ตัวตน หรืออัตา มีหรือไม่มีมี? ผมจะนำเสนอในมุมมองส่วนตัว

ตัวตนมีอยู่แต่ไม่มีเจ้าของ  การตัดสินใจ การรับผิดชอบ ศีลธรรมภายใต้ความไร้เจ้าของ

1. ตัวตนมีอยู่แต่ไม่มีเจ้าของ และไม่เที่ยงแท้ถาวร

ตัวตนเป็นหนึ่งในประเด็นที่มีการถกเถียงมากที่สุด ทั้งในทางปรัชญา ศาสนา และวิทยาศาสตร์ ส่วนตัวผมเห็นว่าตัวตนมีอยู่จริง แต่ไม่ใช่ในฐานะสิ่งที่เที่ยงแท้ถาวร หากแต่เป็นการประชุมกันของเหตุปัจจัยหลากหลาย เช่น สมอง ความจำ ความรู้สึก การรับข้อมูลและตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม ตัวตนจึงเป็นผลผลิตจากกระบวนการทำงานร่วมกันของระบบต่าง ๆ โดยไม่มีศูนย์กลางถาวรที่เป็นเจ้าของ

วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ชี้ให้เห็นว่าสมองประกอบด้วยเครือข่ายที่ทำงานร่วมกันอย่างซับซ้อน ความทรงจำ อัตลักษณ์ และการควบคุมอารมณ์ต่างแยกจากกัน เมื่อส่วนใดส่วนหนึ่งเสียหาย ตัวตนก็เปลี่ยนไป นี่สอดคล้องกับหลักในพระพุทธศาสนาที่กล่าวว่า ตัวตนเป็นกระแสของขันธ์ห้า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณที่เกิดขึ้นและดับไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งใดอยู่ได้อย่างอิสระ

คำว่า เจ้าของ หมายถึง หน่วยกลางที่ถาวรและควบคุมการทำงานทั้งหมดอย่างอิสระโดยไม่มีเจ้าของ

2. ตัวตนที่ไม่มีเจ้าของกับการตัดสินใจ
เมื่อไม่มีเจ้าของ แล้วใครตัดสินใจ ผมจะขออธิบายด้วยตัวอย่าง

เด็กน้อยคนหนึ่งเห็นเปลวเทียนครั้งแรก ยื่นมือไปจับ ครั้งที่สองยังจับอีก แต่ครั้งที่สามกลับไม่จับแล้ว เป็นเพราะเด็กน้อยเลือกเองหรือเป็นกลไกอัตโนมัติ

ถ้าวิเคราะห์เชิงประสาทวิทยา จะพบว่า ครั้งแรกเป็นการตอบสนองตามธรรมชาติของสมองที่อยากรู้อยากเห็น ครั้งที่สองเครือข่ายประสาทที่เรียนรู้จากความเจ็บยังไม่แข็งแรงพอ แต่หลังจากประสบความเจ็บปวดซ้ำ สมองสร้างเครือข่ายใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการคาดการณ์ผลลัพธ์และการควบคุมตนเอง ส่งผลให้ครั้งที่สามเด็กหลีกเลี่ยงการจับไฟ

ในมุมมองพระพุทธศาสนา นี่คือการทำงานของขันธ์ห้าที่สืบเนื่อง ตาเห็น รูป>> เกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น เวทนา >> การจำแนกสิ่งเร้า สัญญา >> การปรุงแต่งให้ยื่นมือ สังขาร>> การรับรู้ประสบการณ์ วิญญาณ

กระบวนการนี้เกิดขึ้นเองอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้มี เจ้าของ ควบคุม แต่เป็นการสะสมข้อมูลและการปรับเครือข่ายโดยอัตโนมัติ สมองไม่ได้มีเจตจำนงเสรีที่ถูกควบคุมโดยตัวตนถาวรแต่เป็นการตอบสนองเชิงเหตุปัจจัย

3. การรับผิดชอบต่อการกระทำ แม้ไร้เจ้าของถาวร

คำถามสำคัญคือ หากไม่มีตัวตนที่ถาวร ใครกันที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำ

คำตอบอยู่ที่ความเข้าใจว่ากระแสของขันธ์ห้าคือผู้รับผลไม่ใช่ตัวตน แบบเที่ยงแท้ถาวร เช่นในตัวอย่างเด็กน้อย  เมื่อเด็กจับเปลวเทียนและได้รับความเจ็บปวด ขันธ์ทั้งห้ารับผลลัพธ์นั้น รูปร่างบาดเจ็บ รูป เจ็บปวด เวทนา จำได้ สัญญา ปรุงแต่งความคิดเพื่อหลีกเลี่ยง สังขาร และการรับรู้พฤติกรรมใหม่ วิญญาณ

ในลักษณะเดียวกัน เมื่อเรากระทำสิ่งใด ทั้งดีหรือร้าย กระแสของขันธ์ห้าจะสะสมประสบการณ์ เรียนรู้ และปรับตัว แม้จะไม่มีเจ้าของถาวร ก็ยังมีการรับผิดชอบในลักษณะของกระแสการเปลี่ยนแปลงนั้น

4. ศีลธรรมภายใต้การไม่มีเจ้าของ

ศีลธรรมไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่บนความเชื่อว่ามีตัวตนถาวร ท่านพุทธทาสเคยกล่าวว่า เมื่อปล่อยวางตัวกูของกูได้ ศีลธรรมที่แท้จริงจึงเกิดขึ้น

หากตระหนักว่าทั้งตนเองและผู้อื่นล้วนเป็นกระแสขันธ์ที่ไม่มีเจ้าของถาวร การเห็นอกเห็นใจย่อมเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่ใช่เพราะกลัวโทษหรือหวังรางวัล แต่เพราะกระแสขันธ์ของเราสัมผัสถึงความทุกข์ของผู้อื่นโดยตรง

การช่วยเหลือผู้อื่นจึงไม่ใช่การทำเพื่อเอาหน้า ไม่ใช่เพราะกลัวนรกหรืออยากขึ้นสวรรค์ แต่เกิดจากการเข้าใจว่าเราและเขาไม่แตกต่างในความรู้สึกพื้นฐานของความเจ็บปวดและความสุข

สรุป ตัวตนมีอยู่ในฐานะกระบวนการ แต่ไม่มีเจ้าของถาวร การตัดสินใจและการรับผิดชอบเกิดจากกระบวนการเรียนรู้และตอบสนองของขันธ์ห้า ไม่ได้ต้องการตัวตนกลางมาควบคุม ความเข้าใจเช่นนี้ไม่ทำลายศีลธรรม แต่กลับเปิดทางให้ศีลธรรมที่แท้จริง คือความกรุณาที่ปราศจากเงื่อนไขได้งอกงามอย่างธรรมชาติ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่