เมื่อแม่ของฉันคือคนแปลกหน้า: หนังสือที่จะทำให้คุณคิดถึงความรักในแบบใหม่

“เคยไหมครับ…วันหนึ่งเรามองคนในครอบครัวแล้วรู้สึกเหมือนเขาเปลี่ยนไป ทั้งที่เขาคือคนที่เรารักที่สุด
ความรู้สึกแบบนี้เจ็บแปลบ แต่ก็ทำให้เราอยากกลับไปมองความรักในมุมใหม่อีกครั้ง
วันนี้ผมมีหนังสือเล่มหนึ่งที่อยากชวนทุกคนมารู้จัก เป็นเรื่องราวที่ทั้งอบอุ่น ลึกซึ้ง และสะเทือนใจมากครับ
ใครเคยเจอความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปแบบไม่ทันตั้งตัว หรือมีมุมมองบางอย่างเกี่ยวกับความรักในครอบครัว
มาแชร์กันได้นะครับ ยิ้ม

------------------------------------------

หนังสือ เรื่อง..แม่ของฉันคือคนแปลกหน้า: เมื่อความรักต้องเรียนรู้ใหม่ในโลกที่ไม่เหมือนเดิม
โดย: กิตติศักดิ์ คงคา / นทธี ศศิวิมล / ภาริอร วัชรศิริ
สำนักพิมพ์: 13357 Publishing

 
“ถ้าวันหนึ่ง แม่ของคุณมองคุณด้วยแววตาว่างเปล่า เหมือนไม่รู้จักกันเลย...
ลืมแม้กระทั่งชื่อของคุณ ลืมว่าคุณเคยเป็นโลกทั้งใบของเธอ…
คุณจะยังเรียกเธอว่า ‘แม่’ ได้เหมือนเดิมอีกไหม?...
 
          ประโยคเปิดเล่มที่เสมือนเขย่าหัวใจของผู้อ่านนี้ ไม่ใช่แค่คำถามปลายเปิด หากคือความจริงที่บาดลึกสำหรับลูกหลายคน — เมื่อแม่ ผู้เคยเป็นรากฐานแห่งความรัก ความอบอุ่น และตัวตนของเรา ค่อย ๆ เลือนหายไปในม่านหมอกของโรคซึมเศร้า กลายเป็นอีกคนจากโรคจิตเภท หรือถูกลบความทรงจำด้วยโรคเส้นเลือดในสมอง นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องของความเจ็บป่วยทางกายหรือจิตใจ แต่มันคือ “การพลัดพรากโดยที่ร่างกายยังอยู่” การต้องอยู่กับใครสักคนที่เหมือนเป็นแม่ แต่ไม่ใช่แม่คนเดิมที่จำเราได้
         
          แม่ของฉันคือคนแปลกหน้า” คือบทบันทึกอันเปราะบางแต่ทรงพลัง ที่เขียนด้วยเสียงซื่อสัตย์จากหัวใจของลูกทั้งสามคน—กิตติศักดิ์ คงคา, นทธี ศศิวิมล และภาริอร วัชรศิริ ซึ่งต่างได้เผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของผู้เป็นแม่ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป
          บางคนต้องรับมือกับโรคซึมเศร้าที่กลืนกินหัวใจของแม่ไปทีละน้อย บางคนพบว่าแม่กลายเป็นอีกคนในเงาของโรคจิตเภท ขณะที่บางคนเผชิญภาวะเส้นเลือดในสมองที่พรากความจำของแม่ไปอย่างเงียบงัน แม้ประสบการณ์จะต่างกัน แต่จุดร่วมของพวกเขาคือความรักระหว่าง ‘แม่’ กับ ‘ลูก’ ที่ต้องเรียนรู้ใหม่ ภายใต้ความจริงที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

          หนังสือเล่มนี้ ไม่เพียงแค่ถ่ายทอดเรื่องราวของการดูแลคนที่เรารักยามเจ็บป่วย หากยังกล้าหาญพอที่จะตั้งคำถามต่อรากฐานของความรัก ความทรงจำ และตัวตน ว่าแท้จริงแล้ว ความเป็น “แม่” อยู่ที่ร่างกาย คำพูด หรือหัวใจ?
“เพราะบางครั้ง... การดูแลคนที่ไม่รู้จักเรา อาจกลายเป็นบทพิสูจน์ที่งดงามที่สุดของคำว่ารัก”

