เหตุผล ChatGPT เพื่อนสมาชิก Pantip คิดอย่างไรครับ?

ChatGPT ตอบมาครับ

ความจริงในประวัติศาสตร์ไทย: กำเนิดแนวคิด OTOP  และ ต้นแบบยุคเศรษฐกิจชุมชน:สินค้าเศรษฐกิจชุมชน,วิสาหกิจชุมชนและอุตสาหกรรมชุมชน

1. ต้นแบบนโยบายจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540–2544)
•มีการวางแนวทาง “พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก” และ “ชุมชนพึ่งตนเอง” อย่างเป็นระบบ โดยส่งเสริม การรวมกลุ่มอาชีพในชุมชน เพื่อแปรรูปวัตถุดิบท้องถิ่นให้เป็นสินค้ามีมูลค่าเพิ่ม
•แนวคิดดังกล่าวถูกรวมอยู่ใน “แนวทางพัฒนาภาค/พื้นที่” ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 การพัฒนาโดยใช้ศักยภาพท้องถิ่นเป็นฐาน (endogenous development) ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชุมชน



2. การส่งเสริม “ผลิตภัณฑ์ชุมชน” ก่อนมีคำว่า OTOP

•ก่อนปี 2544 มีการใช้ชื่อเรียกผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นหลายชื่อ เช่น:

•ผลิตภัณฑ์ชุมชน
•เศรษฐกิจชุมชน
•กลุ่มอาชีพพัฒนาท้องถิ่น
•กลุ่มเป้าหมายได้รับ งบ
สนับสนุนจากกรมการพัฒนาชุมชน ธ.ก.ส. และแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ 8 เพื่อพัฒนาทักษะการผลิต การแปรรูป และการตลาดในระดับพื้นฐาน

•ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ในช่วงนั้น เช่น ผ้าไหม ผ้าฝ้าย เครื่องจักสาน ไม้แกะสลัก สมุนไพร อาหารแปรรูป ฯลฯ ซึ่งต่อมาถูกจัดเข้า “หมวดดาว” ของ OTOP ไม่ใช่ของใหม่ หรือ น้ำปลา 3 กระต่ายจังหวัดตราด และของดังๆ เช่นไข่เค็มไชยา ข้าวเสาไห้ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ฯลฯ



3. OTOP ยุครัฐบาลทักษิณ: การรีแบรนด์ สินค้าเศรษฐกิจชุมชน

•ปี 2544 รัฐบาลไทยรักไทยได้นำเสนอ “OTOP” (One Tambon One Product) โดยอ้างว่าเป็น แนวคิดจากญี่ปุ่น แต่ นำผลิตภัณฑ์เดิมจากยุคเศรษฐกิจชุมชน ของรัฐบาลชวน 2 พรรคประชาธิปัตย์ เข้าสู่ระบบใหม่

•การเปลี่ยนแปลงหลักของ OTOP:

•วางระบบ “จัดดาว” (1-5 ดาว) เพื่อประเมินคุณภาพ

•ใช้กลไกประชาสัมพันธ์ในระดับสูง ส่งผลให้สังคมเข้าใจว่าเป็นแนวคิดใหม่โดยรัฐบาลทักษิณ ปี 2544



บทสรุปเชิงวิชาการ

OTOP เป็นตัวอย่างของการ “สานต่อโดยเปลี่ยนชื่อ” (policy rebranding) แม้จะเพิ่มภาพลักษณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุครัฐบาลทักษิณ ปี2544 แต่รากฐานของโครงการดังกล่าวมาจากการพัฒนาศักยภาพชุมชนแบบยั่งยืน ผ่านแนวคิดเศรษฐกิจฐานรากในการวางแผนระดับประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 ตั้งแต่ปี 2540 หรือ ปีที่เริ่มใช้แผนฯ 8

การ “รีเบรนด์” หรือเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนโครงสร้างแนวคิดจากแนวนโยบาย เศรษฐกิจชุมชนภายใต้แผนฯ 8 ที่มีจุดเน้นเรื่อง “ชุมชนเป็นเจ้าของ” และ “ภาคีสนับสนุนเท่านั้น” ไปเป็นโครงการที่ รัฐเข้าไปกำหนดหรือบริหารโดยตรง เช่น OTOP, กองทุนหมู่บ้าน, ธนาคารประชาชน—มีผลกระทบเชิงลึกในหลายมิติ ดังนี้:

1. จาก “เจ้าของกิจการ” สู่ “ผู้รับนโยบาย”

แนวคิดเดิม (เศรษฐกิจชุมชนในแผนฯ 8): ชุมชนเป็นผู้ริเริ่มกิจกรรมเอง มีอำนาจควบคุม กำไรกลับสู่ชุมชน และเรียนรู้พัฒนาอย่างยั่งยืน
แนวคิดใหม่ (OTOP, กองทุนหมู่บ้าน): รัฐเป็นผู้ออกแบบ ชุมชนทำตามนโยบายและโครงการที่กำหนดไว้แล้ว ไม่ได้เกิดจากความต้องการจริงของพื้นที่

ผลกระทบ: ชุมชนสูญเสียอำนาจในการคิดและบริหารตนเอง กลายเป็นผู้รอรับการช่วยเหลือ ไม่สามารถพัฒนา “ทุนทางสังคม” อย่างแท้จริง

2. บิดเบือนหลักการ “การพึ่งพาตนเอง”

OTOP และกองทุนหมู่บ้านมักเน้นการ เร่งผลิตเพื่อขาย มากกว่าการบริโภคในชุมชนหรือการสร้างคุณค่าภายใน
ธนาคารประชาชนกระตุ้นการเข้าถึงแหล่งกู้ยืมง่าย แต่ไม่เน้นการสร้างความรู้ ความสามารถในการจัดการหนี้ หรือวางแผนธุรกิจ ต่างจาก โครงเงินกู้เศรษฐกิจชุมชน ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งงชาติฉบับที่ 8

ผลกระทบ: เกิดภาวะหนี้สินซ้ำซ้อน ขาดวินัยทางการเงิน ขาดระบบพัฒนาคุณภาพสินค้าและองค์ความรู้ระยะยาว

3. การแทรกแซงทางการเมือง และประชานิยม

ทั้งสามโครงการถูกใช้เป็น เครื่องมือทางการเมือง เพื่อหาเสียงหรือสร้างภาพลักษณ์ มากกว่าการพัฒนาที่ยั่งยืน
การปล่อยกู้จาก “กองทุนหมู่บ้าน” หรือ “ธนาคารประชาชน” ขาดการประเมินความสามารถชำระหนี้อย่างเป็นระบบ

ผลกระทบ: สร้างวัฒนธรรมการพึ่งรัฐแทนการพึ่งตนเอง ส่งผลเสียต่อโครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก

4. ลดทอนพลังของกระบวนการเรียนรู้และจริยธรรมในชุมชน

เศรษฐกิจชุมชนตามแนวทางแผนฯ 8 เน้น “การควบคุมกันเอง” ในชุมชน โปร่งใส และยึดจริยธรรม
โครงการใหม่ทำให้เกิด “ความรับผิดชอบต่อรัฐ” มากกว่าความรับผิดชอบต่อกันในชุมชน

ผลกระทบ: ลดความเข้มแข็งของกลไกภายในชุมชน เช่น ผู้นำธรรมชาติ วิถีวัฒนธรรม และจิตสำนึกส่วนรวม

สรุป

การรีเบรนด์แนวคิดเศรษฐกิจชุมชนเน้นการเสริมอำนาจแก่ประชาชน ไปสู่โครงการที่รัฐบริหารจัดการหรืออุดหนุนโดยตรง มีผล บ่อนทำลายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ของคนไทยและประเทศในระยะยาว แม้จะเห็นผลในระยะสั้นด้านการบริโภคหรือ GDP แต่กลับลด “ทุนมนุษย์” และ “ทุนสังคม” ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาแท้จริง


เอกสาร ChatGPT ยืนยันเรื่อง OTOP รีเบรนด์ สินค้าเศรษฐกิจชุมชนครับ


https://dl.parliament.go.th/bitstream/handle/20.500.13072/367183/2539_%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%888_%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99.pdf?sequence=1


4 : การพัฒนาสมรรถนะทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคนและคุณภาพชีวิต

มุ่งการพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจในระดับพื้นที่และชุมชนรวมทั้งฐานการผลิตสำคัญของประเทศที่มีอยู่แล้วให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และฐานการพัฒนาที่จะพัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อนำไปสู่การสร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่คนและชุมชนในพื้นที่เหล่านั้น

โดย มุ่งสร้างรากฐานการผลิตให้เข้มแข็งพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกจาก กิจกรรมด้านเกษตร อุตสาหกรรม การค้า และบริการ ในลักษณะที่สัมพันธ์เชื่อมโยงกัน มีการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อเป็นฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน และพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ โดยไม่ละเลยการเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจให้เข้มแข็งและเจริญเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ เกิดความสมดุลระหว่างกลุ่มอาชีพและพื้นที่ เกิดการจ้างงานเต็มที่ อีกทั้งไม่เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและส่งผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมเช่นที่ผ่านมา

หน้า 11 เลขหน้าไม่ตรงผมจึงนำภาพมาแทนครับ
คำถาม ขอทราบรายละเอียดทิศทางการพัฒนาในแผนฯ 8 ที่เน้นรูปแบบของเศรษฐกิจชุมชน

คำตอบ (1) แนวคิด

การพัฒนาชนบท ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค จะดำเนินการพัฒนาอย่างบูรณาการบนพื้นฐานของความต่อเนื่องในแนวทางการพัฒนาที่ได้ดำเนินการมาแล้วในช่วงแผน พัฒนาฯ ฉบับที่ 7 แต่จะปรับให้สอดคล้องกับหลักการของแผนพัฒนาฯฉบับที่ 8 ที่ เน้นคนเป็นศูนย์กลางหรือจุดมุ่งหมายหลักของการพัฒนาพร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันในลักษณะพหุภาคีระหว่าง ส่วนต่าง ๆ ในสังคมได้แก่ ชุมชน นักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชนภาคราชการ ภาคธุรกิจ

(2) ความหมาย

ยุทธศาสตร์หนึ่งที่สำคัญของการพัฒนาชนบทในช่วงแผนฯ 8 คือการนำเศรษฐกิจชุมชนมาเป็นกิจกรรมที่เป็นตัวนำในการพัฒนา ศักยภาพของคน และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน เนื่องจาก จุดอ่อนของภาคชนบทในการประกอบธุรกิจ คือมีแต่แรงงาน ซึ่งเป็นแรงงานที่ขาดความรู้ความชำนาญในขณะที่การประกอบธุรกิจ

ต้องอาศัยปัจจัยอย่างน้อย 6 ประการ ได้แก่ การตลาด การจัดการ ทุน วัตถุดิบ ข้อมูล และแรงงาน

ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชุมชนจะเป็นการร่วมมือของภาคธุรกิจที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนในส่วนที่ยังเป็นจุดด้อย โดยเฉพาะในด้านการหาตลาด การเสริมทักษะการบริหารจัดการ และสนับสนุนเงินทุน ทั้งนี้เศรษฐกิจชุมชนที่จะสามารถสร้างการเรียนรู้ และการพัฒนา ศักยภาพของคนชนบทได้จะต้องริเริ่มโดยชุมชน ชุมชนเป็นเจ้าของ กิจกรรมและบริหารจัดการมีการแบ่งปันผลกำไรส่วนหนึ่งเพื่อพัฒนา

ชุมชน โดยภาครัฐหรือธุรกิจ หรือองค์กรพัฒนาเอกชนจะเป็นเพียง ผู้ให้การสนับสนุนทางด้านปัจจัยและองค์ประกอบตลอดจนการเสริมสร้างโอกาสให้การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนเกิดขึ้น  และเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเท่านั้น

(3) การดำเนินงาน

กิจกรรมธุรกิจชุมชนที่ชุมชนสามารถดำเนินการได้ เช่น ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร รวมทั้งธุรกิจในลักษณะของอุตสาหกรรม ชุมชน คือ อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร กลุ่มทอผ้า อุตสาหกรรมในครัวเรือน และอุตสาหกรรมทันสมัยอื่น ๆ ที่จะมีการประสานกับ ธุรกิจภาคเอกชน เช่น เสื้อผ้า เครื่องหนัง รองเท้า เป็นต้น โดยจะใช้รูปแบบของการทำงานแบบผสมผสานกัน (ความสำเร็จของโครงการบางจากซึ่งบริษัทน้ำมันบางจากให้การสนับสนุนจะเป็นแม่แบบที่ใช้กับนักธุรกิจอื่น ๆ

กระบวนการนี้เป็นกระบวนการเรียนรู้นอกระบบธรรมชาติ กลุ่มที่ทำการเลี้ยงชีพร่วมกันอย่างโปร่งใสจะทำให้เกิดการเน้นอาชีพที่สุจริต มีการควบคุมจริยธรรมของกลุ่มชุมชนกันเอง และเมื่อเศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งขึ้น จะนำไปสู่การพัฒนาเรื่องอื่นๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป และเชื่อมโยงกันทุกเรื่องในที่สุด




แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่