บทที่ 2: ร่องรอยแห่งความว้าวุ่น
อากิราห์ในชาติภพปัจจุบัน ตื่นขึ้นมาพร้อมแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่าน เธอเป็นเพียงพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งในเมืองใหญ่ ชีวิตของเธอดูเหมือนจะราบเรียบ ไร้ซึ่งความลำบากใดๆ ที่เคยกัดกิน "ธารา" ในอดีตกาล เธอมีงานที่มั่นคง มีคอนโดมิเนียมเป็นของตัวเอง และไม่มีใครมาบังคับให้ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่รัก
ทว่า...ความรู้สึกว่างเปล่าบางอย่างกลับเกาะกุมจิตใจของอากิราห์เสมอมา
ทุกเช้า เธอจะเริ่มต้นวันด้วยกาแฟดำเข้มข้น พลางไถหน้าจอโทรศัพท์มือถือดูข่าวสารที่ไม่เคยทำให้ใจสงบลงได้เลย โลกภายนอกเต็มไปด้วยความเร่งรีบและความคาดหวังที่มองไม่เห็น อากิราห์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังติดอยู่ในวงจรที่ไม่สิ้นสุดของความว้าวุ่น เธอทำงานหนัก ตอบสนองความต้องการของเจ้านายและลูกค้า แต่ในใจกลับไม่เคยรู้สึกเติมเต็ม
ในที่ทำงาน อากิราห์เป็นที่รู้จักในฐานะคนเก่ง มีความรับผิดชอบ และจัดการทุกอย่างได้อย่างไร้ที่ติ แต่ภายใต้ท่าทีที่แข็งแกร่งนั้น เธอมักจะรู้สึกเหนื่อยล้า และไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงไม่เคยมีความสุขอย่างแท้จริง เธอพยายามปลอบใจตัวเองว่านี่คือชีวิตของคนวัยทำงานทั่วไป แต่เสียงเล็กๆ ในใจกลับกระซิบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างก็เช่นกัน อากิราห์มีเพื่อนฝูง แต่ไม่เคยมีใครที่สามารถเข้าใจความลึกซึ้งในจิตใจของเธอได้ เธอรู้สึกเหมือนกำลังสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลา ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ด้วยกลัวว่าจะไม่มีใครยอมรับ หรือเข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่
ยามค่ำคืน อากิราห์มักจะนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างคอนโดฯ มองเห็นแสงไฟระยิบระยับของเมืองใหญ่ เธอไม่เคยฝันถึงอดีตชาติที่ชัดเจนเหมือนธารา แต่ความรู้สึกผิดบาปและความรับผิดชอบที่หนักอึ้งยังคงตามติดเธอมาในรูปแบบของความกังวลและความไม่มั่นคงทางอารมณ์ เธอรู้สึกเหมือนกำลังแบกรับภาระบางอย่างที่ไม่รู้ที่มา ราวกับต้องชดใช้กรรมเก่าที่ไม่เคยเห็น
ในชาตินี้ อากิราห์ยังคงวนเวียนอยู่กับความรักที่ซับซ้อน เธอพบว่าตัวเองมักจะดึงดูดคนที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด หรือมีความสัมพันธ์ที่ไม่เคยราบรื่นเลย เหมือนกับว่าโชคชะตากำลังเล่นตลก ซ้ำรอยความผิดหวังในอดีต อากิราห์พยายามที่จะถอยห่าง แต่ก็เหมือนมีบางอย่างผูกมัดเธอไว้ ทำให้ยากที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างอิสระ
ในวันที่วุ่นวายวันหนึ่ง ขณะที่อากิราห์กำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ตัวเลขและตัวอักษรมากมายดูเหมือนจะหลอมรวมกันเป็นภาพที่ไม่เข้าใจ จู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนมีเสียงกระซิบแผ่วเบาในใจ "อย่าใช้ชีวิตเหมือนเพื่อรับผิดแทนทุกคนอีกต่อไป จงให้อภัยตัวเอง..." เสียงนั้นชัดเจนและอบอุ่นอย่างน่าประหลาดใจ ทำให้ใจของอากิราห์สั่นไหว
เธอเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ มองออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่ เห็นท้องฟ้าสีเทาที่ปกคลุมเมือง ความว้าวุ่นในจิตใจยังคงอยู่ แต่บางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปภายในตัวเธอ อากิราห์เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า ชีวิตที่ราบเรียบแต่ไร้ความสุขนี้ เธอจะยอมให้มันเป็นเช่นนี้ต่อไป หรือจะถึงเวลาแล้วที่จะต้องฟังเสียงจากข้างใน และค้นหาหนทางที่จะเยียวยาบาดแผลในใจของเธอเอง?
อากิราห์จะก้าวข้ามความว้าวุ่นในจิตใจ และค้นพบความสุขที่แท้จริงได้หรือไม่?
แสงกรรม : บทที่ 2: ร่องรอยแห่งความว้าวุ่น
อากิราห์ในชาติภพปัจจุบัน ตื่นขึ้นมาพร้อมแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่าน เธอเป็นเพียงพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งในเมืองใหญ่ ชีวิตของเธอดูเหมือนจะราบเรียบ ไร้ซึ่งความลำบากใดๆ ที่เคยกัดกิน "ธารา" ในอดีตกาล เธอมีงานที่มั่นคง มีคอนโดมิเนียมเป็นของตัวเอง และไม่มีใครมาบังคับให้ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่รัก
ทว่า...ความรู้สึกว่างเปล่าบางอย่างกลับเกาะกุมจิตใจของอากิราห์เสมอมา
ทุกเช้า เธอจะเริ่มต้นวันด้วยกาแฟดำเข้มข้น พลางไถหน้าจอโทรศัพท์มือถือดูข่าวสารที่ไม่เคยทำให้ใจสงบลงได้เลย โลกภายนอกเต็มไปด้วยความเร่งรีบและความคาดหวังที่มองไม่เห็น อากิราห์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังติดอยู่ในวงจรที่ไม่สิ้นสุดของความว้าวุ่น เธอทำงานหนัก ตอบสนองความต้องการของเจ้านายและลูกค้า แต่ในใจกลับไม่เคยรู้สึกเติมเต็ม
ในที่ทำงาน อากิราห์เป็นที่รู้จักในฐานะคนเก่ง มีความรับผิดชอบ และจัดการทุกอย่างได้อย่างไร้ที่ติ แต่ภายใต้ท่าทีที่แข็งแกร่งนั้น เธอมักจะรู้สึกเหนื่อยล้า และไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงไม่เคยมีความสุขอย่างแท้จริง เธอพยายามปลอบใจตัวเองว่านี่คือชีวิตของคนวัยทำงานทั่วไป แต่เสียงเล็กๆ ในใจกลับกระซิบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างก็เช่นกัน อากิราห์มีเพื่อนฝูง แต่ไม่เคยมีใครที่สามารถเข้าใจความลึกซึ้งในจิตใจของเธอได้ เธอรู้สึกเหมือนกำลังสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลา ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ด้วยกลัวว่าจะไม่มีใครยอมรับ หรือเข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่
ยามค่ำคืน อากิราห์มักจะนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างคอนโดฯ มองเห็นแสงไฟระยิบระยับของเมืองใหญ่ เธอไม่เคยฝันถึงอดีตชาติที่ชัดเจนเหมือนธารา แต่ความรู้สึกผิดบาปและความรับผิดชอบที่หนักอึ้งยังคงตามติดเธอมาในรูปแบบของความกังวลและความไม่มั่นคงทางอารมณ์ เธอรู้สึกเหมือนกำลังแบกรับภาระบางอย่างที่ไม่รู้ที่มา ราวกับต้องชดใช้กรรมเก่าที่ไม่เคยเห็น
ในชาตินี้ อากิราห์ยังคงวนเวียนอยู่กับความรักที่ซับซ้อน เธอพบว่าตัวเองมักจะดึงดูดคนที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด หรือมีความสัมพันธ์ที่ไม่เคยราบรื่นเลย เหมือนกับว่าโชคชะตากำลังเล่นตลก ซ้ำรอยความผิดหวังในอดีต อากิราห์พยายามที่จะถอยห่าง แต่ก็เหมือนมีบางอย่างผูกมัดเธอไว้ ทำให้ยากที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างอิสระ
ในวันที่วุ่นวายวันหนึ่ง ขณะที่อากิราห์กำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ตัวเลขและตัวอักษรมากมายดูเหมือนจะหลอมรวมกันเป็นภาพที่ไม่เข้าใจ จู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนมีเสียงกระซิบแผ่วเบาในใจ "อย่าใช้ชีวิตเหมือนเพื่อรับผิดแทนทุกคนอีกต่อไป จงให้อภัยตัวเอง..." เสียงนั้นชัดเจนและอบอุ่นอย่างน่าประหลาดใจ ทำให้ใจของอากิราห์สั่นไหว
เธอเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ มองออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่ เห็นท้องฟ้าสีเทาที่ปกคลุมเมือง ความว้าวุ่นในจิตใจยังคงอยู่ แต่บางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปภายในตัวเธอ อากิราห์เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า ชีวิตที่ราบเรียบแต่ไร้ความสุขนี้ เธอจะยอมให้มันเป็นเช่นนี้ต่อไป หรือจะถึงเวลาแล้วที่จะต้องฟังเสียงจากข้างใน และค้นหาหนทางที่จะเยียวยาบาดแผลในใจของเธอเอง?
อากิราห์จะก้าวข้ามความว้าวุ่นในจิตใจ และค้นพบความสุขที่แท้จริงได้หรือไม่?