JJNY : ผู้สมัครนายก-สท.ปชน. แถลงนโยบายชูระยอง│กกต.ร่อนเอกสารโต้ข่าวรู้เห็นฮั้วส.ว.│น้ำมันดิบร่วงลง│เตือนระวังพายฤดูร้อน

เมื่อวันที่ 25 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูษิต ไชยฉ่ำ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครระยองในนามพรรคประชาชน เบอร์ 1 นำคณะผู้บริหารและผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลนครระยองทั้ง 4 เขตจำนวน 24 คนเปิดแถลงนโยบายอย่างเป็นทางการที่ห้องประชุมชั้น 1 โรงแรมพลาย พลัส อำเภอเมืองระยอง

นายภูษิต เปิดเผยข้อมูลพื้นที่รับผิดชอบเทศบาลนครระยอง มีพื้นที่ 16.95 ตารางกิโลเมตร จำนวนประชากร 55,602 คน 29 ชุมชน 4 เขตเลือกตั้ง จังหวัดระยองเป็นหนึ่งในจังหวัดของโครงการเขตพัฒนาพิเศษเศรษฐกิจภาคตะวันออก (eec) แนวทางการบริหารเทศบาลนครระยองจะต้องคิดอย่างรอบคอบ กว้างไกล ให้สามารถดูแลทุกข์สุขพี่น้องชาวระยองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกๆ ด้าน

.

นครระยองจึงต้องเป็นเมืองที่ยืดหยุ่น ปรับตัวได้ มีสาธารณูปโภคที่เพียงพอให้พี่น้องชาวนครระยอง “นครระยอง เมืองแห่งโอกาส” ประกอบด้วย 3 เสาหลัก 20 นโยบายบริหารเทศบาลนครระยองของ นายภูษิต ไชยฉ่ำ ประกาศชัดเจน 100 วันแรก ผลักดันระบบร้องเรียน ร้องทุกข์ ออนไลน์ผ่านระบบ ไลน์เทศบาล แก้ไขปัญหาให้ภายใน 48 ชั่วโมง กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากจากชุมชน ด้วยการเปิดพื้นที่ใจดีมาร์เก็ต ปันขาย ปันสุข ใช้ทรัพยากรที่มีของเทศบาลกระตุ้นการค้าขายและจับจ่ายใช้สอยของประชาชน

.

1 ปีแรก พัฒนาระบบ Mycity-Supper app เมืองเรา ในมือของเรา ดูกล้องวงจรปิดแต่ละจุดผ่านมือถือ จองคิวทำบัตรประชาชน ลงทะเบียนทำหมันหมา แมว บริการรถรับส่งผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ยกระดับบริการทางสุขภาพโดยใช้รากฐานที่สำคัญอย่าง อสม.สู่การเป็นผู้นำสุขภาพชุมชน วางรากฐานการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ ให้เกิดการกระจายศูนย์กลางการค้าขายในทุกย่าน ทั้งศูนย์กลางเศรษฐกิจเมือง ตลาดปลา ศูนย์สินค้าของดีชุมชนและย่านเมืองเก่า วางโครงข่ายระบบขนส่งสาธารณะแก้ปัญหาการจราจร เปลี่ยนที่รกร้างให้มีชีวิต พัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพ 5 นาทีใกล้บ้านและที่สำคัญที่สุดคือเข้ามาบริหารจัดการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ

เมื่อวันที่ 25 เมษายน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกเอกสารข่าวชี้แจงเกี่ยวกับการนำโพยหรือเอกสารแนะนำตัวสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เข้าไปในสถานที่เลือก ส.ว.ในการเลือกระดับประเทศ หลังสำนักข่าวบางแห่งนำเสนอข่าวในลักษณะนำถ้อยคำของพยานที่กล่าวหาว่ามีบุคลากรของสำนักงาน กกต. มีส่วนร่วมในกระบวนการฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา โดยแนะนำว่าให้แอบนำเอกสารใดๆหรือจดใส่มือเข้าไปในสถานที่เลือกวุฒิสภานั้น

.

สำนักงาน กกต.ชี้แจงว่า กกต.ได้ออกระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการสมัครสมาชิกวุฒิสภา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2567 ข้อ 7 วรรคสอง กำหนดว่า “เอกสารแนะนำตัวตามวรรคหนึ่ง จะแจกจ่ายหรือนำเข้าไปในสถานที่เลือกไม่ได้” โดยวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 971/2567 และคดีหมายเลขแดงที่ 972/2567 เพิกถอนข้อ 7 วรรคสอง ของระเบียบกกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวดังกล่าว และต่อมาในวันที่ 28 มกราคม 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้มีคำพิพากษา หมายเลขแดงที่ อท13/2568 วินิจฉัยว่าการนำโพยหรือเอกสารที่มีการจดหมายเลขของผู้สมัครอื่นเข้าไปในสถานที่เลือกตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มิได้มีข้อห้ามไว้โดยตรง จึงเห็นได้ว่ากฎหมายไม่ได้กำหนดว่าการนำเอกสาร รวมทั้งเอกสารที่จดหมายเลขผู้สมัครอื่นเข้าไปในเขตเลือกตั้งเป็นความผิดในตัวเอง ดังนั้นเมื่อไม่มีกฎหมายกำหนด หรือกำหนดเป็นความผิดไว้ ผู้สมัครก็ย่อมมีสิทธินำเอกสารใดเข้าไปในสถานที่เลือกได้

.

ประกอบกับก่อนการเลือก ส.ว. นั้น กกต.ได้ออกระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ฉบับที่2) ข้อ 7 วรรคสอง กำหนดว่า “เอกสารแนะนำตัวตามวรรคหนึ่ง จะแจกจ่ายหรือนำเข้าไปในสถานที่เลือกไม่ได้” แสดงให้เห็นว่า กกต.ใช้อำนาจออกระเบียบห้ามไม่ให้ผู้สมัครนำเอกสารแนะนำตัวเข้าไปในสถานที่เลือกสมาชิกวุฒิสภา แต่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนข้อ 7 วรรคสอง ของระเบียบดังกล่าว จึงไม่มีผลบังคับ ผู้สมัครมีสิทธินำเอกสารแนะนำตัวเข้าไปในสถานที่เลือกและเหตุในเบื้องต้น ทำให้เห็นว่าเอกสารอื่นที่ไม่มีกฎหมายห้ามหรือกำหนดเป็นความผิดไว้ ผู้สมัครก็ย่อมนำเข้าไปในสถานที่เลือกได้

.

ดังนั้นการนำเอกสารหรือโพยเข้าไปในสถานที่เลือก ส.ว. จึงเป็นสิทธิของผู้สมัคร ไม่ต้องขออนุญาตต่อผู้ใด และสำนักงาน กกต.ไม่มีอำนาจในการห้ามหรือให้ผู้สมัครนำเอกสารใดๆเข้าไปในสถานที่เลือกได้ เว้นแต่กกต. จะกำหนด การเสนอข่าวดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นการสำคัญผิดในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่ง กกต. ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาเกี่ยวกับการนำเอกสารใดๆเข้าไปในสถานที่เลือกทุกระดับ ตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัดและระดับประเทศ

.

.

ราคาน้ำมันดิบร่วงลงสัปดาห์นี้ เหตุผู้ค้ากังวลเรื่องอุปทานล้นตลาดจากกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิต ขณะสงครามการค้าจีน-สหรัฐเริ่มคลี่คลายลง สงครามยูเครนอาจจบลง

.

รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบวันศุกร์ (25 เม.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทยว่า 

.

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าปิดตลาดล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 32 เซ็นต์ แตะที่ 66.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ปรับขึ้น 23 เซ็นต์ แตะที่ 63.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันเบรนท์ร่วงลงมากกว่า 1% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงมากกว่า 2%

.

“ราคาน้ำมันร่วงลงในรอบสัปดาห์ เนื่องจากความกังวลเรื่องอุปทานล้นตลาดจากกลุ่มโอเปกพลัส ยังคงมีอยู่ ขณะที่แนวโน้มอุปสงค์ยังคงไม่แน่นอนท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าที่ยังคงดำเนินอยู่ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นยังเพิ่มแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบอีกด้วย” นายอันห์ ปัม นักวิเคราะห์อาวุโสของ LSEG กล่าว

.

โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวว่าจีนและสหรัฐฯ ไม่มีการปรึกษาหารือหรือเจรจาเรื่องภาษีนำเข้า ซึ่งขัดแย้งกับความเห็นก่อนหน้านี้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนกำลังดำเนินอยู่

จีนกำลังพิจารณายกเว้นภาษีนำเข้า 125% สำหรับสินค้าบางรายการที่นำเข้าจากสหรัฐฯ และขอให้ภาคธุรกิจจัดทำรายการสินค้าที่อาจเข้าข่าย ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่สำคัญที่สุดที่แสดงให้เห็นถึงความกังวลของปักกิ่งเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามการค้า

จีนขึ้นภาษีตอบโต้หลังจากทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้าจีนสูงถึง 145 %

.

ราคาน้ำมันร่วงลงเมื่อต้นเดือนนี้ หลังจากภาษีดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ทั่วโลกและการเทขายในตลาดการเงิน

ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกินกำลังเพิ่มขึ้น สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่าสมาชิกโอเปกพลัสหลายรายเสนอให้เร่งเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเป็นเดือนที่สองในเดือนมิถุนายน

.

นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับซีบีเอสนิวส์ว่าสหรัฐฯ และรัสเซียกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องเพื่อยุติสงครามในยูเครน แต่องค์ประกอบเฉพาะบางอย่างของข้อตกลงยังคงต้องตกลงกัน

.

การยุติสงครามในยูเครนของรัสเซียและการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรอาจทำให้มีน้ำมันจากรัสเซียไหลเข้าสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น รัสเซียซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มโอเปกพลัสซึ่งรวมถึงองค์กรของประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (โอเปก) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ร่วมกับสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบีย