เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมสั่งซื้อหัวแร้งใส้เซรามิคมา 1 ด้าม ราคารวมค่าส่ง 168 บาท เป็นสินค้าแบรนด์ไทยที่สั่งผลิตจากจีน เขาใช้ชื่อรุ่นคล้ายกับยี่ห้อ Hakko น่าจะเปลี่ยนไปใช้ปลายของ Hakko ได้ก็เลยซื้อมา  เมื่อของมาถึงก็พบว่าน้ำหนักเบากว่า Hakko 980 มากเพราะปลายเป็นเหล็กบางๆ ปอกก็เป็นสเตนเลสบางๆ ใส้ความร้อนมีสายไฟ 2 เส้น แสดงว่ามีใส้ชุดเดียวแต่ใช้ได้โอดมาคั่นทำให้กำลังวัตต์ต่ำลงมา  ขณะที่ของแท้จะมีสายไฟ 3 เส้น มีใส้ความร้อนวัตต์ต่ำและวัตต์สูงแยกกัน ดังนั้นหัวแร้งตัวนี้จึงมีกำลังวัตต์ 20/40 วัตต์เท่านั้นแต่เขาโม้ว่า 20-130 วัตต์ถือว่าไม่ตรงปก

ทดสอบบัดกรีดูพบว่าตะกั่วจับปลายหัวแร้งดีมากแต่บัดกรีต่อเนื่องไม่ดีเพราะความร้อนตกเนื่องจากมีช่องว่างระหว่างใส้เซรามิคและปลายหัวแร้ง  ตอนแรกผมจะซื้อปลายของ Hakko มาใช้แต่ลองแก้ไขดูก่อน ไปเจอหลอดดูดน้ำสเตนเลสก็เลยตัดเจียรให้พอดีแล้วใช้ตะไบกลมตะไบรูให้กลมเรียบจากนั้นนำไปสวมใส้เซรามิคแล้วค่อยก็สวมปลายหัวแร้งเข้าไป เมื่อช่องว่างระหว่างใส้เซรามิคและปลายหัวแร้งลดลงก็จะได้ความร้อนคงที่ดีขึ้น บัดกรีต่อเนื่องได้ไม่ต้องหยุดรอความร้อนเหมือนก่อน


หลอดดูดน้ำสเตนเลสที่ผมใช้ ปกติปลายหัวแร้งราคาแพงจะใช้แผ่นทองแดงนำความร้อนไปสู่เหล็กแต่ผมใช้สเตนเลสประสิทธิภาพจะต่ำลงแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้มีช่องว่างใช้อากาศนำความร้อน


ภายในหัวแร้งมีสายไฟ 2 เส้น ใช้ไดโอดลดกำลังวัตต์ ซึ่งหัวแร้งราคาถูกจะใช้แบบนี้ ขณะที่ของแพงจะเป็นใส้ความร้อนสูง-ต่ำแยกชุดกัน มีสายไฟ 3 เส้น


เมื่อโมดิฟายด์เสร็จก็ใช้งานจริงงานแรก บัดกรีขั้วแบตเตอรี่ 18650 พบว่าใช้งานดีมากบัดกรีขั้วแบตโดยไม่ต้องกดปุ่มเพิ่มกำลังวัตต์เลย



หัวแร้งที่ผมมีตอนนี้ เหตุที่ต้องมีหลายด้ามก็เพราะแต่ละด้ามปลายไม่เหมือนกันและต้องมีปลายสำหรับลนกาวแท่ง/เจาะพลาสติก

สรุปตอนนี้ผมไม่ต้องซื้อปลายของ Hakko เพราะตอนนี้ใช้ดีแล้วประหยัดเงินไปได้เกือบ 200 บาท  ถ้าใครมีหัวแร้งจีนอยากให้ใช้งานดียิ่งขึ้นก็นำวิธีนี้ไปใช้ได้เลยครับ