มันยากจริงหรือ เงินออม 6 เท่า ไหนใครว่าจะกินยังไม่พอจะเก็บได้ยังไง มาแชร์กัน

จากกระทู้ต้นเรื่อง  การสร้างเงินออมกับการใช้จ่ายในสิ่งที่เรามองไม่เห็นว่าฟุ่มเฟือย  แต่มันคือสิ่งที่ฟุ่มเฟือย (?)  กับคำพูดที่ว่า  "ก็แค่ลดกาแฟเย็นแก้วหนึ่ง  เดือนหนึ่งเราจะได้เงินเก็บแล้ว "  ส่วนอีกสายก็ว่า  "อยากกินกาแฟไม่ได้อยากเก็บเงินอ้ะ"
   และถ้าคุณเป็นสายชิลล์  ไม่สนใจใครว่าอย่างไร  ไม่คาดหวังหรือวางแผนถึงอนาคต ขอสบายตอนนี้  เดี๋ยวนี้  หรือเป็นประเภทที่มีทุนรองรังมากมาย  มีสายซัพพอร์ตเป็นครอบครัวที่จะหันไปขอเงินเสริมเมื่อไหร่ก็ไวหว่ากดยูเมะพลัส  หรือเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้สูงลิ่วซึ่งมีส่วนน้อยของประเทศ   พอจะซัพพอร์ตตัวเองได้ไม่เดือดร้อน  ข้ามกระทู้นี้ไปค่ะ  คุณไม่ใช่เป้าหมายของกระทู้นี้......
  
      กระทู้นี้จะไม่มานั่งเถียงกันเรื่องเศรษฐกิจทำพิษ  รัฐบาลบริหารแบบใด  หรือเศรษฐกิจโลกสร้างความปั่นป่วนให้  สงครามต่างๆ  หรือใดๆนาๆที่เรายังแก้ไขไม่ได้ในตอนนี้   แต่กระทู้นี้จะเอาเดี๋ยวนี้ ตอนนี้  คือเราต้องเริ่มลงมือ  และเราต้องรอดไม่ว่ายุคไหน เศรษฐกิจแบบใดด้วยการเข้าใจตนเอง  และลงมือไม่เกี่ยงงอนโทษกร่นด่าชะตากรรมใดๆ
  ไม่มีเงินเก็บเพราะรายได้น้อยไม่พอเก็บหรือขาดวินัย

เราจะเอาแต่กร่นด่าสิ่งแวดล้อม  หรือโทษชะตาชีวิต  หรือจะเริ่มลงมือตอนนี้ที่เราทำได้  เริ่มที่เรา  และจบที่เรา เอาให้ดี

          อดีตมนุษย์ถังแตกแบบเรา  ขอเอามุมมองมาแชร์  เผื่อเพื่อนๆบางคนอาจจะได้แรงบันดาลใจดีๆ  ย้อนไปเมื่อ20 ปีก่อน  สมัยเราทำงานใหม่ๆ  เราผู้ได้เงินเดือนน้อย (แต่มีแฟนสายซัพ ส่งเงินให้ใช้อีก 2 เท่าของเงินเดือน)  เฝ้ารอคอยการถูกหวย  ด้วยความที่บริหารจัดการเงินไม่เป็น  กินทุกสิ่งที่อยากกิน  ทำทุกอย่างที่อยากทำ  ด้วยมองว่าทุกอย่างคือการซื้อความสุขให้กับตัวเอง เข้าร้านหรูกินอยู่ดี  ออกรถตั้งแต่ยังเงินเดือนน้อยเพื่อขับรถไปกลับ  200  กิโล ไปนวดหน้าทุกวันเสาร์  ​ชอปปิ้งทุกอย่างที่ชอบ  แม้ว่าจะไม่แพง  แต่ซื้อซ้ำบ่อยๆ  ซื้อเกินจำเป็นก็เสียเปล่าเท่ากับโยนเงินทิ้ง   ลิปมีทีละ  10  แท่ง  ลงเอยด้วยการโยนทิ้งเพราะหมดอายุ 8 ใน 10 ที่สำคัญ  เงินหมดตอนกลางเดือนต้องขอยืมเงินแม่มาทำงานวันละ 100  จนอายุได้ 32 