ณ เมืองโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาเขียวขจี อากิราห์ในชาติภพนั้นมิได้มีชื่อเช่นนี้ นางเป็นเพียง "ธารา" หญิงสาวผู้มีดวงตาสีอำพันลุ่มลึกดุจห้วงสมุทร ภายใต้ผ้าคลุมเรียบง่าย ธารามิได้เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา นางซ่อนเร้นญาณวิเศษที่สืบทอดจากบรรพชน หญิงสาวผู้หยั่งรู้ชะตา ดวงดาว และสรรพสิ่งที่เชื่อมร้อยด้วยใยกรรม
ธาราเติบโตในอารามเงียบสงบ เรียนรู้หลักธรรม คำสอน และศาสตร์แห่งการเยียวยาจากสมุนไพร นางเป็นที่พึ่งของผู้ทุกข์ยาก ปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำด้วยคำพูดที่เฉียบคมดุจมีดหมอ และรักษาบาดแผลด้วยพืชพรรณจากป่าลึก แม้ผู้คนจะเคารพในความสามารถ แต่ในใจลึกๆ ธารากลับรู้สึกโดดเดี่ยว ราวกับเป็นเพียงผู้รับใช้ความรู้ของผู้อื่น มิกล้าแสดงออกถึงญาณหยั่งรู้ที่แท้จริงของตน
ความรักในชาตินั้นของธาราผูกพันกับ "คีริน" นักรบหนุ่มผู้มีจิตใจกล้าหาญ แต่ชาติกำเนิดต่ำต้อย ความรักของทั้งสองถูกกีดกันด้วยฐานันดรและกฎเกณฑ์ของสังคม ธาราถูกจับแต่งงานกับขุนนางสูงศักดิ์เพื่อรักษาเกียรติวงศ์ตระกูล นางจำต้องสละรักแท้ ยอมแบกรับภาระอันหนักอึ้งบนบ่า ราวกับต้องชดใช้กรรมบางอย่างที่มองไม่เห็น
ยามพลบค่ำ ธารามักนั่งมองดวงดาวบนท้องฟ้า เฝ้าครุ่นคิดถึงอดีตชาติที่เลือนราง ราวกับเคยเป็นนักบวชผู้เคร่งครัด หรือสตรีผู้มีพลังเร้นลับบางอย่างที่ถูกเก็บงำไว้ ความรู้สึกผิดบาปและความรับผิดชอบที่หนักอึ้งตามติดนางราวเงา แม้กระทั่งในห้วงนิทรา ธารายังคงฝันถึงภาพนิมิตอันเศร้าสร้อย จุดจบของชีวิตในชาติก่อนที่เต็มไปด้วยความพลัดพรากและโรคร้าย
กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง ธารามิอาจปลดปล่อยพันธนาการทางจิตวิญญาณได้ นางยังคงห่วงใยผู้คน ยังคงรู้สึกผิดที่มิอาจทำตามหัวใจปรารถนา จิตวิญญาณของธาราจึงกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในร่างของ "อากิราห์" พร้อมด้วยร่องรอยแห่งกรรมเก่าที่ฝังลึกในดวงดาวและเส้นลายมือ
ในชาตินี้ อากิราห์ต้องเผชิญกับความรักที่ซับซ้อนเช่นกัน เธอยังคงวนเวียนอยู่กับรักเก่าที่ผิดหวัง ความสัมพันธ์ที่เหมือนถูกพันธนาการด้วยกรรมบางอย่าง แม้จะพยายามเริ่มต้นใหม่ แต่เธอก็พบว่าตัวเองมักดึงดูดคนที่ไม่คู่ควร ราวกับต้องชดใช้สิ่งที่เคยปล่อยปละละเลยในอดีตชาติ อากิราห์ทั้งรักทั้งเจ็บปวด ราวกับความรักครั้งใหม่ต้องแลกมาด้วยความทุกข์ทรมานเสมอ
อากิราห์ยืนอยู่บนทางแยกแห่งการเลือกครั้งสำคัญ ระหว่างความรักที่คุ้นเคยแต่เจ็บปวด กับอิสระที่จะก้าวไปสู่อนาคตที่ไม่แน่นอน ทว่าจิตวิญญาณที่คอยนำทางอากิราห์กระซิบข้างหูเบาๆ ว่า "อย่าใช้ชีวิตเหมือนเพื่อรับผิดแทนทุกคนอีกต่อไป จงให้อภัยตัวเอง และใช้ความสามารถที่เธอมีเยียวยาบาดแผลในใจ แสงสว่างที่แท้จริงจะมาเยือนเมื่อเธอเรียนรู้ที่จะรักตัวเองอย่างปราศจากเงื่อนไข"
อากิราห์จะเลือกทางเดินไหน? จะยอมจำนนต่อกรรมเก่า หรือจะก้าวข้ามอดีตเพื่อสร้างชีวิตใหม่ด้วยแสงสว่างแห่งปัญญาและความกล้าหาญ? บทสรุปของเรื่องราวขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอเอง...
