JJNY : ม.นเรศวรเลิกจ้าง ดร.พอล│บอกไอโอ ต้องอ่าน แนะแก้ปวศ.ลดคลั่งชาติ│เอกชนดิ้น ‘รัดเข็มขัด-กำเงินสด’│กทม. มีฝนร้อยละ 60

ม.นเรศวร เลิกจ้าง ดร.พอล แชมเบอร์ส มีผลตั้งแต่วันถูกถอนวีซ่า แม้ยังรออุทธรณ์คำสั่ง
.
.
2 พ.ค. 2568 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รับแจ้งจากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ว่า ผศ.ดร.ภาณุ พุทธวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ปฏิบัติราชการแทนอธิการบดี ได้ออกคำสั่งยกเลิกการจ้างงาน ดร.พอล แชมเบอร์ส (Dr.Paul Chambers) อาจารย์ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษของคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 2568 ซึ่งเป็นวันที่ถูกแจ้งคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
.
นอกจากนั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพิษณุโลก ยังมีการยึดหนังสือเดินทางที่ ดร.พอล เพิ่งได้คืนจากศาล หลังจากอธิบดีอัยการภาค 6 มีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีมาตรา 112 ทำให้ยังต้องติดตามปัญหาการถูกเพิกถอนวีซ่าต่อไป

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุอีกว่า หลังจาก ดร.พอล ถูกกล่าวหาในคดีมาตรา 112 และศาลจังหวัดพิษณุโลกไม่อนุญาตให้ประกันตัว เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2568
.
เพียงหนึ่งวันถัดมา (9 เม.ย. 2568) ในขณะที่ ดร.พอล ยังถูกคุมขัง ร.ต.อ.ชยพล ธรรพรังษี รองสารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพิษณุโลก ได้เข้าแจ้งคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร (วีซ่า) โดยอ้างเหตุผลว่ามี “พฤติการณ์ต้องหาว่ากระทำความผิด” ตามมาตรา 112 ซึ่งเข้าลักษณะต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร ตามมาตรา 12 (8) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
.
11 เม.ย. 2568 หลังได้รับการประกันตัว ดร.พอล เดินทางไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพิษณุโลก เพื่อยื่นอุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ต่อคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง โดยยืนยันว่าพฤติการณ์ไม่เข้าข่ายตามที่ ตม. อ้าง และกระบวนการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
.
พอวันที่ 18 เม.ย. 2568 ดร.พอล พบหนังสือคำสั่งของ ตม.พิษณุโลก อีกฉบับหนึ่งติดไว้ที่หน้าที่พัก โดยแจ้งขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงเรื่อง “พฤติการณ์ต้องห้าม” โดยอ้างว่า “มีข้อผิดพลาดที่ผิดหลง” ของเจ้าหน้าที่ จากเดิมที่อ้างมาตรา 12 (8) (เช่น การค้าประเวณี ยาเสพติด หรือกิจการที่ขัดต่อศีลธรรม) ไปเป็น มาตรา 12 (7) คือ “น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชน หรือความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร”
.
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ ตม. ยังขอแก้ไขเนื้อหาเรื่องคำสั่งที่ใช้เป็นฐานอ้างอิงอำนาจในการเพิกถอนวีซ่า แก้ไขเป็นคำสั่งที่ใหม่กว่า
.
วันที่ 21 เม.ย. 2568 ดร.พอล ได้เข้ายื่นอุทธรณ์คำสั่งอีกครั้งที่ ตม.พิษณุโลก โดยระบุว่าการแก้ไขคำสั่งและกระบวนการแจ้งการเพิกถอนไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญ ทำมิได้ตามกฎหมายปกครอง ทั้งตนไม่มีพฤติการณ์ต้องห้ามตามที่แจ้ง คดีมาตรา 112 ยังเป็นเพียงข้อกล่าวหาเท่านั้น
.
ปัจจุบันเรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างรอผลคำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง
.
กรณีการถูกเพิกถอนวีซ่าดังกล่าว ยังทำให้ ดร.พอล ต้องประกันตัวต่อเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดยวางหลักประกันไว้ 300,000 บาท และต้องเข้ารายงานตัวต่อเจ้าพนักงานเดือนละ 1 ครั้ง
.
แม้ยังรอผลการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว แต่ล่าสุดมหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีคำสั่งที่ 1586/2568 ลงวันที่ 21 เม.ย. 2568 แจ้งยกเลิกการจ้างผู้มีความรู้ความสามารถพิเศษเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย โดยยกเลิกการจ้างงาน ดร.พอล แชมเบอร์ส
.
เนื่องจากมหาวิทยาลัยได้รับแจ้งจากกองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 5 ว่า ดร.พอล ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ทำให้เป็นบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติในการทำงานในประเทศไทย จึงให้ยกเลิกการจ้างโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. 2568 และต่อมาแก้ไขเป็นให้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 2568 ส่งผลให้สถานะอาจารย์ของ ดร.พอล สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 2568 เป็นต้นมา
.
นอกจากนี้ แม้ล่าสุด อธิบดีอัยการภาค 6 จะมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีมาตรา 112 ของ ดร.พอล แล้ว พร้อมได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก ทำให้ ดร.พอล ออกจากการควบคุมตัวของศาลแล้ว รวมทั้งได้รับคืนหนังสือเดินทาง
.
แต่วันที่ 2 พ.ค. 2568 เมื่อเข้าแสดงตัวต่อเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพิษณุโลก เจ้าพนักงานได้ขอยึดหนังสือเดินทางไว้ โดยชี้แจงว่าเป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาประกันห้ามออกนอกราชอาณาจักร และให้วางหนังสือเดินทางไว้ที่เจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมือง มิฉะนั้นอาจขัดต่อเงื่อนไขประกันตัวในกรณีการถูกถอนวีซ่า
.
สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้จนกว่าจะมีคำสั่งของกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง ดร.พอล ยังอยู่ในสถานะที่ “ไม่มีวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน” ซึ่งหากคณะกรรมการมีความเห็นว่าควรให้เพิกถอนวีซ่าเช่นเดิม จะทำให้ ดร.พอล ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกผลักดันออกนอกราชอาณาจักรด้วย
.

.
สุจิตต์ บอกไอโอ ‘คุณต้องอ่านหนังสือ’ ชี้เหตุ ‘ไทย-เขมร’ ทะเลาะไม่เลิก แนะแก้ปวศ.ลดคลั่งชาติ.
https://www.matichon.co.th/local/arts-culture/news_5165629
.
สุจิตต์ บอกไอโอ ‘คุณต้องอ่านหนังสือ’ ชี้เหตุ ‘ไทย-เขมร’ ทะเลาะไม่เลิก แนะแก้ปวศ.ลดคลั่งชาติ
.
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ห้องอดุล วิเชียรเจริญ ( ศศ. 201 ) สาขาเอเชียคะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ จัดเสวนา ‘โจรสยาม VS เคลมโบเดีย: ปัญหาทะเลาะกันที่ไม่มีวันรู้จบ’ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการบรรยายวิชา อศ. 454 สัมมนาหัวข้อเฉพาะด้านสังคมและวัฒนธรรม สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
.
เวลาประมาณ 13.00 น. นายสุจิตต์ วงษ์เทศ นักหนังสือพิมพ์ในเครือมติชน ผู้ก่อตั้งนิตยสารศิลปวัฒนธรรม กล่าวปาฐกถา หัวข้อ ‘ไทย-เขมร ทับซ้อน ความเป็นมา “คนละคนเดียวกัน’ โดยมีการแจกคิวอาร์โค้ดให้ผู้ร่วมรับฟังดาวน์โหลดเอกสารความยาว 41 หน้า ประกอบด้วยเนื้อหา ข้อมูล หลักฐานทางประวัติศาสตร์ และภาพประกอบจำนวนมาก
.
นายสุจิตต์ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์สัมพันธ์ไทย-เขมร เป็นประวัติศาสตร์ ‘ตามอำเภอใจ’ คิดจะเขียนอะไรก็เขียน นึกจะด่าใครก็ด่าโดยไม่แยแสหลักฐานวิชาการประวัติศาสตร์-โบราณคดี หนักข้อกว่านั้นคือสร้างหลักฐานขึ้นมาเองตามจินตนาการที่อยากให้เป็น
.
“ประวัติศาสตร์ไทยเป็นอย่างนี้เสมอ สร้างขึ้นมาเองเพราะอยากให้เป็นอย่างนั้น เช่น ปฐมประถมกรรมพระยาละแวก ขอประทานโทษ ตามหลักฐานประวัติศาตร์ พระนเรศวรตีเมืองละแวก แต่ไม่ได้ฆ่าพระยาละแวก เพราะพระยาละแวกหนีไปที่อื่นก่อนพระนเรศวรไปถึง นี่มาจากจดหมายเหตุสเปน ยิ่งไปกว่านั้นคิอ พิธีปฐมกรรมไม่ใช่การตัดคอเอาเลือดล้างพระบาท แต่เป็นการบอกขนาด เพราะมีประถมกรรม มีมัธยมกรรม มีอุดมกรรม คือ พิธีอย่างน้อย พิธีอย่างกลาง พิธีอย่างใหญ่ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการตัดคอ นี่ไม่ใช่คำอธิบายของผม แต่เป็นคำอธิบายของเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ อยู่ในหนังสือสาส์นสมเด็จ เมื่อ 97 ปีมาแล้ว ไม่ใช่เมื่อวาน” นายสุจิตต์ กล่าว
.