 
เรื่องราวที่เล่าด้วยหัวใจ ไม่ใช่เพียงปลายปากกา

          หนังสือเล่มนี้ คือบทบันทึกที่หยิบยื่น “ความจริงที่แสนเจ็บปวด” อย่างอ่อนโยน ตั้งแต่บทนำ ผู้เขียนชวนให้เราย้อนมองความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ครั้งหนึ่งเคยมั่นคง—ก่อนที่พายุแห่งความป่วยไข้จะค่อย ๆ รื้อถอนความเข้าใจเดิมลงไปทีละน้อย ความโกรธ ความกลัว ความผิดหวัง และความรู้สึกผิดปะปนกันในทุกบรรทัดของบทที่ 1 ทำให้ผู้อ่านไม่อาจวางหนังสือลงได้ ในขณะที่บทต่อ ๆ ไป จนถึงบทสุดท้าย จะพาเราเดินเข้าไปสู่การยอมรับ การปรับตัว และการเรียนรู้ที่จะรักในแบบที่ไม่ต้องการคำตอบจากอดีตอีกต่อไป ผู้เขียนเลือกใช้ภาษาที่กระตุ้นอารมณ์และสร้างภาพในจินตนาการเลือกใช้ถ้อยคำที่สื่อถึงความรู้สึกอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ถ่ายทอดในหนังสือ นำเสนอข้อความที่สะท้อนถึงหัวใจของเรื่องราว เพื่อกระตุ้นความสนใจและความเข้าใจของผู้อ่านได้อย่างน่าสนใจ

          หนึ่งในประโยคที่ทรงพลังจากหนังสือคือ:
“การเรียนรู้และความพยายามในการปรับตัวกับสภาพร่างกายอันเป็นข้อจำกัดของแม่
ฉันคิดว่าบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือเราทั้งสองคนต่างได้ฝากฝังความเชื่อใจไว้ให้แก่กัน
ไม่ว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะนำพาโจทย์ยากอีกมากมายเข้ามา ขอแค่มีหนึ่งกายของฉัน และเพียงอีกครึ่งของแม่
บวกกับหัวใจที่พร้อมสู้ของเราสองคน…จะต้องมีวันนั้นอย่างแน่นอน วันที่เราค้นพบคำตอบที่ถูกต้องไปด้วยกัน”            
 
          ประโยคนี้เปรียบเสมือนบทสรุปอันลึกซึ้งของความรักและความเข้าใจระหว่าง “แม่” กับ “ลูก” ที่ต้องเรียนรู้ใหม่ในโลกที่ไม่แน่นอน ซึ่งอาจไม่ใช่โลกที่สวยงามอย่างที่เคยเป็น แต่เป็นโลกแห่งความพยายาม ความหวัง และความไว้ใจ ที่ยังคงส่องแสงอยู่เสมอแม้ในวันที่มืดมนที่สุด นี่คือหัวใจของความสัมพันธ์ เมื่อความจำพรากความผูกพันเดิมไป ความเชื่อใจก็ยังคงอยู่ เป็นสิ่งเดียวที่ไม่อาจลบเลือน เป็นสายใยบางเบาแต่เหนียวแน่น ที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย ก็สามารถพาให้สองหัวใจยังเชื่อมถึงกันได้ แม้เป็นประโยคที่เจือความหวังไว้ท่ามกลางความเหนื่อยล้า ลูกคนหนึ่งอาจไม่มีพลังมากพอจะเป็นทั้งโลกให้แม่ แต่เขายังยินดีจะเป็น “หนึ่งกาย” ที่พา “ครึ่งหนึ่งของแม่” ที่หลงเหลืออยู่ แม้จะไม่สมบูรณ์ แม้จะมีข้อจำกัดไปให้ถึงปลายทางแห่งความเข้าใจ และนี่ไม่ใช่แค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ แต่คือศรัทธาในความรักอันบริสุทธิ์ เป็นคำสัญญาเงียบ ๆ ที่จะไม่ทอดทิ้งกัน แม้ในวันที่ร่างกายไม่ตอบสนอง จิตใจสับสน หรือความทรงจำเลอะเลือน วันหนึ่งความเข้าใจจะเบ่งบานท่ามกลางความพยายามร่วมกัน


เมื่อความทรงจำหล่นหาย แต่หัวใจยังจำได้

          หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงเป็นบันทึกส่วนตัวของลูกสามคนที่เผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงของผู้เป็นแม่ หากแต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาสุขภาพจิตและความสัมพันธ์ในครอบครัว—ประเด็นสำคัญที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน
          ในวันที่เราต่างเริ่มเข้าใจว่าโรคทางใจไม่ใช่ความอ่อนแอ และความรักในครอบครัวก็ไม่ได้รอดพ้นจากความเปราะบาง หนังสือ “แม่ของฉันคือคนแปลกหน้า” จึงไม่ใช่เพียงวรรณกรรมส่วนตัวของครอบครัวหนึ่ง แต่คือกระจกเงาบานหนึ่งที่ส่องสะท้อนให้เราเห็นถึงเงื่อนไขซับซ้อนของความเป็นมนุษย์ และชวนให้เราตั้งคำถามใหม่ว่า
 
อะไรคือแก่นแท้ของความรัก ที่ยังคงอยู่แม้ความทรงจำจะลบเลือนไป?”

 

ทำไมเราควรอ่านหนังสือเล่มนี้?

          หนังสือเล่มนี้อาจไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ไม่มีบทสรุปที่เรียบง่ายให้ยึดถือ แต่กลับทิ้งคำถามบางอย่างไว้ในใจคุณ...อย่างลึกซึ้ง และบางที คำถามเหล่านั้นเอง อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าใจใครบางคนที่คุณรักอีกครั้ง แม้เธอจะกลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้วก็ตาม
          ผู้เขียนไม่ได้นำพาเราไปสู่คำว่า “รักแท้” ด้วยฉากจบที่สมบูรณ์แบบ หากแต่พาเราย้อนกลับมามอง “ความรัก” ผ่านมุมมองของการยอมรับและการเข้าใจในความไม่แน่นอนของชีวิต รักที่ไม่ต้องการให้ใครคงเดิม ไม่ต้องการให้ใครสมบูรณ์ แต่อยู่ตรงนั้น...แม้ในวันที่ไม่มีคำพูดให้จำ
          ตอนจบของหนังสือ ไม่ใช่การค้นพบว่า “แม่หายดีแล้ว” หรือ “ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม” แต่คือการเติบโตทางอารมณ์ของลูก ที่เรียนรู้จะรักแม่ในรูปแบบใหม่—ในวันที่แม่จำอะไรไม่ได้เลย
          เพราะแม้แม่จะลืมทุกสิ่ง—ลูกยังจำได้
          แม้แม่จะไม่รู้จักลูก—ลูกยังรัก
          แม้แม่จะเงียบงัน—ลูกยังยื่นมือไปหาด้วยหัวใจ
          นี่ไม่ใช่เรื่องของการเยียวยาอย่างสมบูรณ์ แต่คือบทพิสูจน์ “คำว่าแม่” อาจไม่ต้องการคำตอบจากสมอง
หากต้องการเพียงการยืนยันจากหัวใจ ลูกคนหนึ่ง ไม่อาจเป็นทั้งโลกให้แม่ได้ แต่เขายินดีจะเป็น “หนึ่งกาย” ที่คอยประคอง “ครึ่งหนึ่งของแม่” ไปสู่ปลายทางแห่งความเข้าใจ...ด้วยกัน แม้จะเดินช้า แม้จะมีน้ำตา แต่นั่นคือการเดินทางของหัวใจ ที่ไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งเคยเกิดมาเป็นลูกของแม่...
 
“เมื่อคำว่า ‘แม่’ ไม่ได้หมายถึงความจำ แต่หากหมายถึงความรักที่ยิ่งใหญ่และไม่แปรเปลี่ยน…
เราก็ยังคงมีแม่อยู่เสมอ แม้ในวันที่เธอกลายเป็นคนแปลกหน้า”

--------------------------------------------------

“ใครเคยมีประสบการณ์คล้าย ๆ แบบนี้บ้างครับ? หรือใครเคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาแล้ว มีความรู้สึกยังไงบ้าง มาร่วมแชร์กันได้นะครับ”
ส่วนใครที่ยังไม่เคยอ่าน ลองเปิดใจดูได้นะครับ เผื่ออาจจะได้อะไรบางอย่างที่ใกล้ใจมากกว่าที่คิด ยิ้ม
ถ้ามีเวลา ลองอ่านฉบับเต็มได้ที่นี่เลยครับ…👇
#สำนักพิมพ์: 13357 Publishing
#แม่ของฉันคือคนแปลกหน้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่