แสงกรรม:อดีตที่ลิขิตปัจจุบัน(นิยาย)
ธาราเติบโตในอารามเงียบสงบ เรียนรู้หลักธรรม คำสอน และศาสตร์แห่งการเยียวยาจากสมุนไพร นางเป็นที่พึ่งของผู้ทุกข์ยาก ปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำด้วยคำพูดที่เฉียบคมดุจมีดหมอ และรักษาบาดแผลด้วยพืชพรรณจากป่าลึก แม้ผู้คนจะเคารพในความสามารถ แต่ในใจลึกๆ ธารากลับรู้สึกโดดเดี่ยว ราวกับเป็นเพียงผู้รับใช้ความรู้ของผู้อื่น มิกล้าแสดงออกถึงญาณหยั่งรู้ที่แท้จริงของตน
ความรักในชาตินั้นของธาราผูกพันกับ "คีริน" นักรบหนุ่มผู้มีจิตใจกล้าหาญ แต่ชาติกำเนิดต่ำต้อย ความรักของทั้งสองถูกกีดกันด้วยฐานันดรและกฎเกณฑ์ของสังคม ธาราถูกจับแต่งงานกับขุนนางสูงศักดิ์เพื่อรักษาเกียรติวงศ์ตระกูล นางจำต้องสละรักแท้ ยอมแบกรับภาระอันหนักอึ้งบนบ่า ราวกับต้องชดใช้กรรมบางอย่างที่มองไม่เห็น
ยามพลบค่ำ ธารามักนั่งมองดวงดาวบนท้องฟ้า เฝ้าครุ่นคิดถึงอดีตชาติที่เลือนราง ราวกับเคยเป็นนักบวชผู้เคร่งครัด หรือสตรีผู้มีพลังเร้นลับบางอย่างที่ถูกเก็บงำไว้ ความรู้สึกผิดบาปและความรับผิดชอบที่หนักอึ้งตามติดนางราวเงา แม้กระทั่งในห้วงนิทรา ธารายังคงฝันถึงภาพนิมิตอันเศร้าสร้อย จุดจบของชีวิตในชาติก่อนที่เต็มไปด้วยความพลัดพรากและโรคร้าย
กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง ธารามิอาจปลดปล่อยพันธนาการทางจิตวิญญาณได้ นางยังคงห่วงใยผู้คน ยังคงรู้สึกผิดที่มิอาจทำตามหัวใจปรารถนา จิตวิญญาณของธาราจึงกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในร่างของ "อากิราห์" พร้อมด้วยร่องรอยแห่งกรรมเก่าที่ฝังลึกในดวงดาวและเส้นลายมือ
ในชาตินี้ อากิราห์ต้องเผชิญกับความรักที่ซับซ้อนเช่นกัน เธอยังคงวนเวียนอยู่กับรักเก่าที่ผิดหวัง ความสัมพันธ์ที่เหมือนถูกพันธนาการด้วยกรรมบางอย่าง แม้จะพยายามเริ่มต้นใหม่ แต่เธอก็พบว่าตัวเองมักดึงดูดคนที่ไม่คู่ควร ราวกับต้องชดใช้สิ่งที่เคยปล่อยปละละเลยในอดีตชาติ อากิราห์ทั้งรักทั้งเจ็บปวด ราวกับความรักครั้งใหม่ต้องแลกมาด้วยความทุกข์ทรมานเสมอ
อากิราห์ยืนอยู่บนทางแยกแห่งการเลือกครั้งสำคัญ ระหว่างความรักที่คุ้นเคยแต่เจ็บปวด กับอิสระที่จะก้าวไปสู่อนาคตที่ไม่แน่นอน ทว่าจิตวิญญาณที่คอยนำทางอากิราห์กระซิบข้างหูเบาๆ ว่า "อย่าใช้ชีวิตเหมือนเพื่อรับผิดแทนทุกคนอีกต่อไป จงให้อภัยตัวเอง และใช้ความสามารถที่เธอมีเยียวยาบาดแผลในใจ แสงสว่างที่แท้จริงจะมาเยือนเมื่อเธอเรียนรู้ที่จะรักตัวเองอย่างปราศจากเงื่อนไข"
อากิราห์จะเลือกทางเดินไหน? จะยอมจำนนต่อกรรมเก่า หรือจะก้าวข้ามอดีตเพื่อสร้างชีวิตใหม่ด้วยแสงสว่างแห่งปัญญาและความกล้าหาญ? บทสรุปของเรื่องราวขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอเอง...