ดัชนีดาวโจนส์ดิ่ง 970 จุด ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์โจมตี ประธานเฟด เจอโรม พาวเวล ต่อเนื่อง ปลุกความกลัวของนักลงทุนอีกครั้ง เทขายหุ้นต่อ ด้านการเจรจาการค้าไม่คืบหน้า
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะหุ้นวอลล์สตรีทวันจันทร์ (21เม.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาไทยว่า หุ้นสหรัฐร่วงลงอีกครั้งในวันจันทร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์โจมตีเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด อย่างไม่หยุดยั้งทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลาง
ขณะที่นักลงทุนแทบไม่เห็นสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจาการค้าโลก จุดกระแสเทขายหุ้นต่อเนื่อง
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ดิ่งลง 971.82 จุด หรือ 2.48% ปิดที่ 38,170.41 จุด ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 2.36% ปิดที่ 5,158.20 จุด และดัชนี Nasdaq Compositeร่วงลงลึก 2.55% ปิดที่ 15,870.90 จุด
นักลงทุนเทขายหุ้นยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี หรือหุ้น 7 นางฟ้า “Magnificent Seven” ฉุดดัชนีหลักๆ ร่วงลง โดย Tesla และ Nvidia ลดลง 5.8% และมากกว่า 4% ตามลำดับ Amazon ลดลง 3% เช่นเดียวกับ Meta Platforms บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ Caterpillar ร่วงลง 2.8%
ทรัมป์โพสต์ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social อ้างว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง เว้นแต่ว่าพาวเวล ซึ่งเขาเรียกว่า “นายสายเกินไป ผู้แพ้รายใหญ่” จะลดอัตราดอกเบี้ยทันที ซึ่งเป็นการโจมตีพาวเวลอย่างต่อเนื่อง หลังทรัมป์โพสต์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเรียกร้องให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย โดยถึงกับบอกเป็นนัยถึงการ “ปลดพาวเวลออกจากตำแหน่ง” ซึ่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาว เควิน แฮสเซตต์ กล่าวว่าทีมของประธานาธิบดีกำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่
ดอลลาร์ยังอยู่ภายใต้แรงกดดัน โดยร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่การขู่ของทรัมป์รุนแรงขึ้น ในขณะเดียวกัน ทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์
“สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ คือความตึงเครียดที่แฝงอยู่ระหว่างเฟดและฝ่ายรัฐบาล” ไมเคิล กรีน หัวหน้านักยุทธศาสตร์ของกองทุน Simplify Asset Management กล่าว “เราเหมือนอยู่ในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิดซ้ำอีกครั้ง ความไม่แน่นอนได้ป่วนการค้าอย่างมีนัยสำคัญ ... ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่คาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจบางรูปแบบที่ในที่สุด เพื่อชดเชยผลกระทบของกำแพงภาษีศุลกากร”
การเจรจาการค้าไม่คืบหน้า
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังถูกบั่นทอนลงจากการขาดความคืบหน้าในการเจรจาการค้าโลก ความตึงเครียดดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเมื่อจีนเตือนประเทศอื่นไม่ให้ทำข้อตกลงการค้าใดๆ กับสหรัฐฯ ที่จะส่งผลกระทบต่อปักกิ่ง
ดัชนี S&P 500 ลดลง 9% ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน เมื่อทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆ ดัชนี Nasdaq ลดลงเกือบ 10% ในช่วงเวลาดังกล่าว และดัชนี Dow ลดลง 9.6%
“เราคิดว่านี่เป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่มีที่สิ้นสุดในแง่ของทิศทาง ... และนั่นเป็นเพราะเราไม่รู้ว่าภาษีจะลงเอยที่ใด” โรเบิร์ต ฮอว์เวิร์ธ นักยุทธศาสตร์การลงทุนอาวุโสของธนาคารยูเอสกล่าวในการสัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี “นี่คือตลาดที่พยายามหาความชัดเจนในทิศทาง และไม่ได้รับข้อสรุปมากนัก”