นายสุจิตต์กล่าวว่า ความสัมพันธ์ไทย-เขมร ตามหลักฐานประวัติศาสตร์ โบราณคดี มีเป็นจำนวนมาก ทั้งภาษาไทย ภาษาเขมร ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษ แต่คนไม่อ่าน เพราะไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น อยากให้เป็นตามใจตัวเอง ตอนทะเลาะกันเรื่องเขาพระวิหาร ราวปี 2505 วิทยุในกรุงเทพฯ ด่าเขมรเป็นไฟ ได้เงินมาจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เรียก ‘ไอโอ’ หรือเปล่าไม่ทราบ
.
“ตอนนั้นมีการด่าเขมรว่า ลิ้น 2 แฉกเหมือนเ หี้ย คือมันบิดเบือนกันหน้าด้านๆ ดื้อๆ ในตำนานพงศาวดารเขมร พูดถึงตะกวดที่อยู่บนต้นไม้ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับในโคนต้น เทศน์โปรดสัตว์ทุกวัน ตะกวดฟังทุกวัน ก็เลื่อมใส มาถวายบังคม พระพุทธเจ้ามีพุทธทำนายว่าต่อไปจะได้เป็นกษัตริย์ ตะกวดเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ 3,000 ปีที่แล้ว เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์” นายสุจิตต์กล่าว
.
นายสุจิตต์ กล่าวต่อไปว่า ข้อมูลไทย-เขมร เปิดเผยทั่วโลก ไม่ได้ปิดลับ สามารถไปซื้อหนังสือ หรืออ่านในห้องสมุดได้ ไม่เหมือนราชการไทย ปิดลับอย่างมาก
.
“ปัญหาคือ ผู้มีอำนาจไม่อ่านหนังสือ ประเทศไทยเลยมีปัญหาอย่างนี้ คลั่งชาติเพื่อปกปิดจิตเดิมแท้ของตน วันนี้ผมจึงนำข้อมูลบางส่วนมาเล่าให้ฟัง ใครคิดต่างก็ได้ ไม่อั้น ผมอาจจำมาผิดก็ได้ อาจทำความเข้าใจพลาดก็ได้ แต่ท่านต้องมีสติด้วย ก่อนจะพิจารณามีผรุสวาทออกมา” นายสุจิตต์กล่าว
.
นายสุจิตต์กล่าวว่า ไทยมี พรบ.ข้อมูลข่าวสาร แต่ในความเป็นจริงกลับปิดกั้น รัฐบาลกล่อมเกลาและครอบงำด้วยประวัติศาสตร์แห่งชาติฉบับคลั่งเชื้อชาติไทย และปกปิดข้อมูลที่เป็นจริง
.
ผู้มีอำนาจต้องอ่านหนังสือ ถ้าไม่อ่านก็ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ก็จะเอาอคติของตัวเองออกไปบังคับบัญชา นี่คือปัญหา เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมจะพูดต่อไป จะเป็นปัญหาของคนไม่อ่านหนังสือ ไม่ทำความเข้าใจในประวัติศาสตร์โลกและสังคม” นายสุจิตต์ กล่าว
.
นายสุจิตต์ กล่าวว่า วัฒนธรรมต่างๆ ในโลก ล้วนมีการผสมผสานกัน วัฒนธรรมโดดๆ เดี่ยวๆ ไม่มีจริง ต่างคนต่างแย่งวัฒนธรรมกัน ทะเลาะกัน เพราะเข้าใจผิด เราต้องทำความเข้าใจว่า แรกเริ่ม เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รับวัฒนธรรมจากอินเดียด้วยกัน เช่น ลายกนก ไทย ลาว เขมร ล้วนรับจากอินเดีย แล้วจึงสร้างสรรค์จนมีเอกลักษณ์กลุ่มใครกลุ่มมัน
.
“ปัญหาเกิด เพราะประวัติศาสตร์เชื้อชาติ กับรัฐชาติที่มากับเจ้าอาณานิคม เดิมเราไม่มีเชื้อชาติ ตอนนี้ทั่วโลกก็ยกเลิกแล้ว ยกเว้นบางประเทศยังใช้เชื้อชาติหากิน สร้างสถานการณ์ พวกไอโอก็ไม่ยอมเลิก คนพวกนี้ไม่อ่านหนังสือ คุณต้องอ่านหนังสือ สิ่งที่คุณรู้มา มันผิด หลักฐานไม่มี คุณกำลังโกหกมดเท็จ เราต้องพูดกันตามหลักฐาน
.
ทำอย่างไรจะเลิกทะเลากันสักที เลิกคงยาก แต่ต้องลดต้นตอของปัญหา คือประวัติศาสตร์กระแสหลัก ที่ทำได้ตอนนี้คือแก้ไขประวัติศาสตร์ไทย จะไปแก้ประวัติศาสตร์เขมรคงไม่ได้ ประวัติศาสตร์เขมรเองก็ชาตินิยมแบบเดียวกัน เพราะเรารับอิทธิพลจากเจ้าอาณานิคมมาเหมือนกัน” นายสุจิตต์กล่าว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่