ปี  มุมมองของเราก็เปลี่ยน  เพราะได้ไปเจอ  เพื่อนสมัยเรียน  ผู้ที่เราเคยดูถูกนางว่า ช่างขี้งก  เพราะนางใช้เงินอย่างประหยัด  ไม่ตามสังคม  ใช้ชีวิตแบบพอเพียง  เพื่อนที่เราหัวเราะเมื่อสมัยเรียน  เพราะนางบอกว่านางเปิดบัญชีฝากประจำโอนเงินรายเดือนที่ได้น้อยกว่าเรา เข้าบัญชีเดือนละ 1000 บาท  อย่างสม่ำเสมอ  ทั้งที่เราตอนนั้นได้เงินมากกว่านาง   แต่กลางเดือนเรายังชีพด้วยการหยิบยืมเพื่อนคนอื่นมาตลอด
       ในขณะที่ตอนนั้นเรามีแต่หนี้แม่  หนี้สหกรณ์  แต่เพื่อนสาว  มีทุกอย่าง  มีบ้าน ที่ผ่อนจะหมดแล้ว  มีทองคำ  มีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง   ตอนนั้นเราก็ได้คิด
เปลี่ยนแนวคิดชีวิตก็เปลี่ยน
      เราเริ่มมามองเสื้อผ้าที่กองเต็มตู้   รองเท้าหลายสิบคู่ กระเป๋าใบละ 100-200 บาท ที่กองเต็มห้อง  เครื่องสำอางอีกเต็มโต๊ะเครื่องแป้ง   คิดเสียดายอยากเอาไปแลกคืนเป็นเงินกลับมา  คะเนว่าถ้าเอาทั้งหมดนี้แปรเป็นเงินตามมูลค่าที่ซื้อมา  ไอ้เจ้าของไม่กี่บาท  รวมกันแล้ว น่าจะหลักแสน  ถ้าเราไม่ซื้อแต่แรก  10 กว่าปีมานี้  เราน่าจะมีเงินเก็บไม่น้อยกว่าแสน  และถ้าแปรเงินนี้ไปซื้อทอง  ตอนเราเริ่มทำงานทองบาทละ 5000 ถ้ามาขาย ณ ตอนนั้น  ราคาทองคำขึ้นเป็นเท่าตัว  เราคงมีเงินเก็บไม่น้อย   แล้วถ้าเราขืนทำแบบนี้ต่อไป ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน  ต่อให้เราไม่ประสบปัญหากลางคันอย่างตกงาน  เจ็บป่วย  หรือเหตุฉุกเฉินใดๆ   แต่ระยะเวลาทำงานของคนเราก็แค่ ไม่กี่สิบปี  ที่เหลือเราจะทำยังไงต่อ  ฝากชีวิตไว้กับบ้านพักคนชราอย่างที่เขาพูดกันก็ไม่ง่าย  เพราะสถานสงเคราะห์แบบคนยากไร้มีที่จำกัด  ส่วนที่เหลือก็ต้องมีเงินไปเช่า  ไปซื้อเพื่อเข้าอยู่นั่นคือความจริง  เอาเป็นว่าเหมือนคุณไปจ้างให้เขาดูแล คุณภาพชีวิตก็ตามเงินที่คุณจ่าย
   ยังไม่สายเกิน   นับจากนั้นเราก็เปลี่ยนตัวเอง
   1. เริ่ม  จากการทำรายรับรายจ่าย แต่ละวัน  สิ้นเดือนมาสรุป  แล้วก็เห็นรูรั่ว เราชอบซื้อของจุกจิกน่ารักราคาเบาๆ  ถึงแบนด์เนมไม่นิยม  แต่ไอ้ของราคาน้อยๆ  มารวมกันก็ถือว่าเปลือง   ชอบกินหรูๆ ขนม น้ำหวาน   ชอบความสบายแบบนอนนวดสปา   นวดหน้า  โลว์ไอทีแต่ก็ชอบซื้อมือถือเครื่องแพงๆ (ผ่อน)  และใช้ไม่คุ้มคือเล่นไม่กี่อย่าง  จนถึงปัจจุบันก็ดูหนัง  ฟังเพลง ไลน์ ติ๊กต๊อก  ไม่เคยใช้ฟังชั่นใดๆได้คุ้มค่า
  2. ลด  ลดการซื้อของตามใจตัวเอง  มีเท่าที่จำเป็น  ไม่ซื้อพร่ำเพรื่อ  ไม่เอานวดหน้า  ทำสปาเกินฐานะ   มือถือและรถ เอาให้คุ้ม  ซื้อเครื่อง/คันหนึ่ง  เอาแบบเข้ากับไลฟ์สไตล์  ราคาพอประมาณ  ไม่เปลี่ยนบ่อย อย่างมือถือเราซื้อหลักพัน  ใช้จนพัง  รถนี่ก็ไม่กี่แสน  คันแรกใช้ 10 ปี  เปลี่ยนเป็นแก๊สแล้วเครื่องเสีย   พอเปลี่ยนคันที่สองก็ใช้ยาวเข้าปีที่ 12 แล้ว  ใครจะว่าเก่าแก่ยังไงก็ช่างเขา เอาเป็นว่ารถลูกน้องเราใหม่ แพง เท่กว่า ก็ไม่สน ทางใครทางมัน   คาดว่าจะใช้ยาวไปไม่อยากเป็นหนี้  การเที่ยวเตร่  เฮฮาและการกินข้าวนอกบ้านลดลง   ตอนนี้เปลี่ยนเป็นห่อข้าวมากิน สะดวก  ประหยัด  สะอาด  จนอายุ 49  ยังทำอยู่แบบนั้น
3. ลงมือ  เก็บเงิน  แรกๆออมทรัพย์ หักเก็บก่อนใช้  บางคนจะให้เหลือค่อยเก็บ   แต่เราคิดว่าไม่มีทางเก็บได้ ​  เพราะเราเป็นคนชอบจ่าย  มีเงินชอบลืมตัว   เริ่มศีกษาการลงทุนหุ้น  กองทุน  ทองคำ  ที่ดิน  เอาที่ถนัด  เราชอบซื้อกองทุน  ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝาก  โตเร็วกกว่าฝากธนาคาร  เล่นหุ้นบ้าง  แต่เล็กๆ ไม่เก่ง  ให้คนบริหารเป็นแบบพี่กองช่วยดีกว่า  
    จนตอนนี้  ผ่านมาเกือบ 20  ปี  เงินเก็บ  สินทรัพย์  เป็นรูปร่างขึ้นทุกปีๆ  แต่แบบช้าๆ  จากเงินเดือน 6000 กว่า  ก็เก็บหลักร้อย  (เริ่มจากประกันออมทรัยพ์เดือนละ 700 เมื่อ10 ปีผ่านไป ก็มีหลักแสน)  ตอนนี้รายได้มากขึ้นก็มีเก็บมากขึ้น  แต่เราก็ยังเหมือนเดิม ใช้บ้างเก็บบ้าง   ไม่ตึงและไม่หย่อน  แต่ที่ดีขึ้นพร้อมกับสินทรัพย์  คือความสบายใจว่าถ้ามีอุบัติเหตุเข้ามา  เราคนหนึ่งที่น่าจะล้มช้ากว่าคนที่ไม่เก็บเงิน
     พอมาอ่านกระทู้นั้นคิดถึงตัวเอง   กาแฟ(หนึ่งแก้ว) ในมือ  ถ้าแลกเป็นเงินคืนมา 50 บาท  เดือนหนึ่งจะเก็บได้  1500 บาท  แต่ถ้าไม่ไหว  อยากลดลงสักครึ่ง กินวันเวันวัน  ก็จะมีเงินเก็บ 750 บาทต่อเดือน  แม้จะน้อย  แต่ถ้าปล่อยชิลแบบไม่เอาดอกแค่ปีเดียว 8000 กว่าเลยนะ  และถ้าเอาไปลงทุนในทองคำ  กองทุน แบบมีความรู้นะ  มันอาจจะงอกเงยกว่านั้นก็ได้
    จากประสบการณ์ที่ผ่านมา   เราเห็นน้องๆเงินเดือนน้อยๆ  เป็นหนี้เป็นสินมานักต่อนักแล้วเพราะไลฟ์ไสตล์ที่เกินตัว  บางคนไม่รู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน  มีเงินเท่าไหร่ใช้หมด ใช้เงินเหมือนโลกจะแตกพรุ่งนี้  ไม่ใช่แค่กาแฟ  ผ่อนรถ  ผ่อนบ้าน แต่งรถ  กระเป๋าแบรนท์ และของสิ้นเปลืองต่างๆ(เงินเดือนหมื่นห้า -สองหมื่น)  พอติดขัดกู้นอกระบบ  สักพักหนึ่งหนี้สินล้นพ้นอยู่อย่างหวาดระแวงเจ้าหนี้  ชีวิตแบบนี้  มันไม่ทุกข์กว่าไม่ได้กินกาแฟหรอ
   บางทีเห็นเถียงกันจะเอาที่ไหนมาเก็บ เงินเดือนน้อย  แต่  กาแฟนกแก้วเข้าทุกวัน  สูบบุหรี่ซองละเกือบร้อย  นัดกินเหล้า  สังสรรค์ฉ่ำ  นวดหน้า  ทำผม ฉีดโบ  ร้อยไหม บัตรคอนเกือบหมื่น หวยนี่เล่นทุกวัน หวยหุ้น หวยลาว สารพัดหวย ​และสิ่งอื่นๆที่คุณยังไม่สำรวจตัวเองฉ่ำ  นั่นแหล่ะเงินเก็บของคุณ  แต่คุณไม่ใส่ใจมันจึงบินไปหาคนอื่น
    รปภ ที่สนง  เงินเดือน 9000  ห่อข้าวมากิน  เมียช่วยกันทำขนม  ปลูกผักขาย  มีเงินให้ข้าราชการเงินเดือนสูงกู้เอาดอก  ทำไมเขาทำได้นะ
    ​อยากมีเงินเก็บแต่รายได้น้อย  สิ่งสำคัญ มี 3 อย่าง  คือ อดเปรี้ยว(ความสุขวันนี้... บ้าง  )ไว้กินหวาน(อนาคต)  แบ่งเก็บก่อนเสมอ  และมีวินัยทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ มี แค่ 3  อย่างนี้มีเงินออมแน่นอน
   ความสุขยังรอได้  รอว่าถ้าคุณมีเงินเก็บสักก้อนนอกจากจะกันตาย  ยังไปต่อยอดแบบพี่รปภ ทำ  เอาไปลงทุนอาชีพเสริมต่างๆ  (ที่ไม่ใช่พี่มิจแนะนำ)
    หรือบางคนบอกกลัวตายแบบไม่ได้ใช้ตังค์  ขอบอกว่าตายแบบไม่ได้ใช้ตังค์ยังไม่น่ากลัวเท่ายังไม่ตายแต่ไม่มีตังค์ใช้
    คุณเลือกได้แหล่ะ  ขึ้นอยู่กับจะมีข้ออ้างหรือไม่  รอเศรษฐกิจดีขึ้น  รอโชคชะตา  ซึ่งมันไม่รู้จะมาเมื่อไร  หรือเริ่มจากตัวคุณ
  ก็แค่อยากแชร์นะคะ   อยากแชร์

  ​ต่อนิดนึง เดี๋ยวจะคิดว่าเกิดมารวย พื้นเพเป็นลูกชาวบ้าน ครอบครัวรับจ้างหลายชั่วคน สมบัติเดิมไม่มี อาศัยอยู่ในห้องแถวในชนบท พื้นที่ 19ตรว กับคนเกือบ10ชีวิต พ่อเสียตั้งแต่ยังเด็ก สิ่งที่ดีที่สุดของเราคือมีแม่ที่โคตรหาเงินเก่ง โคตรประหยัด และโคตรสู้ แต่ตัวเราแม้จะเกิดในครอบครัวที่ไม่มีเงิน แต่ความรักสบาย ชอบสนุก ใช้งินเก่งนี่สงสัยเหมือนกันว่าได้มาจากใคร จนเป็นที่มาของการถังแตก เล่าให้ฟังเผื่อใครจะคิดว่า "พูดได้สิ เทอมันมีพื้นฐานดีอยู่แล้วนี่"
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่