จับตาการย้าย LTF เป็น Thai ESGX และ เงินเฟ้อต่ำกว่าคาด หนุนตลาดหุ้นสหรัฐพุ่ง ดอลลาร์อ่อนตัว

โบรกมองการโยก LTF เป็น Thai ESGX หนุนส่งแรงหนุนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ Downside จำกัด ด้าน "เอนก อยู่ยืน" เผย มูลค่าการระดมทุนรวมของ 37 กองทุนที่เสนอขาย IPO Thai ESGX แตะ 840 ล้าน

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มองว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นไทยวันนี้ 13 พ.ค.68 หลักๆ เป็นผลมาจากความกังวลต่อสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกที่คลายลง

หลังจากที่สหรัฐฯ-จีน เห็นพ้องปรับลดภาษีการค้าลง 115% เหลือ 30% และ 10% ข้อตกลงชั่วคราวมีผล 90 วัน โดยผลการเจรจาถือว่าดีกว่าที่ตลาดคาดและใช้เวลาสั้นกว่าที่ตลาดประเมิน ซึ่งท่าทีและผลการเจรจาดังกล่าวเป็นบวกกับทิศทางเศรษฐกิจโลก และสินทรัพย์เสี่ยง

สำหรับการสับเปลี่ยนจากกองทุน LTF มาเป็น Thai ESGX ซึ่งประเดิมวันนี้เป็นวันแรกนั้น มองว่าก็มีส่วนที่สนับนุนให้ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ยืนแดนบวกได้ และคาดว่าน่าจะหนุนให้ตลอดทั้งสัปดาห์ดัชนีตลาดหุ้นไทยมี Downside ที่จำกัดลง แกว่งแดนบวกได้ตลอดสัปดาห์

ทั้งนี้ ประเมินกรอบดัชนี SET Index ในสัปดาห์นี้ไว้ที่ระดับ แนวรับ 1,200 - 1,220 จุด และแนวต้นที่ระดับ 1,250 - 1,280 จุด หากว่ารัฐบาลไทยเร่งเครื่องเดินหน้าเจรจาการค้ากับทางสหรัฐฯ เป็นผลสำเร็จด้วยดี ก็มีโอกาสที่จะเห็นดัชนีดีดขึ้นไปเหนือระดับ 1,280 จุดได้

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า สำหรับการย้าย LTF เป็น Thai ESGX ไม่มีผลอย่างมีนัยยะสำคัญต่อตลาดหุ้นเพราะเป็นเพียงการชะลอแรงขาย แต่ที่สำคัญอาจมาจากเม็ดเงินที่จะเข้ากองทุน Thai ESGX
ซึ่งข้อมูลจากนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุนระบุว่าภาพรวมเม็ดเงินที่เข้ามายังเบาบาง ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่ไม่จูงใจเท่าใดนัก ทำให้ตลาดหุ้นไทยขาดแรงหนุนจากเชิงพื้นฐานและกระแสเงินทุน ด้านนักลงทุนต่างชาติก็อาจจะยังไม่เร่งร้อนเข้าลงทุนเมื่อประเทศอื่นภาษีมีแนวโน้มต่ำกว่าไทย (ภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ)

การระดมทุน Thai ESGX 
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า มูลค่าการระดมทุนของกองทุน Thai ESGX จำนวน 37 กองทุนจากการเสนอขายครั้งแรก (IPO) มีมูลค่าการระดมทุนรวม 840 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนมีเวลาลงทุนใน Thai ESGX ได้ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 68

และสำหรับผู้ที่ถือหน่วยลงทุน LTF ที่ต้องการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี บลจ.ส่วนใหญ่จะเปิดให้เริ่มสับเปลี่ยนเป็นหน่วยลงทุน Thai ESGX ได้ตั้งแต่วันนี้ (13 พ.ค.68) โดยต้องสับเปลี่ยนทั้งหมด ทุกกองทุน ทุก บลจ. ภายในวันที่ 30 มิ.ย. 68 ซึ่งหากพิจารณาจากใช้สิทธิลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีอื่นๆ จะพบว่า ผู้ลงทุนมักจะรอดูสภาวะตลาดและตัดสินใจลงทุนในช่วงปลายมาตรการ 

สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ Thai ESGX แบ่งออกเป็น 2 วงเงิน ประกอบด้วย
วงเงินที่ 1 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจลงทุนใน Thai ESGX ได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี (วันชนวัน นับแต่วันที่ลงทุน) 

วงเงินที่ 2 สำหรับผู้ที่ถือหน่วยลงทุน LTF ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่แจ้งความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เดิม ทั้งหมดใน LTF ทุกกองทุนในทุก บลจ. (ไม่รวม class หน่วยภาษีอื่นภายใต้กองทุนเดียวกัน เช่น class SSF) มาเป็นหน่วยลงทุนของ Thai ESGX ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท ตั้งแต่ปีภาษี 2568 - 2572 โดยในปี 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาท และปี 2569 - 2572 ให้ได้รับลดหย่อนเป็นจำนวนเท่าๆ กันในแต่ละปีภาษี


ดัชนีหุ้นหลักในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันอังคาร ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนเมษายนออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
รายงานของสำนักสถิติแรงงานสหรัฐระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อรายปีชะลอลงเหลือ 2.3% จากเดิม 2.4%
 

นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่สหรัฐและจีนตกลงหยุดสงครามการค้าชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน เพื่อลดภาษีตอบโต้และเปิดทางให้มีการเจรจาข้อตกลงถาวร ซึ่งช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นหุ้น สินทรัพย์ดิจิทัล หรือสินค้าโภคภัณฑ์
 

ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 42.36 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ 5,886.55 จุด 
 
ขณะที่ Nasdaq พุ่งขึ้น 301.74 จุด หรือ 1.61% ปิดที่ 19,010.09 จุด 
 
อย่างไรก็ตาม ดัชนี Dow Jones กลับปรับตัวลดลง 269.67 จุด หรือ 0.64% มาปิดที่ 42,140.43 จุด จากแรงกดดันของหุ้น UnitedHealth หลังบริษัทประกาศระงับการคาดการณ์ผลประกอบการประจำปี และซีอีโอของบริษัทลาออก
 

ในตลาดเงิน ดัชนีดอลลาร์สหรัฐลดลง 0.79% เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก 
ขณะที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.94% อยู่ที่ 1.1191 ดอลลาร์สหรัฐ
 

ด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาทองคำปรับตัวขึ้น โดยทองสปอตเพิ่มขึ้น 0.61% อยู่ที่ 3,253.51 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 
 

ส่วนทองคำล่วงหน้าสหรัฐปิดที่ 3,247.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.6% 
 
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดที่ 66.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.57% 
 
และน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐ ปิดที่ 63.67 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.78%



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่