ภาวะพร่องไทรอยด์ (Hypothyroidism) คือภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยลงกว่าปกติ
ส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ไม่เพียงพอ ฮอร์โมนนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระบบเมตาบอลิซึม (Metabolism)
หรือกระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย หากระดับฮอร์โมนนี้ต่ำ จะทำให้ระบบต่าง ๆ ทำงานช้าลงและเกิดอาการหลากหลาย
ตั้งแต่ความเหนื่อยล้า อารมณ์แปรปรวน น้ำหนักเพิ่ม ไปจนถึงมีปัญหาหัวใจในระยะยาว
วันนี้พี่หมอฝั่งธน..จะมาให้ความรู้
เช็กด่วน! คุณเสี่ยง "ภาวะพร่องไทรอยด์" หรือเปล่า
ภาวะพร่องไทรอยด์พบได้บ่อย โดยเฉพาะในเพศหญิงและผู้สูงอายุ และอาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ
เช่น โรคภูมิต้านตนเอง การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ หรือผลข้างเคียงจากการรักษาโรคอื่น
หน้าที่ของฮอร์โมนไทรอยด์
ฮอร์โมนไทรอยด์มี 2 ชนิดหลักคือ
ไทรอกซิน (T4)
ไตรไอโอโดไทโรนีน (T3)
ฮอร์โมนเหล่านี้ถูกผลิตจากต่อมไทรอยด์ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าของลำคอใต้ลูกกระเดือก
ฮอร์โมนนี้ช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกาย การเต้นของหัวใจ การเผาผลาญพลังงาน
และกระบวนการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ เมื่อฮอร์โมนไทรอยด์ลดลง
กระบวนการเหล่านี้ก็จะทำงานช้าลง ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม
สาเหตุของภาวะพร่องไทรอยด์
โรคฮาชิโมโต (Hashimoto’s thyroiditis)
เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายโจมตีต่อมไทรอยด์
ทำให้เนื้อเยื่อต่อมไทรอยด์ถูกทำลายจนผลิตฮอร์โมนได้น้อยลง
การผ่าตัดต่อมไทรอยด์
ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดต่อมไทรอยด์บางส่วนหรือทั้งหมดจะมีความเสี่ยงสูงในการเกิดภาวะพร่องไทรอยด์
การรักษาด้วยไอโอดีนกัมมันตรังสี
ใช้ในการรักษาไทรอยด์เป็นพิษ (hyperthyroidism) อาจทำให้ต่อมไทรอยด์ถูกทำลาย
ยาบางชนิด
เช่น lithium, amiodarone, interferon alpha สามารถส่งผลต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์
การขาดไอโอดีน
ไอโอดีนเป็นสารจำเป็นในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ การขาดไอโอดีนอาจนำไปสู่ภาวะพร่องไทรอยด์
ความผิดปกติแต่กำเนิด
เด็กบางคนเกิดมาพร้อมกับต่อมไทรอยด์ที่ไม่มีการทำงาน หรือพัฒนาไม่สมบูรณ์
โรคของต่อมใต้สมองหรือไฮโปทาลามัส
ซึ่งเป็นส่วนควบคุมการหลั่งฮอร์โมนกระตุ้นไทรอยด์ (TSH)
อาการของภาวะพร่องไทรอยด์
อาการของภาวะพร่องไทรอยด์มีตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง
อาจค่อย ๆ แสดงออกหรือเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน โดยอาการที่พบบ่อย
เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย น้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ผิวแห้ง ผมบาง ขนร่วง
อาการหนาวง่าย ท้องผูก อารมณ์ซึมเศร้า หงุดหงิด ความจำสั้น สมาธิลดลง
หัวใจเต้นช้าลง เสียงแหบ ประจำเดือนมามากหรือนานผิดปกติ หน้า บวม มือและเท้าบวม
ในเด็ก อาจมีการเจริญเติบโตช้าหรือพัฒนาการล่าช้า
ในกรณีรุนแรงมาก ผู้ป่วยอาจเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า
Myxedema coma ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจถึงแก่ชีวิตได้
การวินิจฉัยภาวะพร่องไทรอยด์
แพทย์จะวินิจฉัยโดยอาศัยข้อมูลจากประวัติอาการ การตรวจร่างกาย และผลเลือด โดยมักตรวจค่าต่อไปนี้:
TSH (Thyroid Stimulating Hormone)
หากมีค่า TSH สูง แสดงว่าร่างกายพยายามกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานมากขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าต่อมไทรอยด์ทำงานไม่พอ
Free T4 (Thyroxine)
ใช้ดูระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดโดยตรง หากต่ำจะยืนยันภาวะพร่องไทรอยด์
ตรวจแอนติบอดี (Anti-TPO)
เพื่อตรวจว่าเกิดจากโรคฮาชิโมโตหรือไม่
การตรวจอัลตราซาวด์ไทรอยด์
หากมีการคลำพบก้อนหรือต้องประเมินโครงสร้างของต่อมไทรอยด์
หลักการรักษาคือ การให้ฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน
ซึ่งมักใช้ยาชื่อ
Levothyroxine (T4 สังเคราะห์) รับประทานวันละ 1 ครั้งต่อเนื่องตลอดชีวิต
หลักการสำคัญในการรักษา
รับประทานยาในขณะท้องว่าง (อย่างน้อย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงก่อนอาหารเช้า)
หลีกเลี่ยงการทานร่วมกับแคลเซียมหรือธาตุเหล็ก
ตรวจเลือดติดตามค่า TSH ทุก 6-8 สัปดาห์ในช่วงเริ่มต้นหรือเปลี่ยนขนาดยา
เมื่อควบคุมได้แล้ว อาจตรวจปีละ 1-2 ครั้ง
แพทย์จะปรับขนาดยาให้เหมาะสมตามอายุ น้ำหนัก ความรุนแรงของอาการ และภาวะสุขภาพอื่น ๆ เช่น การตั้งครรภ์หรือโรคหัวใจ
ภาวะแทรกซ้อนหากไม่ได้รับการรักษา
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ภาวะพร่องไทรอยด์อาจนำไปสู่:
ภาวะหัวใจเต้นช้า และหัวใจโตคอพอก (goiter)
ภาวะมีบุตรยาก ซึมเศร้า Myxedema coma (ภาวะฉุกเฉินทางแพทย์)
ในหญิงตั้งครรภ์ อาจส่งผลต่อพัฒนาการสมองของทารก
การดูแลตนเองและคำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ห้ามหยุดยาเองแม้อาการจะดีขึ้น
ติดตามผลเลือดสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนยา หรือมีอาการผิดปกติ
หลีกเลี่ยงอาหารรบกวนการดูดซึมยา
เช่น ถั่วเหลือง ใยอาหารสูง แคลเซียมและธาตุเหล็กควรทานห่างจากยาประมาณ 4 ชั่วโมง
ควบคุมน้ำหนัก และออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มระบบเผาผลาญ
แจ้งแพทย์หากมีอาการใหม่ ๆ เช่น เหนื่อยมากขึ้น หนาวผิดปกติ หรือประจำเดือนผิดปกติ
ในหญิงตั้งครรภ์หรือมีแผนตั้งครรภ์
ควรแจ้งแพทย์ทันทีเพื่อปรับขนาดยา เนื่องจากความต้องการฮอร์โมนเพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์


เช็กด่วน! คุณเสี่ยง "ภาวะพร่องไทรอยด์" หรือเปล่า?
แค่ตอบ “ใช่ / ไม่ใช่” ก็รู้ความเสี่ยงได้ใน 1 นาที!
[img]https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/t2d/1/16/1f4cd.png[/img]รวมคะแนนแล้วดูผลเลย
[img]https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/tf3/1/16/1f539.png[/img] 0-2 = ปกติ
[img]https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/tf3/1/16/1f539.png[/img] 3-5 = เสี่ยง ควรพบแพทย์
[img]https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/tf3/1/16/1f539.png[/img] 6 ขึ้นไป = เสี่ยงสูง! รีบปรึกษาแพทย์ทันที
ภาวะพร่องไทรอยด์เป็นโรคเรื้อรังที่สามารถควบคุมได้ด้วยการรับประทานยาฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทนอย่างต่อเนื่อง
และการติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอ หากดูแลตัวเองได้ดี ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตที่เป็นปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
ไม่ควรละเลยอาการเริ่มต้น และควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและเริ่มการรักษาโดยเร็ว
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=28v8puJ2Rkw
https://www.thonburihospital.com/doctor_skill/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8D%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B2-3/


เช็กด่วน! คุณเสี่ยง "ภาวะพร่องไทรอยด์" หรือเปล่า?
ส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ไม่เพียงพอ ฮอร์โมนนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระบบเมตาบอลิซึม (Metabolism)
หรือกระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย หากระดับฮอร์โมนนี้ต่ำ จะทำให้ระบบต่าง ๆ ทำงานช้าลงและเกิดอาการหลากหลาย
ตั้งแต่ความเหนื่อยล้า อารมณ์แปรปรวน น้ำหนักเพิ่ม ไปจนถึงมีปัญหาหัวใจในระยะยาว
วันนี้พี่หมอฝั่งธน..จะมาให้ความรู้
ภาวะพร่องไทรอยด์พบได้บ่อย โดยเฉพาะในเพศหญิงและผู้สูงอายุ และอาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ
เช่น โรคภูมิต้านตนเอง การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ หรือผลข้างเคียงจากการรักษาโรคอื่น
หน้าที่ของฮอร์โมนไทรอยด์
ฮอร์โมนไทรอยด์มี 2 ชนิดหลักคือ
ไทรอกซิน (T4)
ไตรไอโอโดไทโรนีน (T3)
ฮอร์โมนเหล่านี้ถูกผลิตจากต่อมไทรอยด์ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าของลำคอใต้ลูกกระเดือก
ฮอร์โมนนี้ช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกาย การเต้นของหัวใจ การเผาผลาญพลังงาน
และกระบวนการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ เมื่อฮอร์โมนไทรอยด์ลดลง
กระบวนการเหล่านี้ก็จะทำงานช้าลง ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม
โรคฮาชิโมโต (Hashimoto’s thyroiditis)
เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายโจมตีต่อมไทรอยด์
ทำให้เนื้อเยื่อต่อมไทรอยด์ถูกทำลายจนผลิตฮอร์โมนได้น้อยลง
การผ่าตัดต่อมไทรอยด์
ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดต่อมไทรอยด์บางส่วนหรือทั้งหมดจะมีความเสี่ยงสูงในการเกิดภาวะพร่องไทรอยด์
การรักษาด้วยไอโอดีนกัมมันตรังสี
ใช้ในการรักษาไทรอยด์เป็นพิษ (hyperthyroidism) อาจทำให้ต่อมไทรอยด์ถูกทำลาย
ยาบางชนิด
เช่น lithium, amiodarone, interferon alpha สามารถส่งผลต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์
การขาดไอโอดีน
ไอโอดีนเป็นสารจำเป็นในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ การขาดไอโอดีนอาจนำไปสู่ภาวะพร่องไทรอยด์
ความผิดปกติแต่กำเนิด
เด็กบางคนเกิดมาพร้อมกับต่อมไทรอยด์ที่ไม่มีการทำงาน หรือพัฒนาไม่สมบูรณ์
โรคของต่อมใต้สมองหรือไฮโปทาลามัส
ซึ่งเป็นส่วนควบคุมการหลั่งฮอร์โมนกระตุ้นไทรอยด์ (TSH)
อาการของภาวะพร่องไทรอยด์มีตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง
อาจค่อย ๆ แสดงออกหรือเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน โดยอาการที่พบบ่อย
เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย น้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ผิวแห้ง ผมบาง ขนร่วง
อาการหนาวง่าย ท้องผูก อารมณ์ซึมเศร้า หงุดหงิด ความจำสั้น สมาธิลดลง
หัวใจเต้นช้าลง เสียงแหบ ประจำเดือนมามากหรือนานผิดปกติ หน้า บวม มือและเท้าบวม
ในเด็ก อาจมีการเจริญเติบโตช้าหรือพัฒนาการล่าช้า
ในกรณีรุนแรงมาก ผู้ป่วยอาจเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า Myxedema coma ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจถึงแก่ชีวิตได้
แพทย์จะวินิจฉัยโดยอาศัยข้อมูลจากประวัติอาการ การตรวจร่างกาย และผลเลือด โดยมักตรวจค่าต่อไปนี้:
TSH (Thyroid Stimulating Hormone)
หากมีค่า TSH สูง แสดงว่าร่างกายพยายามกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานมากขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าต่อมไทรอยด์ทำงานไม่พอ
Free T4 (Thyroxine)
ใช้ดูระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดโดยตรง หากต่ำจะยืนยันภาวะพร่องไทรอยด์
ตรวจแอนติบอดี (Anti-TPO)
เพื่อตรวจว่าเกิดจากโรคฮาชิโมโตหรือไม่
การตรวจอัลตราซาวด์ไทรอยด์
หากมีการคลำพบก้อนหรือต้องประเมินโครงสร้างของต่อมไทรอยด์
ซึ่งมักใช้ยาชื่อ Levothyroxine (T4 สังเคราะห์) รับประทานวันละ 1 ครั้งต่อเนื่องตลอดชีวิต
หลักการสำคัญในการรักษา
รับประทานยาในขณะท้องว่าง (อย่างน้อย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงก่อนอาหารเช้า)
หลีกเลี่ยงการทานร่วมกับแคลเซียมหรือธาตุเหล็ก
ตรวจเลือดติดตามค่า TSH ทุก 6-8 สัปดาห์ในช่วงเริ่มต้นหรือเปลี่ยนขนาดยา
เมื่อควบคุมได้แล้ว อาจตรวจปีละ 1-2 ครั้ง
แพทย์จะปรับขนาดยาให้เหมาะสมตามอายุ น้ำหนัก ความรุนแรงของอาการ และภาวะสุขภาพอื่น ๆ เช่น การตั้งครรภ์หรือโรคหัวใจ
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ภาวะพร่องไทรอยด์อาจนำไปสู่:
ภาวะหัวใจเต้นช้า และหัวใจโตคอพอก (goiter)
ภาวะมีบุตรยาก ซึมเศร้า Myxedema coma (ภาวะฉุกเฉินทางแพทย์)
ในหญิงตั้งครรภ์ อาจส่งผลต่อพัฒนาการสมองของทารก
รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ห้ามหยุดยาเองแม้อาการจะดีขึ้น
ติดตามผลเลือดสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนยา หรือมีอาการผิดปกติ
หลีกเลี่ยงอาหารรบกวนการดูดซึมยา
เช่น ถั่วเหลือง ใยอาหารสูง แคลเซียมและธาตุเหล็กควรทานห่างจากยาประมาณ 4 ชั่วโมง
ควบคุมน้ำหนัก และออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มระบบเผาผลาญ
แจ้งแพทย์หากมีอาการใหม่ ๆ เช่น เหนื่อยมากขึ้น หนาวผิดปกติ หรือประจำเดือนผิดปกติ
ในหญิงตั้งครรภ์หรือมีแผนตั้งครรภ์
ควรแจ้งแพทย์ทันทีเพื่อปรับขนาดยา เนื่องจากความต้องการฮอร์โมนเพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=28v8puJ2Rkw
https://www.thonburihospital.com/doctor_skill/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8D%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B2-3/