ฮอว์เวิร์ธ กล่าวเสริมว่า “หากความไม่แน่นอนยังคงดำเนินต่อไปเป็นระยะเวลานาน ซึ่งหมายถึงหลายไตรมาส ผมคิดว่าสิ่งนี้จะกระทบรายได้ของบริษัทและการตัดสินใจของผู้บริหาร และเราได้เห็นสิ่งนี้บ้างแล้วในช่วงฤดูกาลรายงานผลประกอบการ”
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลง และดัชนีดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีหลัง ทรัมป์ โจมตีประธานธนาคารกลางสหรัฐ และนโยบายการเงินต่อเนื่อง สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน
นักลงทุนแห่กันไปที่สินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งรวมถึงฟรังก์สวิส และทองคำ ซึ่งทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง
เมื่อวันจันทร์ ทรัมป์ย้ำคำวิจารณ์ของเขาต่อประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ และกล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลง เว้นแต่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงทันที
เควิน ฮัสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เมื่อตลาดหลายแห่งปิดทำการ ทรัมป์และทีมงานจะศึกษาเรื่องนี้ เมื่อถูกถามว่าการไล่ออกพาวเวลล์เป็นทางเลือกหนึ่งได้หรือไม่ หลังทรัมป์ได้โจมตีพาวเวลล์อย่างดุเดือดเมื่อวันพฤหัสบดี
ความคิดเห็นของทรัมป์เกี่ยวกับพาวเวลล์กระตุ้นให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของเฟดในการกำหนดเส้นทางนโยบายการเงิน และแนวโน้มต่อสินทรัพย์ของสหรัฐฯ
ตลาดส่วนใหญ่ปิดทำการในวันศุกร์ และบางแห่ง รวมทั้งส่วนใหญ่ของยุโรป ยังคงหยุดทำการในวันจันทร์อีสเตอร์ ส่งผลให้สภาพคล่องเบาบางลงกว่าปกติ
Robert Pavlik ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโออาวุโสของ Dakota Wealth ในแฟร์ฟิลด์ รัฐคอนเนตทิคัต กล่าวถึงพาวเวลล์ว่า "เป็นคนที่มั่นคง เขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง มีความมั่นคงในโลกของความไม่แน่นอน เขานำความสงบนั้นมาสู่ตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้คนสามารถพึ่งพาได้ ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนจุดยืนในขณะที่ความวุ่นวายทั้งหมดกำลังดำเนินอยู่"
นโยบายการเก็บภาษีของทรัมป์ทำให้ตลาดการเงินปั่นป่วนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และยังคงเป็นข้อกังวลสำคัญสำหรับนักลงทุน
ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ รุนแรงขึ้นหลังจากที่ปักกิ่งเตือนประเทศอื่นๆ ไม่ให้ทำข้อตกลงแบบเลือกข้างกับสหรัฐฯ เพิ่มเชื้อเพลิงให้กับสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงระหว่างสองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ดลง 971.82 จุด หรือ 2.48% ปิดที่ 38,170.41 จุด
ส่วนดัชนี S&P 500 (.SPX) ลดลง 124.50 จุด หรือ 2.36% สู่ 5,158.20 จุด
และดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ลดลง 415.55 จุด หรือ 2.55% เป็น 15,870.90 จุด
ดัชนี S&P 500 ปิดต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 16% หากดัชนีปิดต่ำกว่าระดับสูงสุดตลอดกาล 20% นั่นจะเป็นการยืนยันว่าดัชนีเข้าสู่ตลาดหมีแล้ว
ขณะที่เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินต่างๆ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่ำสุดที่ 97.923 ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 ค่าเงินก็ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบทศวรรษเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ในขณะที่เงินยูโรทะลุระดับ 1.15 ดอลลาร์
เงินยูโรขยับขึ้น 0.99% อยู่ที่ 1.1504 ดอลลาร์
เมื่อเทียบกับเงินเยนของญี่ปุ่น เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.87% มาอยู่ที่ 140.93
เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.88% เป็น 0.809
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีอายุยาวนานขึ้นเพิ่มขึ้นในขณะที่นักลงทุนประเมินการโจมตีที่เพิ่มขึ้นของฝ่ายบริหารของทรัมป์ต่อประธานเฟด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8.8 จุดมาอยู่ที่ 4.415% จาก 4.327% ในช่วงดึกของวันพฤหัสบดี
ดาวโจนส์ดิ่ง 970 จุด ผวาทรัมป์โจมตี ประธานเฟด พาวเวล รุนแรง