ่นดินใหญ่เผยแพร่อุดมการณ์ต่อต้านเจ้าอาณานิคมโดยผ่านคนจีนที่อพยพไปยังที่ต่างๆ
เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น จีนต้องรับหน้าไปเต็มๆทั้งดีและร้าย โดยที่ญี่ปุ่นไม่ต้องได้รับผลกระทบ
ซึ่งผมมองว่าถ้าญี่ปุ่นคิดได้ก็ดี แต่ที่มันไม่ทันคิดคือญี่ปุ่นมีแนวคิดบูชิโด คือรบตรงๆยึดครองโดยตรงๆ
การใช้เลห์ทางการเมืองแบบอเมริกา มันดูไม่มีศักดิ์ศรี และญี่ปุ่นต้องการขยายดินแดนอาณานิคมเหมือนฝรั่งอังกฤษ คือเข้าไปครองโดยตรงไม่ใช้ ใช้การปกครองโดยอ้อม
ซึ่งญี่ปุ่นก็ประเมินจีน ต่ำไป และรวมถึงประเมินศักยภาพตนเองสูงไปโดยไม่มีการคิดหรือวิเคราะห์
จุดนี้ผมสงสัยว่า ถ้าญี่ปุ่นเกิดคิดได้(รวมถึงประเมินศักยภาพตัวเองและฝ่ายตรงข้ามอย่างฉลาด)ว่าควรยึดจีนโดย ใช้สงครามตัวแทน และการหนุนหลังหลายฝ่าย ระบบรัฐบริวาร และ soft power ตั้งแต่ยุคต้นของยุคขุนศึก (ที่กล่าวมาข้างต้น)
รวมถึงเมื่อจัดตั้งกลุ่ม เอเชียบูรพา ก็ให้จีนออกหน้าเป็นแกนนำโดยที่ตัวญี่ปุ่นเองคอยคุมหลังเหมือนอิสราเอลคุมอเมริกา
คิดว่าประวัติศาสตร์เอเชียและโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง