คือในอเมริกาและยุโรป ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวทั้งของรัฐและเอกชนจะมีการเก็บในราคาเดียว ไม่ว่าคนท้องถิ่นหรือนทท ต่างชาติ คือเก็บในราคาสูง จะมีแพคเกจเฉพาะให้กับกลุ่มคนพิเศษ เช่น ผู้สูงอายุ นักเรียนในระดับชั้นเฉพาะเช่น เกรด 4 ทหารหรือเจ้าหน้าที่ ผู้พิการ แต่คนทั่วไปคือจ่ายเท่ากัน
ส่วนบ้านเราและประเทศต่างๆ ในเอเชีย (ยกเว้นเวียดนาม) มักมีราคา 2 แบบคือ คนท้องถิ่นอาจเข้าฟรี หรือเสียน้อย ส่วนนทท ต่างชาติจะเก็บในราคาสูง เขามองว่าไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติ จนถึงขนาดเรียกว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ
ฝรั่งมักมองว่าคนไทยหรือคนในประเทศแถบนี้ มีความคิดว่านทท ต่างชาติมีฐานะที่ดีจึงเก็บค่าเข้าในอัตราสูง ส่วนคนท้องถิ่นมีฐานะที่ด้อยกว่ามาก เทียบค่าแรงขั้นต่ำ GDP จึงเก็บในราคาที่ต่ำ อีกทั้งเป็นสมบัติของชาติตัวเอง
มุมมองของชาวตะวันตกก็แตกต่างกันมากแล้วพยายามยัดเยียดแนวคิดนี้มาให้กับประเทศที่ด้อยกว่า
ได้ข่าวว่าทางการไทยจะเปลี่ยน จะยกเลิกการเก็บค่าเข้าแบบสองราคา ทีนี้ปัญหาคือจะเก็บแบบไหน เก็บคนไทยเข้าอุทยาน พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ ฯลฯ ในราคาเท่ากับฝรั่งต่างชาติ หรือจะลดราคาฝรั่งลงเท่าคนไทย
ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ก็จะเกิดปัญหาแน่นอน
ทำไมนทท ต่างชาติถึงมองว่าการเก็บค่าเข้าสองมาตรฐานเป็นการ racist หรือเลือกปฏิบัติ
ส่วนบ้านเราและประเทศต่างๆ ในเอเชีย (ยกเว้นเวียดนาม) มักมีราคา 2 แบบคือ คนท้องถิ่นอาจเข้าฟรี หรือเสียน้อย ส่วนนทท ต่างชาติจะเก็บในราคาสูง เขามองว่าไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติ จนถึงขนาดเรียกว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ
ฝรั่งมักมองว่าคนไทยหรือคนในประเทศแถบนี้ มีความคิดว่านทท ต่างชาติมีฐานะที่ดีจึงเก็บค่าเข้าในอัตราสูง ส่วนคนท้องถิ่นมีฐานะที่ด้อยกว่ามาก เทียบค่าแรงขั้นต่ำ GDP จึงเก็บในราคาที่ต่ำ อีกทั้งเป็นสมบัติของชาติตัวเอง
มุมมองของชาวตะวันตกก็แตกต่างกันมากแล้วพยายามยัดเยียดแนวคิดนี้มาให้กับประเทศที่ด้อยกว่า
ได้ข่าวว่าทางการไทยจะเปลี่ยน จะยกเลิกการเก็บค่าเข้าแบบสองราคา ทีนี้ปัญหาคือจะเก็บแบบไหน เก็บคนไทยเข้าอุทยาน พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ ฯลฯ ในราคาเท่ากับฝรั่งต่างชาติ หรือจะลดราคาฝรั่งลงเท่าคนไทย
ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ก็จะเกิดปัญหาแน่นอน