ข่าวดี!กทม.เปิดให้ตรวจสุขภาพฟรี พร้อมทั้งฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ภายในงาน BKK EXPO 2025 เช็กเงื่อนไขการเข้ารับบริการที่นี่
ข่าวดีสำหรับคนเมืองกรุงฯเพราะล่าสุดในงาน BKK EXPO 2025 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2568 ทางกรุงเทพมหานคร ได้ประกาศว่า จะเปิดให้ตรวจสุขภาพฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแค่พกบัตรประชาชนใบเดียวก็ตรวจได้เลย นอกจากนั้นแล้วภายในงานยังเปิดให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรีอีกด้วย ซึ่งเงื่อนไขรายละเอียดในการเข้ารับบริการต่างๆจะมีอะไรบ้าง "ฐานเศรษฐกิจ"รวบรวมมานำเสนอดังนี้
BKK EXPO 2025 จัดวันไหน เวลากี่โมง สถานที่ใด
วันที่ 15-18 พฤษภาคม 2568
เวลา 12.00 - 20.00 น. (โซนตรวจสุขภาพจะเริ่มตั้งแต่แปดโมงเช้า)
อาคารพิพิธภัณฑ์สวนป่าเบญจกิติ (MRT ศูนย์สิริกิติ์)
ตรวจสุขภาพฟรี ในงาน BKK EXPO 2025 มีบริการอะไรบ้าง
บริการตรวจสุขภาพครบวงจร
ตรวจคัดกรองสุขภาพ
ตรวจเลือด
เอกซเรย์ปอด
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ประเมินสุขภาพจิต
คัดกรองมะเร็งปากมดลูก
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
เงื่อนไขในการตรวจสุขภาพฟรีและฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ในงาน BKK EXPO 2025
ผู้ที่เจาะเลือดควรงดอาหารและน้ำ 8-10 ชั่วโมงก่อนตรวจ (หากไม่ประสงค์เจาะเลือดก็สามารถรับบริการตรวจประเภทอื่นได้)
วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีการให้บริการ จำนวน 1,000 โดส/วัน รวม 4 วัน (วันที่ 15-18 พฤษภาคม 2568) มีจำนวนทั้งหมด 4,000 โดส
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้บริการประชาชนที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป
โซนตรวจสุขภาพฟรีจะเปิดตั้งแต่เวลา 8:00-18:00 น.
การตรวจสุขภาพฟรีและฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ในงาน BKK EXPO 2025 ต้องใช้หลักฐานอะไรบ้าง
นำบัตรประชาชนตัวจริงมาแสดง
รับผลตรวจสุขภาพผ่านแอป "หมอ กทม."
ฟิตผิดชีวิตเปลี่ยน! แพทย์แนะเคล็ดลับออกกำลังกายปลอดภัย ไม่เจ็บ
แพทย์ รพ.วิมุต แนะข้อควรรู้ก่อนออกกำลังกายที่คนมองข้าม พร้อมแชร์เคล็ดลับเพื่อให้ทุกคนฟิตร่างกายได้อย่างสบายใจ ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวเจ็บ
ในช่วงนี้จะเห็นว่าเทรนด์ที่มาแรงในกลุ่มคนรุ่นใหม่คือเรื่องการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารคลีน การใส่ใจตรวจสุขภาพ และการเริ่มออกกำลังกายที่กลายเป็นไลฟ์สไตล์ยอดฮิต โดยเฉพาะชาวออฟฟิศที่หันมาออกกำลังกายเพื่อบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรมกันมากขึ้น แต่ก็มีหลาย ๆ คนที่รีบร้อนเริ่มออกกำลังกายจนไม่ได้เตรียมร่างกายให้พร้อม ใช้อุปกรณ์ไม่เหมาะสม และออกกำลังกายไม่ถูกวิธี ส่งผลให้ร่างกายเจ็บและปวดยิ่งกว่าเดิม
นพ. ปฐมฉัฐ พิสิฐวัฒนาภรณ์ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์การกีฬา โรงพยาบาลวิมุต เล่าถึงข้อควรรู้ก่อนออกกำลังกายที่คนมองข้าม พร้อมแชร์เคล็ดลับเพื่อให้ทุกคนฟิตร่างกายได้อย่างสบายใจไม่ต้องกลัวเจ็บ
รู้ก่อนเริ่ม! ใครเสี่ยงเจ็บจากการออกกำลังกาย
สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก่อนเริ่มออกกำลังกายคือการรู้ขีดจำกัดของร่างกายตัวเอง เพราะการออกกำลังกายแบบหักโหมโดยไม่เตรียมตัวให้พร้อมอาจนำไปสู่อาการบาดเจ็บได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีแนวโน้มเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป ได้แก่
ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
ผู้ป่วยโรคเรื้อรังอย่างเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง
ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน
คนที่เป็นออฟฟิศซินโดรม
คนที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน
“กลุ่มนี้ควรตรวจร่างกายเบื้องต้นก่อน เช่น วัดความดันโลหิต เช็กสมรรถภาพหัวใจ และประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพื่อจะได้รู้ขีดจำกัดของร่างกายตัวเอง และนำไปวางแผนการออกกำลังกายให้เหมาะกับสภาพร่างกายมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นควรเลือกกิจกรรมที่แรงกระแทกน้อย เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยานช้า ๆ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว ลดโอกาสบาดเจ็บที่อาจตามมา” นพ. ปฐมฉัฐ กล่าว
ออกกำลังกายก็ดี แต่ออกให้ถูกวิธีดีที่สุด
เมื่อรู้ขีดจำกัดของร่างกายแล้ว ขั้นต่อไปคือเริ่มออกกำลังกายแบบค่อยเป็นค่อยไป เช่น ถ้าอยากวิ่ง ก็อาจเริ่มต้นด้วยการเดินเร็วไปก่อนวันละ 15-30 นาที และค่อย ๆ เพิ่มเวลาหรือเพิ่มความเข้มข้นขึ้นทีละประมาณ 10% ต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายมีเวลาปรับตัว
ซึ่งการออกกำลังกายที่ดีไม่ควรทำแค่รูปแบบเดียว แต่ควรสลับประเภทกิจกรรมในหนึ่งสัปดาห์ ทั้งการคาร์ดิโอ เวทเทรนนิ่ง และการยืดเหยียด เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงทั้งระบบกล้ามเนื้อและหัวใจ และควรศึกษาวิธีหรือท่าทางที่ถูกต้องของแต่ละกิจกรรมก่อนเริ่มทุกครั้ง
ก่อนออกกำลังกายอย่าลืมวอร์มอัพอย่างน้อย 5 – 10 นาที และควรยืดเหยียดหลังออกกำลังกายทุกครั้ง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและลดอาการปวดตึง รวมถึงควรพักฟื้นร่างกายอย่างน้อย 1 – 2 วัน ต่อสัปดาห์ ที่สำคัญคือต้องหมั่นสังเกตร่างกายระหว่างออกกำลัง ถ้าเริ่มมีอาการหายใจไม่ทัน รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ข้อหรือกล้ามเนื้อ หรือมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ ควรหยุดพักทันทีก่อนเกิดการบาดเจ็บ เพราะนั่นคือสัญญาณเตือนว่าร่างกายไม่ไหวแล้ว
ออฟฟิศซินโดรม ท่าไหนควรเลี่ยง ท่าไหนควรทำ
สำหรับคนที่ออกกำลังกายเพื่อบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรม เช่น ปวดคอหรือหลังเรื้อรัง แพทย์แนะนำเลี่ยงท่าที่ต้องก้มคอหรือก้มหลังซ้ำ ๆ เพราะอาจทำให้ปวดคอหรือปวดหลังรุนแรงขึ้นได้ และควรเน้นออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core Muscles) และกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างเพื่อพยุงกระดูกสันหลังและเพิ่มความมั่นคงให้ร่างกาย พร้อมทั้งยืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ เป็นประจำ เวลาทำงานก็ลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถหรือยืดเส้นยืดสายทุก ๆ ชั่วโมง จะช่วยให้กล้ามเนื้อไม่ตึงสะสมจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังในระยะยาว
คนที่เคยบาดเจ็บจากการออกกำลังกายอาจรู้สึกเข็ดและไม่อยากลองอีก แต่จริง ๆ แล้วทุกคนสามารถกลับมาออกกำลังกายได้ แค่ต้องเลือกกิจกรรมที่เหมาะกับร่างกายตัวเอง สำหรับใครที่กังวล สามารถปรึกษานักกายภาพบำบัดหรือเทรนเนอร์ที่มีประสบการณ์ เพื่อช่วยกันวางแผนหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละคน
“ใครที่ยังลังเลไม่กล้าเริ่มฟิต ไม่ว่าจะเพราะกลัวเจ็บ กลัวไม่ไหว หรือมีเวลาน้อย อยากให้เข้าใจว่าการออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องเริ่มจากอะไรหนัก ๆ ขอแค่เริ่มจากสิ่งง่าย ๆ อย่างการเดินในบ้านวันละ 15 นาที แต่ขอให้ทำสม่ำเสมอ แล้วค่อย ๆ ขยับไปทำกิจกรรมอื่น เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายในทุก ๆ วัน" นพ. ปฐมฉัฐ กล่าว
กทม.ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ -ตรวจสุขภาพฟรี ในงาน BKK EXPO 2025 และ ฟิตผิดชีวิตเปลี่ยน! แพทย์แนะเคล็ดลับออกกำลังกายปลอดภัย