ประโยชน์ดีๆของ "กระทกรก" และข้อควรระวัง

ต้นกะทกรก เป็นไม้เถาเลื้อย มีอายุประมาณ 2-5 ปี มีมือสำหรับใช้ยึดเกาะ และมีขนขึ้นปกคลุมอยู่ทุกส่วน และทุกส่วนของลำต้นเมื่อนำมาขยี้จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเขียว 

ใบ เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปหัว ปลายใบแหลม โคนใบเว้า ส่วนขอบใบเว้าเป็น 3 แฉก แผ่นใบมีขนสีน้ำตาลขนาดเล็กขึ้นทั้งสองด้าน และที่ขนมีน้ำยางเหนียว

ดอก ออกดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบ ดอกมีกลีบดอก 10 กลีบ กลีบดอกด้านนอกเป็นสีเขียวอ่อน ส่วนกลีบด้านในเป็นสีขาว มีกระบังรอบเป็นเส้นฝอยมีสีขาวโคนม่วง ส่วนกลีบเลี้ยงของดอกเป็นเส้นฝอย ดอกมีก้านชูเกสรร่วม แยกเป็นเกสรตัวผู้ประมาณ 5-8 ก้าน ส่วนก้านเกสรตัวเมียมีประมาณ 3-4 ก้าน รังไข่เกลี้ยง

ผล ลักษณะเป็นรูปทรงกลม ผลเมื่ออ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมสีส้ม และมีใบประดับเส้นฝอยคลุมอยู่ ภายในผลมีเนื้อหุ้มเมล็ดใสและฉ่ำน้ำ (คล้ายกับเมล็ดแมงลักแช่น้ำ) มีรสหวานแบบปะแล่ม ๆ

การนำมาใช้ประโยชน์
-โรคผิวหนัง ผื่นคัน ใบสดนำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำพอสมควร นำมาทาวันละ 3-4 ครั้ง เพื่อใช้รักษาโรคผิวหนัง แก้อาการคัน แก้หิด
-อาการปวดศีรษะ ด้วยการใช้ใบนำมาตำใช้พอกหรือประคบที่ศีรษะ 
-อาการไข้ ไข้จับสั่นใช้ รากต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้จับสั่น
-อาการหวัด คัดจมูก ใช้ใบตำพอกศีรษะ ช่วยแก้อาการหวัด คัดจมูก
-อาการท้องอืดเฟ้อ ช่วยทำให้ผายลม ใช้เมล็ดนำมาตำให้ละเอียด ใช้ผสมกับน้ำส้มและรมควันให้อุ่น แล้วเอาไปทาท้องเด็ก
-อาการแผลไฟไฟม้น้ำร้อนลวก ใช้เปลือกต้นนำมาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าว ช่วยแก้ไฟไหม้น้ำร้อนลวก 
-ช่วยขับพยาธิ ใช้ใบนำมาตำให้ละเอียด แล้วคั้นเอาแต่น้ำดื่มเป็นยาเบื่อและยาขับพยาธิ
-สิว ใบนำมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำใช้พอกรักษาสิว
-ยอดอ่อน สามารถใช้รับประทานเป็นผักสด หรือนำมาต้มหรือลวกเป็นผักจิ้มน้ำพริก และแกงเลียง 
-ผลดิบสีเขียว รสขม ทำให้เมา กลิ่นเหม็นเขียว ทุบแล้วแช่น้ำหนึ่งคืน ใช้ฉีดรอบโคนต้นดอกไม้ป้องกันหอยกัดกิน และทำลายการเกิดแมลงศัตรูพืชที่ฝังตัวอยู่ตามพื้นดิน
-ผลสุกสีเหลือง รสเปรี้ยวปร่า เป็นอาหารนก คนโบราณรับประทานช่วยระบายท้อง
-ในด้านทางการเกษตร เนื่องจากต้นกะทกรกมีสารพิษชื่อว่า Cyanpgenetic glycosides ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นยาฆ่าและป้องกันแมลงศัตรูพืชได้ โดยเฉพาะตัวด้วงถั่วเขียว ซึ่งสารพิษดังกล่าวจะไปยับยั้งการเกิดเป็นตัว
-ใช้ปลูกเป็นพืชคลุมดินและทำปุ๋ยหมักได้ เนื่องจากต้นกะทกรกมีกลิ่นเหม็นเขียว จึงช่วยป้องกันไม่ให้สัตว์เข้ามาทำลายได้
-แพทย์ชาวเวียดนามใช้ใบเป็นสงบระงับ ระงับความเครียดและความวิตกกังวล ด้วยการใช้ใบแห้งประมาณ 10-15 กรัม (ต่อวัน) นำมาต้มกับน้ำดื่ม
-ชาวจีนใช้ดอกตากแห้งต้มจิบเป็นยาคุมธาตุ และแก้ไอ

ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
ในการนำกะทกรกมาใช้รับประทานทั้งในรูปแบบของอาหาร ผลไม้ หรือ ในรูปแบบยาสมุนไพร ควรระมัดระวังในการใช้ให้มากเนื่องจาก ทุกส่วนของลำต้นยกเว้นเยื่อหุ้มผล หรือ เนื้อหุ้มเมล็ดมีรสเบื่อเมา เป็นพิษเนื่องจากมีสารไซยาโนเจนิก ไกลโคไซด์ (Cyanogenic glycoside) หากนำมารับประทานสดอาจทำให้เสียชีวิตได้ แต่สารพิษดังกล่าวจะสลายตัวไปเมื่อถูกความร้อน ดังนั้นก่อนจะนำส่วนต่างๆ ของกะทกรก มารับประทานจึงต้องนำไปต้มให้สุกเสียก่อน

ขอบคุณข้อมูลจาก https://thai-herbs.thdata.co/page/กระทกรก-เถาสิงโต/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่